ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 13 ปีศาจห้วงลึก (13)
ปราสาทลอร์ด เมืองเบเกอร์
สองสามวันมานี้ อารมณ์ของอัสโนแปรปรวนมาก น่าจะสืบเนื่องมาจากเรื่องของนักเวทวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์เมื่อไม่กี่วันก่อน
ลิลลิก้าเพิ่งรู้หลังจากเกิดเรื่องขึ้นแล้วว่า ที่แท้มีนักเวทวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์ท่านหนึ่งพาราชันย์ซากศพนรกตนหนึ่งมาก่อกวนที่ปราสาทลอร์ด โชคดีที่มีคนบอกอัสโนล่วงหน้า อัสโนถึงได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อม แต่นักเวทวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์นั่นกลับดวงดีมาก ยังคงหนีออกไปได้ ทั้งๆ ที่ตกอยู่ในกับดักและวงล้อมที่แน่นหนา
มีศัตรูเก่งกาจเช่นนี้ ย่อมทำให้คนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เมื่อเห็นว่าการประชุมลอร์ดห้วงลึกชั้นกลางที่จัดขึ้นทุกๆ สามปี กำลังจะเปิดฉากขึ้น อัสโนในฐานะลอร์ดองค์ใหม่แห่งเมืองเบเกอร์ ย่อมต้องเข้าร่วมประชุมที่เมืองเวียร์ด้วย
แต่เมืองเวียร์เป็นถิ่นของคนตระกูลฟิตต์
พอนึกถึงคนตระกูลนี้ แววตาของอัสโนก็เปลี่ยนเป็นมืดมนลงโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ อัสโนเพิ่งก้าวออกจากห้องของตน ก็เห็นพ่อบ้านประจำปราสาทลอร์ดรุดเข้ามา “ท่านลอร์ด มีคนผู้หนึ่งเรียกตนเองว่า เบลเลียแห่งตระกูลฟิตต์ ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”
เบลเลีย!
พอได้ยินชื่อที่คุ้นเคยนี้ แววตาของอัสโนก็เย็นวาบ “ให้เขาไปรอที่โถงรับแขก!”
เมื่อเปลี่ยนชุดนักเวทอันหรูหราแล้วเสร็จ อัสโนจึงค่อยๆ ก้าวเข้ามาในโถงรับแขก
พอเข้าประตูมา สิ่งแรกที่อัสโนเห็นก็คือ เบลเลียกำลังนั่งอยู่อย่างสบายอารมณ์ เขายังคงสวมชุดนักเวทสีเงินยวง ซึ่งในห้วงลึกอันมืดมิดไร้แสงอาทิตย์ เห็นแล้วแยงตายิ่ง
เบลเลีย ทายาทลำดับที่สามแห่งตระกูลฟิตต์ และเป็นบุตรคนที่สามของสเตซ ฟิตต์ นายใหญ่แห่งตระกูลฟิตต์คนปัจจุบัน
พอเห็นร่างของอัสโน เบลเลียก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างเป็นกันเอง “โอ้ ท่านลอร์ดอัสโนหรือนี่! ไม่ได้เจอกันนาน!”
“เฮอะ”
อัสโนแค่นเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่ง เขาเชิดหน้าขึ้น เป้าสายตาไปตกอยู่ที่ด้านหลังของเบลเลีย
ด้านหลังของเขามีหญิงสาวสองคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้น็คือนางปีศาจอเวจีที่มาก่อกวนด้วยกันกับนักเวทวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์นั่นในวันนั้น ส่วนอีกคนเป็นปีศาจห้วงลึกที่ก้มหน้าอยู่
หรือนักเวทวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นเป็นคนของเบลเลีย พอนึกถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ แววตาของอัสโนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลงทันที
เบลเลียสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของอัสโน จึงรีบปรบมือสองสามที เรียกติงจยาจยามายืนข้างๆ ตนเอง “ลอร์ดอัสโน นี่คือเชอร์ลีย์ นางมีของบางอย่างอยากมอบให้ท่าน”
“ท่านลอร์ด!”
ติงจยาจยาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ดวงตาสวยๆ จ้องมองอัสโน ก่อนยกมือขึ้น หยิบกล่องใบใหญ่กล่องหนึ่งออกจากแหวนช่องมิติ “นี่คือคำขออภัยของเชอร์ลีย์ที่มีต่อท่านลอร์ด”
“หือ?”
