ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 12 ปีศาจห้วงลึก (12)
ปัญหาทุกปัญหาในโลก ย่อมมีคำตอบ
ซูหว่านเข้าใจศักยภาพของซูรุ่ย คือถ้าเป็นซูรุ่ยตัวจริง เขาต้องดูออกทันทีว่าติงจยาจยาเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม เนื่องจากหน้าตาของคนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงได้ ความทรงจำถูกคัดลอกได้ แต่ทำอะไรใดๆ ไม่ได้กับกลิ่นอายในจิตวิญญาณของเขา
ดังนั้น ถ้าซูรุ่ยเป็นตัวจริง ติงจยาจยาก็ต้องเป็นตัวจริง
แต่ถ้าซูรุ่ยเป็นตัวปลอม ติงจยาจยาก็ต้องถูกตัดออกจากผู้ต้องสงสัย
ซูหว่านรู้ว่า ตอนนี้ ในโลกใบนี้ ตนได้แต่เชื่อติงจยาจยาแล้ว
ซึ่งวันนั้น ตอนเม้าท์มอยกับติงจยาจยา จริงๆ แล้วซูหว่านได้ส่งรหัสลับให้ติงจยาจยา
เป็นรหัสลับเฉพาะแผนก ที่ผู้อื่นไม่มีทางตีความได้
และติงจยาจยาก็ตีความสภาวะของซูหว่านได้จากรหัสลับ หลังจากรู้ว่าซูหว่านสงสัยแฟรงค์กับซูรุ่ย ติงจยาจยาย่อมพยายามคิดหาวิธีทดสอบเจ้าหมอนั่น แฟรงค์
ซึ่งพอทดสอบ ก็พบปัญหาทันที…
ให้ตายสิ แต่ไหนแต่ไรมาฉันก็เล็งแต่เทพบุตรที่มีเสน่ห์ดึงดูดและเยือกเย็นเท่านั้นโอเคไหม
แต่เธอกลับให้เด็กเนิร์ดที่ไม่เคยเห็นผู้หญิงมาหลอกแบบนี้ มันใช่เรื่องไหม
ที่พูดว่าปีศาจน้อยอะไรเอย ภรรยาอะไรเอย แหวะ นายดูละครที่มีพระเอกเป็นท่านประธานมากไปล่ะสิ!
ติงจยาจยาใช้เวลาทดสอบหนึ่งคืนเต็มๆ ผลที่ได้คือ…แฟรงค์เป็นของปลอม! เป็นผู้ชายบ้านๆ จริง! ทักษะวิชาแย่ แต่ดันได้สืบทอดสมรรถนะทางกายที่ดีจากร่างเดิม สรุปคือ ต้มตุ๋น!
ตอนที่ติงจยาจยาแอบบอกผลทดสอบของตนกับซูหว่านนั้น ซูหว่านก็มีแผนการในใจแล้ว ตอนนี้เห็นชัดว่า ทุกคำตอบโผล่ขึ้นเหนือน้ำหมด…
ทำไมผู้คุมกฎถึงไม่ตามฆ่าแฟรงค์ เพราะเขานึกว่าแฟรงค์ถูกตัวเองฆ่าตายแล้วอย่างนั้นเหรอ
ไม่ พูดให้ถูกก็คือ แฟรงค์คนก่อนถูกผู้คุมกฎฆ่าตายแล้วจริงๆ ส่วนแฟรงค์คนนี้คือผู้ที่ทะลุมิติปลอมตัวมา
ไม่ผิด เขาคือผู้ชายบ้านๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงานและความรัก พอข้ามเวลามากลายเป็นเทพบุตรผู้หล่อเหลา วันๆ ก็เอาแต่ฝันว่าจะมีสาวงามกลุ่มใหญ่โผเข้ามาในอ้อมอก แบบจะแต่งกับเจ้าคนเดียว
นี่ล่ะ แบบฉบับของพระเอกหน้าตัวเมียที่ได้มาตรฐานสุด!
ส่วนทำไมผู้คุมกฎถึงเอาแต่เร้นกาย ไม่ลงมือซะทีนั้น หึๆ ก็เพราะเขาถูกแม่ทัพซูทำร้ายบาดเจ็บสาหัสน่ะสิ จึงไม่สามารถประมือกับซูหว่าน ติงจยาจยา และคนอื่นซึ่งๆ หน้าได้ ต้องซ่อนเร้นตัวตน เบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน
พอตัดสินใจเบื้องต้นได้ ซูหว่านก็เริ่มจงใจลองใจแฟรงค์ต่อหน้า ‘ซูรุ่ย’ จากนั้นก็ทำทีเป็นจะจัดการแฟรงค์
และหลังจากหลอกให้เขาเชื่อใจ ซูหว่านก็ทวงคริสทัลน้ำเงินครามกลับคืน ขณะเดียวกันก็จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างของวงเวทเวทมนตร์ไว้พร้อม…
พอร่างของผู้คุมกฎจางหายไปจนหมด แฟรงค์ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ถลึงตามองติงจยาจยากับซูหว่าน การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกิดขึ้นไวเกิน เขาตอบสนองไม่ทัน
“จยาจยา เกิดอะไรขึ้น ซูรุ่ยเป็นผู้คุมกฎ พวกเจ้าจัดการเขาแล้ว ก็รีบปล่อยข้าสิ!”
