ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 11 ปีศาจห้วงลึก (11)
ขณะในเมืองเบเกอร์กำลังต่อสู้กันอย่างเมามัน
ในอำเภอเล็กๆ นอกเมือง ซูหว่านกับซูรุ่ยกลับแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตนไปเรื่อยๆ
ซูรุ่ยนั่งสมาธิปรับลมหายใจ ส่วนซูหว่านก็ยุ่งอยู่แต่ในครัว ช่วงเช้านางออกไปซื้ออสูรปีศาจชั้นต่ำมาจำนวนหนึ่ง อสูรปีศาจเหล่านี้ส่วนหนึ่งถูกนางใช้ทดลอง ที่เหลือถูกนางจับใส่หม้อ ใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร
อืม จะอย่างไรวันนี้ต้องกินให้ดีสักมื้อ
“ภรรยา”
ขณะซูหว่านกำลังตุ๋นกับข้าว ซูรุ่ยพลันวาบร่างเข้ามาในครัว “ภรรยา ผมสัมผัสถึงกลิ่นอายของติงจยาจยากับแฟรงค์แล้ว”
“เอ๋? กลับมาเร็วจัง!”
ซูหว่านกะพริบตา ยิ้มน้อยๆ พลางก้าวออกจากห้องครัว “ซูรุ่ย คุณไปเฝ้าที่หน้าประตูบ้านหน่อย ฉันจะวางวงเวทเวทมนตร์ในบ้านให้เรียบร้อย!”
“ได้!”
ซูรุ่ยพยักหน้าแล้วรีบก้าวออกไป ส่วนซูหว่านก็ล้วงม้วนคาถาเวทกองหนึ่งออกจากอกเสื้อ นี่ล้วนเป็นลายมือของนางเอง เป็นของจำเป็นที่ใช้ในการวางวงเวทเวทมนตร์!
พอท่องคาถาในใจได้ไม่กี่ประโยค ซูหว่านก็โปรยม้วนคาถาเวทเหล่านี้ออกทันที วงเวทเวทมนตร์รูปดวงดาวห้าแฉกกะพริบอยู่บนพื้น ก่อนซ่อนตัวอยู่ในบ้านอย่างหมดจด
ขณะมองดูวงเวทเวทมนตร์หายวับไปกับตา ซูหว่านก็ยิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิใจ ค่อยล้วงยาวิเศษที่ทดลองสำเร็จออกจากอกเสื้อ แล้วสาดยาวิเศษเหล่านี้ลงไปในวงเวทเวทมนตร์จนหมด…
วงเวทซ้อนวงเวท สมบูรณ์แบบ!
ตึงตึง
เสียงสะเทือนเลือนลั่น ตามด้วยร่างยักษ์ของราชันย์ซากศพนรกค่อยๆ ปรากฏขึ้นในอำเภอเล็กๆ ทุกที่ที่มันมาถึง กลุ่มปีศาจล้วนหลีกทางให้
ราชันย์ซากศพนรกกำลังประคองคนสลบไสลคนหนึ่งไว้ในอุ้งมือทั้งสองข้าง คนคนนั้นกลับเป็น ติงจยาจยา!
“เกิดอะไรขึ้น”
สายตาของซูรุ่ยพุ่งไปที่ร่างของแฟรงค์ ชุดนักเวทของเขาในตอนนี้ขาดวิ่นไปหมด มุมปากยังมีรอยโลหิตที่ยังไม่แห้งอีก
“ข้า…จยาจยานาง...”
คำพูดของแฟรงค์ขาดๆ หายๆ เขากระโดดลงจากบ่าของราชันย์ซากศพนรก จากนั้นก็อุ้มติงจยาจยาไว้ในอ้อมอก
“เพราะช่วยข้า จยาจยาถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ข้า ข้าผิดต่อนาง ความจริงข้า ความจริงข้า…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เข้ามาก่อน!”
ซูรุ่ยตัดบท บอกใบ้ให้เขาอุ้มติงจยาจยาเข้ามาในบ้านก่อน แฟรงค์พยักหน้า แล้วจึงอุ้มติงจยาจยาเข้าไป พอก้าวเข้ามาในบ้าน พลันมีแสงสีขาวพร่างพราวสว่างวาบ!
นี่คือ…
“อ๊ากก!”
แฟรงค์เจ็บปวดจนต้องร้องเสียงดังออกมา แต่เขากลับไม่ปล่อยติงจยาจยาที่อยู่ในมือลง
“พวกเจ้า นี่มัน…”
หลังปวดแปลบอยู่ครู่หนึ่ง แฟรงค์ค่อยพบว่าตนเองขยับไม่ได้ เวทมนตร์ของตัวเองก็ใช้ไม่ได้ กระทั่งอับจนหนทางในการควบคุมราชันย์ซากศพนรก!
