ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 10 ปีศาจห้วงลึก (10)
เมืองเบเกอร์
การเข่นฆ่าและความโกลาหลเมื่อสองสามวันก่อน ทำให้เมืองเบเกอร์ในตอนนี้ยังหลงเหลือบรรยากาศของการนองเลือดที่เข้มข้นอยู่
ปราสาทลอร์ดได้รับการปรับปรุงใหม่หมดโดยเหล่าช่างฝีมือเวทขั้นสูง ลิลลิก้าก็จัดแจงตกแต่งพระราชวังของเธอใหม่ด้วยเช่นกัน ส่วนห้องทดลองเวทมนตร์เล่นแร่แปรธาตุของฝ่าบาทซู ลิลลิก้าได้ส่งคนไปทำการปิดตาย ข้าวของภายในที่มีอยู่แต่เดิมถูกทำลายจนหมดสิ้น
ขณะเดียวกัน ประตูเมืองเข้าออกทุกประตูล้วนมีการตรวจตราอย่างเข้มงวด ภาพเหมือนของซูหว่านกับซูรุ่ยถูกติดไปทั่วเมือง ทั้งสองกลายเป็นอาชญากรตัวเอ้ในประกาศจับของเมืองเบเกอร์ไปแล้ว
ดีที่ตอนเดินทางผ่านอำเภอใกล้เคียง ซูรุ่ยเห็นประกาศจับเหล่านั้นก่อน ติงจยาจยาจึงต้องช่วยเหลือคนทั้งสอง ด้วยการเดินไปซื้อชุดฮู้ดแบบนักเวทให้ และตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองก็ถูกฮู้ดขนาดใหญ่บดบังไว้แล้ว เวลายืนอยู่กับแฟรงค์ จึงดูเหมือนกลุ่มนักเวทวิญญาณที่กำลังเดินทางไกลจริงๆ
“แค่ชุดก็ถูกนักเวทปีศาจอารักขาเมือง ดูออกอย่างง่ายดายแล้ว”
ทั้งสี่พักอยู่ในอำเภอเล็กๆ อำเภอหนึ่งนอกเมืองเบเกอร์
ซูหว่านปลดฮู้ดบนศีรษะลง จ้องมองคนทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าพลางพูดเสียงเบา
พอได้ยินเสียงของซูหว่าน ทุกคนก็จ้องมองนางด้วยสีหน้าแปลกๆ
“เสี่ยวหว่าน เธอมีวิธีอะไรเหรอ” ติงจยาจยามองดูซูหว่านอย่างตื่นเต้น…อุ๊บ จริงๆ แล้วเธอชอบเสียงในตอนนี้ของซูหว่านมาก
“ฉันจำได้ว่าพวกนักเวทวิญญาณล้วนเล่นแร่แปรธาตุแบบหนึ่งเป็น สามารถปรุงยาวิเศษที่เปลี่ยนรูปลักษณ์และเสียงของผู้คนได้ แฟรงค์ เจ้ารู้จักการเล่นแร่แปรธาตุแบบนี้ไหม?”
พอได้ยินคำถามของซูหว่าน ใบหน้าของแฟรงค์ก็มีความงุนงงวาบผ่าน แล้วเขาก็หลุบตาลง คล้ายพยายามครุ่นคิดอะไรอยู่ สุดท้ายแฟรงค์ก็สั่นศีรษะไปมา “ซูหว่าน ในตำราเวทมนตร์ที่ข้าร่ำเรียนมา ไม่มีการเล่นแร่แปรธาตุแบบนี้อยู่ในบันทึก เจ้าจำผิดหรือเปล่า”
“อ้อ”
ซูหว่านแย้มยิ้ม “งั้น ฉันอาจจำผิดเอง แต่ไม่เป็นไร ฉันกับซูรุ่ยรอพวกเจ้าอยู่ที่นี่ก็ได้ การต่อกรกับอัสโน แฟรงค์คนเดียวก็เพียงพอแล้ว ติงจยาจยาเธอไปช่วยเป็นกำลังใจให้เขาหน่อย พรุ่งนี้พวกเรารอข่าวดีจากพวกเธอนะ!”
“ไม่มีปัญหา!”
ติงจยาจยาที่อยู่อีกด้านดีดนิ้ว แล้วยิ้มตาหยี “เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง!”