แฟรงค์พยายามดิ้นรน แต่ก็ดิ้นไม่หลุดจากวงเวทสะกดปีศาจของซูหว่าน
นี่ นี่ไม่แฟร์เลย!
เขาคือพระเอกที่ทะลุมิติมานะ! พอมาถึง จู่ๆ ก็ถูกราชันย์ซากศพนรกตนหนึ่งกรีดเลือดปลุกวิญญาณให้มาเป็นนาย จากนั้นก็มีนางปีศาจอเวจีรูปร่างยั่วยวนใส่พานมา ให้ตายสิ นี่เขากำลังก้าวเข้าสู่รูปแบบเส้นทางชีวิตของผู้ชนะแท้ๆ!
ขนาดตอนอยู่เมืองเบเกอร์ ที่ต้องเผชิญหน้ากับอัสโนซึ่งได้รับข่าวจากผู้คุมกฎล่วงหน้า และเตรียมที่จะจัดการกับเวทมนตร์ของนักเวทวิญญาณแต่แรก ตนก็ยังหนีออกมาได้อย่างไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยมิใช่หรือ
ขณะเห็นหน้าตาท่าทางลนลานไม่อยากจะเชื่อของแฟรงค์ ติงจยาจยาก็ถอนหายใจ “เจ้าหนุ่มขี้เก๊ก นายช่างไร้เดียงสาเสียจริง! นายนึกว่าเราในฐานะผู้ทำลายเขตแดนจะยืนดูตัวเอกตัวหนึ่งก้าวขึ้นสู่จุดสุดยอดของชีวิตกับตา โดยไม่ทำอะไรเลยงั้นเหรอ”
กำลังล้อเล่นแน่ๆ ตัวเอกทุกตัว อันตรายหมด ล้วนต้องตัดไฟแต่ต้นลม อืมๆ
ติงจยาจยายิ้มเล็กน้อย พลางก้มลงหยิบมีดสั้นบนพื้นขึ้น ก่อนทอดถอนใจตรงหน้าแฟรงค์ “นายว่า หลังจากนายตายไปในครั้งนี้ จะทะลุมิติต่ออีกไหม หือ ที่รัก”
“จยาจยา จยาจยา เจ้าอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ เป็นผัวเมียกันคืนเดียว ต้องรักกันตลอดไป ข้ากับเจ้า…อ๊ากก!”
แฟรงค์ไม่พูดยังดีเสียกว่า พอพูด ติงจยาจยาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์…
ฉันเป็นใครกัน เดินทางผ่านห้วงกาลอวกาศมามากมาย ถ้าไม่ใช่เทพบุตรจริงๆ ฉันไม่สนหรอก!
ให้ตายสิ ชื่อเสียงทั้งชีวิต ต้องถูกทำลายลงกับร่างของเจ้าหนุ่มจอมปลอมบ้านๆ นี่
ถึงฆ่าทิ้งแล้ว ต่อไปก็ใช่ว่าจะสบายใจ!
หลังจากแฟรงค์ตายไป ราชันย์ซากศพนรกที่เดิมทีกำลังยืนงุนงงอยู่นอกบ้าน ก็เท่ากับสูญเสียนายของตนเองไป จึงกลายเป็นกระดูกขาวกองหนึ่งทันที…
“เรียบร้อย”
ติงจยาจยาดึงสติคืนกลับ ก็เห็นซูหว่านกำลังจ้องมองตนตาปริบๆ
“เป็นไรไป” ติงจยาจยาถามอย่างประหลาดใจ
“ไม่มีอะไร” ซูหว่านยิ้ม “ฉันยังนึกว่าเธอจะเก็บเขาไว้ต่อกรกับอัสโนเสียอีก!”