มัน…คือวงเวทสะกดปีศาจในตำนานหรือ
แฟรงค์เบิกตากว้างจ้องมองซูรุ่ยกับซูหว่านที่อยู่ตรงหน้าต่างไปจากเดิม “พวกเจ้า หรือพวกเจ้าเป็น…”
“ไม่ต้องเล่นละครแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปปรโลกเดี๋ยวนี้!”
ซูรุ่ยดีดตัวไปอยู่ตรงหน้าแฟรงค์ทันที ภายใต้แววตาตื่นตระหนกของแฟรงค์ ซูรุ่ยค่อยๆ ชักดาบของตนออก แล้วฟันลงไปแรงๆ
ในเสี้ยวนาทีคับขัน ซูหว่านที่ควบคุมวงเวทอยู่ด้านหลังมาตลอด พลันร่ายคาถาในใจอีกครั้ง การเคลื่อนไหวทั้งหมดของซูรุ่ยจึงหยุดอยู่อย่างนั้นทันที
“ไม่ต้องเล่นละครแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปปรโลกเดี๋ยวนี้!”
คำพูดเดียวกัน โทนเสียงเดียวกัน
ติงจยาจยาที่เดิมทีควรสลบไสลอยู่ในอ้อมอกแฟรงค์ลืมตาขึ้นกะทันหัน นางยิ้มอ่อนพลางล้วงมีดสั้นไอปีศาจเข้มข้นออกจากอกเสื้อ แทงทะลุหัวใจของซูรุ่ยอย่างแม่นยำ…
ลาก่อน ผู้คุมกฎ!
ในที่สุด…ก็ถูกจับได้?
‘ซูรุ่ย’ ยิ้มมุมปาก “เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจ ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!”
“ขอบคุณที่ชม”
ติงจยาจยายิ้มพลางดึงมีดสั้นออก ขณะมองดูโลหิตที่ปลายมีด นางเลียริมฝีปาก่อนยิ้มน้อยๆ “จริงๆ เลย สุดท้ายก็ต้องให้คนเขาปิดฉากเทพบุตรด้วยมือตัวเอง น่าเสียดาย ฉันยังไม่ทันได้สัมผัสเทพบุตรอย่างชิดใกล้เลย”
“ติงจยาจยา เธออยากตายหรือไง”
ด้านหลัง ซูหว่านหน้าซีดพลางจ้องมองติงจยาจยาอย่างเย็นชา
เอ่อ
“ฉันล้อเล่น ล้อเล่นน่ะ”
ติงจยาจยารีบโยนมีดสั้นทิ้ง แล้วมองดูซูหว่านด้วยสายตาไร้เดียงสา
“ซูหว่าน เธอ…จับได้ตอนไหน”
ขณะเดียวกัน ร่างของ ‘ซูรุ่ย’ ที่อยู่ตรงหน้าก็ค่อยๆ กลายสภาพเป็นโปร่งใส เมื่อผู้คุมกฎได้รับบาดเจ็บสาหัส จะถูกบีบให้ออกจากห้วงกาลอวกาศนั้นๆ และกลับเข้ามาไม่ได้อีกนาน
‘ซูรุ่ย’ นึกว่าตนเองทำหน้าที่ได้อย่างไร้ช่องโหว่มาตลอด อย่างน้อยถ้าดูจากตั้งแต่ที่เขารับความทรงจำส่วนหนึ่งมา เขาก็รู้สึกว่าตนเองประสบความสำเร็จในการเล่นละครเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอน ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ เขาไม่คุ้นเคยกับการสัมผัสอย่างชิดใกล้มากจนเกินไปกับคนที่ไม่คุ้นเคยกัน
“นายไม่ใช่เขา ดังนั้นต่อให้นายมีหน้าตาแบบเดียวกันกับเขา กระทั่งมีความทรงจำทั้งหมดของเขา นายก็ไม่ใช่เขาอยู่ดี”
ตอนนี้สีหน้าซูหว่านไม่สู้ดีเอามากๆ เนื่องจากการควบคุมวงเวทซ้อนวงเวทต้องใช้พลังเวทในร่างทั้งหมด
ซึ่งปีศาจห้วงลึกเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพลังเวทในร่างต่ำมาก
“เอ่อ”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน ผู้คุมกฎก็ยิ้มพร้อมสีหน้าที่ซับซ้อน “อันที่จริงข้าอิจฉาพวกเจ้ามากเลย ดูออกว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าดีมาก และ…เขาแข็งแกร่งมาก”
พูดถึงตรงนี้ หน้าตาของผู้คุมกฎก็เหยเกเล็กน้อย…
ให้ตายสิ! ข้าไม่เคยพบเจอชายใดที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน!