ค่ำคืน พระจันทร์แดงทรงเสน่ห์
ในห้องของซูหว่าน มีตะเกียงวิเศษเผาไหม้อยู่ตลอด บนโต๊ะเรียงรายไปด้วยวัสดุอุปกรณ์ในการเล่นแร่แปรธาตุ นางใจจดใจจ่ออยู่แต่กับการปรุงยาวิเศษ ไม่นานนักก็ปรุงออกมาได้สองสามหลอด
ขณะมองดูสีสันของยาวิเศษที่แตกต่างกันในหลอดทดลอง ซูหว่านก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ยาวิเศษเหล่านี้นางกลั่นกรองออกจากความทรงจำของร่างเดิม ซึ่งร่างเดิมก็ได้แต่อ่านจากบันทึกในหนังสือเวทมนตร์ไม่กี่เล่ม แต่ไม่เคยปรุงด้วยมือตนเองเลย
ดังนั้น ซูหว่านจึงไม่รู้ว่ายาวิเศษในมือตนเองเหล่านี้จะใช้ได้จริงหรือไม่ สิ่งที่นางต้องทำคือ ตื่นแต่เช้า แล้วไปจับอสูรปีศาจอเวจีชั้นต่ำจำนวนหนึ่งมาทดลอง…
รุ่งขึ้น ติงจยาจยากับแฟรงค์ก็พาราชันย์ซากศพนรกตัวเบ้อเริ่มเทิ่มออกไปแต่เช้ามืด
“ภรรยา คุณว่าแฟรงค์จะฆ่าอัสโนได้เหรอ”
ซูรุ่ยยืนอยู่ในลานบ้าน มองดูร่างที่จากไปของคนทั้งสองพลางถามอย่างอดไม่ได้
“ไม่ได้”
ซูหว่านค่อยๆ เอ่ยปาก โทนเสียงมั่นใจ
แฟรงค์ไม่สามารถฆ่าอัสโนได้ จุดนี้ซูหว่านเชื่อสนิทใจ ไม่สงสัยแม้แต่น้อย มิเช่นนั้น เมื่อคืนนางก็ไม่ต้องปรุงยาวิเศษตลอดคืนแล้ว
“ซูรุ่ย คริสทัลน้ำเงินครามที่ครั้งก่อนฉันให้คุณเก็บไว้ล่ะ เอาให้ฉันที!”
“หือ?”
ซูรุ่ยอึ้งไปพักหนึ่ง “ภรรยา คุณจะใช้มันทำอะไร”
“ก็ต้องใช้มันต่อกรกับแฟรงค์สิ ถ้าเขาเป็นผู้คุมกฎจริง ต่อให้เราสามคนรวมพลังกัน ก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะเขาได้ คุณอย่าลืมนะว่า เขายังมีราชันย์ซากศพนรกที่ตัวใหญ่สุดๆ ตนหนึ่งด้วย! อีกอย่าง…ไม่มีใครรู้ว่าเขายังมีไพ่เด็ดอะไรในมือ กระทั่ง…ตัวตนของเขา ชื่อของเขา รวมทั้งทุกอย่างที่เป็นเขา อาจเป็นของปลอมหมด!”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน ดวงตาของซูรุ่ยก็นิ่ง แววตามีประกายวาบผ่าน “ภรรยา หรือเมื่อคืนคุณจงใจลองใจเขา”
“ไม่ผิด ในหมู่นักเวทวิญญาณไม่มีการเล่นแร่แปรธาตุแบบที่ฉันพูดหรอก แต่แฟรงค์กลับลังเลใจอยู่นานขนาดนั้น เห็นชัดว่าเขาไม่ไว้ใจในความทรงจำของตัวเอง”
ตอนที่เขาครุ่นคิดอย่างลังเลใจนั้น เขากำลังตรึกตรองความทรงจำของตนเองอย่างเห็นได้ชัด!
“เยี่ยมมาก ภรรยา!”
ซูรุ่ยยิ้มน้อยๆ พลางหยิบคริสทัลน้ำเงินครามวางลงบนมือซูหว่าน
“คุณตัดสินใจใช้มันปรุงยาวิเศษเหรอ”
“ไม่ ครั้งนี้ฉันจะวางวงเวทปิดผนึกไว้ในบ้าน พอฉันร่ายคาถาควบคุมวงเวท คุณกับติงจยาจยาต้องจู่โจมใส่แฟรงค์พร้อมกัน แบบรับประกันว่า เผด็จศึกได้ในคราวเดียว!”