อัสโนทำสมาธิ ก่อนสะบัดแขนเสื้อ ฝากล่องหล่นลง เผยให้เห็นของที่อยู่ในนั้น
ศีรษะแฟรงค์!
นี่…
อัสโนนึกไม่ถึงว่า ตนกับนักเวทวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นจะพบกันอีกครั้งในสภาพเช่นนี้
“เจ้าสังหารหรือ”
อัสโนจ้องมองติงจยาจยาที่อยู่ตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง
ติงจยาจยายิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ข้าไหนเลยจะมีความสามารถเช่นนี้”
อัสโนจึงหันไปทางเบลเลียที่อยู่อีกด้าน “เป็นเจ้า?”
เบลเลียยิ้มอย่างไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ “อัสโน เจ้าจะร่วมมือกับข้าหรือไม่”
ร่วมมือ!
สีหน้าของอัสโนเปลี่ยนเล็กน้อย จ้องมองเบลเลียที่อยู่ตรงหน้าอย่างแปลกใจยิ่ง “เรามีความจำเป็นต้องร่วมมือกันหรือ”
“ทำไมจะไม่มีเล่า”
เบลเลียลุกขึ้นยืน แย้มยิ้มพลางมองอัสโน “เจ้าเป็นคนทรยศของตระกูลฟิตต์ ส่วนนายน้อยก็ถูกพวกเขาทอดทิ้ง เราจึงร่วมมือกันได้พอดี โค่นล้มตระกูลฟิตต์ แล้วสร้างกฎระเบียบในห้วงลึกชั้นกลางของตัวเอง!”
ไม่ผิด จริงๆ แล้วอัสโนก็เติบโตในตระกูลฟิตต์ เพียงแต่เขาเป็นจอมปีศาจกลับชาติมาเกิด บนร่างไม่มีสายเลือดปีศาจนรก ทำให้ตอนเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่สามารถกระตุ้นสายเลือดทายาทปีศาจนรกให้ปรากฏ จึงถูกคนตระกูลฟิตต์ขับไล่ออกมา…
ตอนนี้พอได้ยินข้อเสนอของเบลเลีย อัสโนลังเลเล็กน้อย สุดท้าย เขาก็เห็นด้วยกับการร่วมมือกับเบลเลีย
สถานภาพของเบลเลียในตระกูลฟิตต์เป็นอย่างไรนั้น จะมากจะน้อยอัสโนย่อมรู้มาบ้าง ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลกับความจริงใจของเบลเลีย
อย่างน้อย ศัตรูของพวกเขาก็เป็นคนคนเดียวกัน
โดยก่อนที่เบลเลียจะจากไป ได้ให้ติงจยาจยากับซูหว่านอยู่ในเมืองเบเกอร์ต่อ นี่ถือเป็นการแสดงความจริงใจของเขาที่มีต่อการร่วมมือกันหรือ
ไม่ ตามความคิดเห็นของอัสโน นี่เป็นแค่คนที่เบลเลียใช้ให้มาจับตาดูตนต่างหาก
แน่นอน เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับซูหว่านกับติงจยาจยา สิ่งที่พวกนางต้องการก็คือ โอกาสที่จะเข้าไปในปราสาทลอร์ดได้อย่างสง่าผ่าเผย
ส่วนเบลเลียนั้น ซูหว่านเพียงทำข้อตกลงกับเขาข้อหนึ่ง
สิ่งที่เบลเลียอยากได้คือ อำนาจและผลประโยชน์ในตระกูลฟิตต์ และเพราะซูหว่านกับติงจยาจยารู้เนื้อเรื่อง และรู้ความลับมากมายของตระกูลฟิตต์ จึงพอดีใช้มาเป็นเงื่อนไขในการทำข้อตกลงกับเบลเลีย แบบต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ตนต้องการ…