แรกเริ่ม หลังจากเขากำจัดแฟรงค์ในแดนชำระวิญญาณแล้ว เดิมทีคิดจะกลายร่างเป็นแฟรงค์ไปหักหลังติงจยาจยาจริงๆ แต่ตอนนั้น เสียงเตือนของห้วงกาลอวกาศก็ดังขึ้นอีก เขาถึงได้รู้ว่ามีผู้ปฏิบัติภารกิจเข้ามาในห้วงกาลอวกาศนี้อีกคนหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นผู้ช่วยของติงจยาจยาก็เป็นได้ เขาจึงสนใจติงจยาจยาไม่ได้อีก กลับต้องวาร์ปไปเมืองเบเกอร์ก่อน แต่ซูหว่านได้เข้ามาแล้ว ส่วนซูรุ่ยเพิ่งเชื่อมต่อระบบ
เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้คุมกฎย่อมเลือกซูรุ่ยที่เข้ามาในโลกภารกิจยังไม่สมบูรณ์ดี จึงตัดสินใจจู่โจมร่างวิญญาณของซูรุ่ยโดยตรง จากนั้นก็ใช้ตัวตนของเขาลอบกำจัดซูหว่าน แล้วค่อยไปหาติงจยาจยา การค่อยๆ กำจัดทีละคนแบบนี้จึงจะเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ใครจะรู้เล่าว่า พลังจิตของซูรุ่ยกลับแข็งแกร่งกว่ามาตรฐานทั่วไป!
ระหว่างกระบวนการแย่งชิงร่างกายกับซูรุ่ย วิญญาณของผู้คุมกฎได้รับแรงกระแทกอย่างหนักหน่วง สุดท้ายเขาจำเป็นต้องใช้ยันต์คุ้มกันของตนเอง ถึงตัดการเชื่อมต่อของซูรุ่ยได้อย่างไม่เต็มใจนัก
ดังนั้น ซูรุ่ยจึงไม่ได้เข้ามาในโลกภารกิจแต่แรก ทว่าผู้คุมกฎก็ได้รับความทรงจำจากซูรุ่ยไม่น้อยขณะต่อสู้แย่งชิงร่างกายกับซูรุ่ย
ในความทรงจำของซูรุ่ย มีเพียงคนคนเดียว ซึ่งก็คือซูหว่าน
ความทรงจำทั้งหมดของเขาหมุนรอบตัวผู้หญิงคนนี้ ขณะรับความทรงจำในส่วนนี้มา กระทั่งผู้คุมกฎก็ยังตื่นตะลึงไม่หาย
ดีที่ซูรุ่ยจำเรื่องที่ตนอยู่กับซูหว่านได้ทุกเรื่อง ดังนั้นพอเริ่มต้น ผู้คุมกฎจึงเล่นบทบาทของซูรุ่ยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขนาดซูหว่านก็ยังจับไม่ได้…
เพียงแต่ทั้งสองคนสนิทสนมกันจนเกินไป ตัวแทบจะติดกันตลอด นานวันเข้า ย่อมเป็นธรรมดาที่ซูหว่านจะสังเกตเห็นความผิดปกติของแม่ทัพซู
ความรู้สึกของ ‘ซูรุ่ย’ ผู้นี้ ที่มีต่อซูหว่านนั้นไม่ถูกต้องอยู่บ้าง โดยหลังจากตามหาติงจยาจยาพบอย่างราบรื่น ซูหว่านก็รู้สึกว่าซูรุ่ยต่างไปจากเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ
และหลังจากเข้าใจในความสามารถของผู้คุมกฎ ซูหว่านก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง…
ซูรุ่ยใช่ผู้คุมกฎปลอมตัวมาหรือไม่
แต่ผู้คุมกฎควรไล่ล่าแฟรงค์ไม่ใช่เหรอ ทำไมจึงปล่อยแฟรงค์ไป แต่กลับมาปลอมเป็นซูรุ่ย
ผู้คุมกฎในตำนานร้ายกาจยิ่ง ถ้าเขาปลอมเป็นซูรุ่ย ทำไมถึงไม่ลงมือกับตน
อีกอย่าง แฟรงค์มีหน้าตาดุจเทพบุตรก็จริง แต่ตลอดทั้งร่างกลับแผ่กลิ่นอายแปลกพิกลออกมา และตัวเขาก็มีจุดที่น่าสงสัยมากมาย…