“อืม”
พอได้ยินคำพูดภรรยาตนเอง แม่ทัพซูก็รีบผงกศีรษะ
ขณะเดียวกัน ใจกลางเมืองเบเกอร์…
ตอนที่ติงจยาจยากับแฟรงค์มาถึงนอกเมืองเบเกอร์ ก็รู้สึกได้ถึงการตรวจตราที่เข้มงวดเป็นพิเศษทันที แต่เนื่องจากทั้งสองไม่มีพิรุธ จึงถูกปล่อยให้เข้าสู่ใจกลางเมืองไป
ส่วนราชันย์ซากศพนรกได้ย่อส่วนเป็นสัตว์เลี้ยงราชันย์ศพไซส์มินิตัวหนึ่ง แม้ลักษณะยังคงน่าเกลียด แต่ขนาดที่เล็กลงหลายเท่าของมัน ทำให้ยืนบนบ่าของแฟรงค์ได้พอดี
พอเข้ามาในเมืองเบเกอร์ ติงจยาจยาก็บึ่งไปร้านขายวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุก่อน นางซื้อวัตถุดิบมากมายในคราวเดียว ขณะมองดูนางจับจ่ายใช้สอยเหรียญคริสทัลไม่หยุดประหนึ่งผู้มั่งคั่ง แฟรงค์ก็ทำหน้ากังขาพลางมองติงจยาจยาอย่างอดไม่ได้ “ที่รัก เจ้าจะหัดเล่นแร่แปรธาตุหรือ”
“เปล่า ข้าซื้อให้ซูหว่านน่ะ ต่อไปนางอาจได้ใช้!”
ติงจยาจยาก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในตัวแฟรงค์เช่นกัน
ซูหว่านเคยพูดกับตนว่าแฟรงค์ฆ่าอัสโนไม่ได้ ดังนั้นติงจยาจยายังคงตัดสินใจซื้อวัตถุดิบในการเล่นแร่แปรธาตุไว้จำนวนหนึ่ง เผื่อใช้ในภายหลัง ถ้าแฟรงค์ฆ่าพระเอกไม่ได้จริงๆ ตนก็ต้องขอให้ซูหว่านกับซูรุ่ยช่วย
หลังจากวางข้าวของที่ซื้อไว้ในแหวนช่องมิติเรียบร้อย ติงจยาจยาค่อยพาแฟรงค์มาที่นอกปราสาทลอร์ด
ปราสาทลอร์ดที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ดูหรูหราตระการตาเป็นพิเศษ
ขณะมองดูปีศาจยามในชุดเกราะยืนอยู่ทั้งสองข้างของหน้าประตูใหญ่ ติงจยาจยาทอประกายตาวาบ พริบตาต่อมา แสงสีดำสายหนึ่งก็พุ่งออกจากมือนาง…
‘สวบ!’
อาวุธเวทอันคมกริบจู่โจมใส่ชุดเกราะของยามหน้าประตู ยามตนหนึ่งล้มลงกับพื้นตรงนั้น ยามอีกตนกุมหน้าอกขณะสีหน้าขาวซีด นาทีสุดท้ายถึงใช้พลังปีศาจของตนเผายันต์ส่งข่าวของปราสาทลอร์ด
ไม่นาน ก็มีนักเวทกับอัศวินปีศาจกลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามาล้อมติงจยาจยากับแฟรงค์ไว้ตรงกลาง
“ที่รัก ถึงเวลาเจ้าแสดงฝีไม้ลายมือแล้ว จูจุ๊บ!”
ติงจยาจยายิ้มน้อยๆ แล้วถอยหลังก้าวหนึ่ง ยกทุกตำแหน่งให้แฟรงค์!
“อืม”
แฟรงค์พยักหน้าอย่างเยือกเย็น เขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ท่องคาถาสองสามประโยคเบาๆ แล้วราชันย์ซากศพนรกบนบ่าเขาก็กระโดดลงมา ค่อยๆ คืนสู่ร่างยักษ์ดังเดิม
“โฮก!”
เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวก้องไปทั่วฟ้าเมืองเบเกอร์ ปราสาทลอร์ดทั้งหลังสั่นสะเทือนไม่หยุด
มาแล้ว!
อัสโนที่กำลังนั่งสมาธิทำใจให้สงบอยู่กลางปราสาทพลันลืมดวงตาทั้งสองข้างขึ้น แสงสีทองในดวงตากะพริบ…
นักเวทวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์?
ให้ข้าชี้แนะความร้ายกาจของเจ้าหน่อยก็แล้วกัน!