ที่พักของติงจยาจยาในปราสาทลอร์ดแห่งเมืองเบเกอร์นั้นใหญ่มาก ซูหว่านในฐานะสาวใช้คนสนิทของนางย่อมติดตามอยู่ข้างกายนางทั้งวัน
ซึ่งซูหว่านในตอนนี้ ได้ใช้ยาวิเศษเปลี่ยนรูปลักษณ์และเสียงตนเองแล้ว จึงไม่มีใครจดจำตัวตนของนางได้
พอรู้ว่ามีนางปีศาจอเวจีรูปโฉมงดงามนางหนึ่งอยู่ในปราสาทลอร์ด ลิลลิก้าก็กังวลใจเรื่อยมา นางกลัวว่าอัสโนจะถูกนางปีศาจอเวจีนั่นแย่งชิงไป
แน่นอน ผู้ชายในห้วงลึกสามารถมีผู้หญิงได้หลายคน แต่พอคิดว่า ตนมีอัสโนเพียงคนเดียว ถ้าเขาถูกแย่งชิงไป ตนก็จะไม่เหลืออะไรเลย ลิลลิก้าจึงรู้สึกไม่สบายใจยิ่ง
แม้ตัวตนที่ลิลลิก้าใช้อยู่ในตอนนี้เป็นของฝ่าบาทซู แต่เนื้อในของนางยังคงคิดว่าตนเองเป็นทาสปีศาจชั้นล่างอยู่ ดังนั้นนางจึงได้แต่พึ่งพาอัสโน มองว่าอัสโนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของตน
……
หลังจากติงจยาจยาเข้ามาในปราสาทลอร์ดได้ไม่นาน นางก็ทำให้อัสโนตกหลุมรักได้อย่างราบรื่น ชนิดตัวติดกันดุจกาวตลอด
ซูหว่านยอมใจในความสามารถด้านนี้ของติงจยาจยาจริงๆ
ขณะเห็นว่าอัสโนเย็นชากับตนลงเรื่อยๆ ลิลลิก้าก็ได้แต่พยายามทำเรื่องดีๆ ในเมืองเบเกอร์ นางรับเลี้ยงดูทาสปีศาจมากมายที่ถูกขายทอดตลอด ซึ่งแน่นอน ทาสเหล่านั้นล้วนมีจุดบกพร่อง
ผู้ที่หน้าตาสวยและยังเยาว์วัย ลิลลิก้ากลับไม่กล้ารับเข้าปราสาทลอร์ด นางได้แต่รับเลี้ยงดูพวกที่หน้าตาอัปลักษณ์ กระทั่งร่างกายพิการ
ซึ่งพลเมืองในอเวจีต่างมองว่า เลดี้ท่านนี้ช่างโง่เขลาเสียนี่กระไร ใจดีมีเมตตาจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
แต่แม้เป็นเช่นนี้ ฉายา ‘คนดีศรีอเวจี’ ของลิลลิก้าก็ยังคงขจรขจายออกไป ผู้ที่ใช้ชีวิตในอเวจีต่อไปไม่ไหว พอได้ข่าว ก็ล้วนเดินทางมาขอให้นางอุปการะ ผ่านไปไม่นาน ลิลลิก้าก็อุปการะได้หลายร้อยคน
เมืองเบเกอร์มีรายได้ที่มั่นคงมากในทุกๆ ปี การเลี้ยงดูคนหลายร้อยคนจึงไม่เป็นปัญหา แต่ติงจยาจยาไหนเลยจะยอมให้ลิลลิก้ามีชีวิตอยู่อย่างสบายใจเช่นนี้
ภายใต้การเป่าหูของติงจยาจยา อัสโนตัดสินใจให้พวกทาสที่ลิลลิก้าอุปการะ ทำงานใช้แรงงานให้กับปราสาทลอร์ด
สำหรับการตัดสินใจของอัสโน ลิลลิก้าย่อมไม่ปฏิเสธ
อีกทั้งยังรู้สึกว่าตนได้ให้ความหวังในชีวิตกับคนเหล่านี้ การที่พวกเขาสามารถใช้แรงงานตอบแทนตน ก็ถือเป็นเรื่องที่ยุติธรรมมากเรื่องหนึ่ง
ต้องบอกว่า ปีศาจห้วงลึกในจินตนาการของลิลลิก้า อ่อนโยนและดีจนเกินไป
ปีศาจ ที่ถูกเรียกขานว่าปีศาจ เพราะพวกเขา มีเนื้อแท้ที่ชั่วร้าย