“เฮอะ ซูเสี่ยวหว่าน เธอไม่เชื่อใจในพลังของฉันล่ะสิ จะบอกให้ อัสโนทึกทักเอาเองว่าตนเป็นจอมปีศาจ ยังมีลิลลิก้า คนเลวที่ไร้ยางอาย ฉันจัดการคนพวกนี้ได้ในพริบตา ใต้หล้านี้มีแต่ผู้ชายเลวๆ ไม่มีใครที่เค้าจัดการไม่ได้หรอก อืม แน่นอน เรื่องนี้มีข้อยกเว้น คนมีความแตกต่าง ซูรุ่ยของเธอยังคงไม่เลว”
แม้แค่เคยสัมผัสแม่ทัพซูตัวปลอมมาก่อน แต่สำหรับบุคลิกเย็นชาของแม่ทัพซูนั้น ติงจยาจยาได้ตัดสินใจในเบื้องต้นแล้ว…
ให้ตายเถอะ แค่ตัวปลอมยังสูงส่งเย็นชาขนาดนี้ ตัวจริงจะเข้าถึงยากขนาดไหน
พอได้ยินติงจยาจยาพูดถึงซูรุ่ย สีหน้าของซูหว่านก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก “เอาล่ะ เราต้องเตรียมตัวกันหน่อย พรุ่งนี้เข้าเมืองเบเกอร์เลย ในเมื่อเธอมีความมั่นใจขนาดนี้ เธอก็ใช้ความถนัดเฉพาะตัวของเธอ จัดการอัสโนให้เรียบร้อยก็แล้วกัน”
รีบทำภารกิจนี้ให้เสร็จ จะได้รีบจากไป ซูหว่านรู้ว่าซูรุ่ยอยู่ด้านนอกต้องเป็นห่วงตนมากแน่ๆ
พอเห็นสีหน้าของซูหว่าน ติงจยาจยาก็กะพริบตา “ซูเสี่ยวหว่าน เธอรู้ทั้งรู้ว่านั่นเป็นตัวปลอม แล้วทำไมถึงลงมือเองไม่ได้ล่ะ ถ้าเป็นฉันนะ ต้องฆ่าให้ตายกับมือถึงสะใจ”
พอได้ยินคำพูดของติงจยาจยา ซูหว่านก็ยิ้มอย่างกระอักระอ่วน “แม้ไม่ใช่เขา แต่ยังไงก็ต้องเผชิญกับใบหน้าของเขา ฉัน…ทำไม่ลง”
เสียดายรูปลักษณ์แม่ทัพซู ว่าอย่างนั้นเถอะ
“แหมๆ จะอ้วก มิน่าล่ะเยี่ยซินถึงต้องขอปิดผนึกความทรงจำของเธอ พวกเธอทั้งสองน่าคลื่นไส้แบบนี้นี่เอง ถ้าไม่ปิดผนึกความทรงจำของพวกเธอ เธอต้องทรยศแหงๆ”
“ทรยศ? จะทรยศก็ต้องเขาสิที่ทรยศ!”
ซูหว่านยิ้มมั่นใจเต็มที่ ขอเพียงตนเอ่ยปาก ซูรุ่ยต้องไม่โต้แย้งคำขอใดๆ ของตนแน่
ทว่า ถ้าไม่มีความทรงจำล่ะ
ถึงตอนนั้น ตนกับซูรุ่ยก็คือคู่ต่อสู้และศัตรูกันจริงๆ หรือเปล่า
ความจริง ซูหว่านตั้งหน้าตั้งตารอที่จะดวลกับซูรุ่ย แต่ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับเขา ตนต้องรับประกันว่าจะไม่มีทางตายด้วยน้ำมือของผู้อื่น แต่จะอย่างไร ในหมู่ผู้ปฏิบัติภารกิจ ก็มีผู้แข็งแกร่งมากมาย
ขณะเดียวกัน สำนักงานใหญ่แผนกฟื้นฟูเขตแดน ห้วงอวกาศที่สาบสูญ
ซูรุ่ยกำลังนั่งประจันหน้ากับสวีเช่อ
“อาการบาดเจ็บของนายทุเลาลงแล้วหรือยัง”
เสียงของสวีเช่ออ่อนโยนดุจกระแสน้ำเหมือนเดิม
พอได้ยินคำพูดของเขา ซูรุ่ยก็เก็บสายตาคืนกลับอย่างเย็นชา “ผมไม่เป็นไรนานแล้ว ผมขอเข้าไปในโลกภารกิจอีกรอบ!”
“ฉันไม่ให้นายเข้าไปหรอก บททดสอบจะเริ่มต้นมะรืนนี้แล้ว ถ้าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ พรุ่งนี้ซูหว่านกับติงจยาจยาต้องกลับมาจากโลกภารกิจ ซูรุ่ย หรือนายไม่เชื่อมั่นในความสามารถของซูหว่าน”
ไม่เชื่อมั่นเหรอ ไม่ใช่ไม่เชื่อมั่น แค่…คิดถึง
คนสองคนที่คุ้นเคยกับการอยู่ด้วยกันมาเสมอ จู่ๆ ต้องแยกจากกัน จึงมักรู้สึกว่าตนขาดอะไรไป ไม่เป็นตัวของตัวเองไปหมด
ความรู้สึกชนิดนี้ ถูกสลักอยู่ในกระดูกของซูรุ่ยแล้ว เขาเชื่อว่าต่อให้ตนสูญเสียความทรงจำไป ก็ไม่มีทางลงมือกับซูหว่านเป็นอันขาด
ความรักที่เขามีต่อซูหว่าน ลึกลงถึงกระดูก ใช่ว่าความทรงจำจะกำจัดออกไปได้
แม้ลืมซึ่งทุกสิ่ง เขาก็เชื่อว่าตนยังคงมีสัญชาตญาณในการรักเธอ ปกป้องเธอ
ภรรยา เห็นทีเราคงได้แต่เจอกันในบททดสอบแล้ว หวังว่า เราจะไม่ได้เจอกันเมื่อสายเกิน…