ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 2 ปีศาจห้วงลึก (2)
พอลิลลิก้าจากไป ซูหว่านก็หันกาย เดินเข้าไปในห้องทดลองของฝ่าบาทซู
ห้องทดลองอยู่ในห้องมืดของพระราชวัง ภายในแขวนตะเกียงวิเศษส่องสว่างตลอดเวลา และเรียงรายไปด้วยอุปกรณ์ทดลองต่างๆ นานา
จากความทรงจำของร่างเดิม ในกองวัสดุทดลองมากมาย ซูหว่านค้นเจอข้าวของที่ใช้การได้จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็รีบหันกาย ตั้งหน้าตั้งตาทำการทดลองใหม่หมด ไม่นานนัก ซูหว่านก็สกัดยาวิเศษสีน้ำเงินเข้มออกมาได้หนึ่งขวด
ซูหว่านยิ้มน้อยๆ ขณะมองดูผลงานตนเอง ก่อนแหงนหน้าขึ้น ดื่มยาวิเศษลงไปจนหมด จากนั้นก็กะพริบดวงตาสีน้ำเงิน…
เดิมที เผ่าปีศาจห้วงลึกกับนางปีศาจอเวจี เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพลเมืองเบาบาง ด้วยมีความสามารถในการสืบพันธุ์แย่เอามากๆ แต่พวกนางกลับเกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษอันไร้เทียมทาน
นางปีศาจอเวจีสามารถใช้ร่างกายตนเองเป็นอาวุธ ทำให้ผู้อื่นเกิดความสับสน ส่วนอาวุธของปีศาจห้วงลึก ก็คือเสียงของพวกนาง
เสียงของปีศาจทรงเสน่ห์แต่กำเนิด ทำให้ผู้ที่ได้ยินเกิดภาพหลอน ถ้าใช้ดีๆ เสียงก็จะมีพลังทำลายล้างสูงเช่นเดียวกัน
ดังนั้น ปีศาจที่ปรากฏตัวตามตลาดซื้อขายในทุกวันนี้ ล้วนถูกผนึกไว้ทั้งสิ้น หลังจากที่พวกนางถูกจับได้ จะมีนักเวทปีศาจเฉพาะทางจากเผ่าปีศาจมาร่ายเวท ผนึกทักษะพรสวรรค์ของพวกนางไว้ ดังนั้นทาสปีศาจทุกตนจึงพูดไม่ได้
ทว่าเล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ สำหรับฝ่าบาทซูแล้ว ไม่ควรค่าพอที่จะเอ่ยถึง นางสามารถปรุงยาวิเศษที่ใช้ทำลายผนึก ให้เสียงของตนกลับคืนดังเดิมได้ทุกเมื่อ
แต่ในเนื้อเรื่องเดิม ฝ่าบาทซูไม่สนใจไยดีเรื่องเล็กน้อยนี้เลย นางเอาแต่หมกมุ่นอยู่ในโลกแห่งการเล่นแร่แปรธาตุและเวทมนตร์วิญญาณของตนเอง จวบจนวันหนึ่ง นางออกมาจากห้องทดลอง แต่กลับพบว่าลิลลิก้ากำลังใช้ร่างของนางพันพัวอยู่กับอัสโนในพระราชวังของนาง นี่ทำให้ฝ่าบาทซูเดือดดาลขึ้นทันที! ศักดิ์ศรีของผู้สูงศักดิ์แห่งเผ่าปีศาจเหยียบย่ำไม่ได้ ฝ่าบาทซูคิดจะลงโทษลิลลิก้า แต่กลับถูกอัสโนยับยั้งไว้!
พอเห็นว่าสถานะของตนกำลังจะถูกเปิดเผย ลิลลิก้าก็รีบร้องห่มร้องไห้ขอพระราชทานอภัยโทษกับฝ่าบาทซู อีกทั้งยังบอกอัสโนอย่างน่าสงสารว่าตนไม่ใช่ฝ่าบาทตัวจริง แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา ตนได้ตกหลุมรักอัสโนโดยไม่รู้ตัว ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ขึ้น
อัสโนที่ล่วงรู้ความจริง ไม่เพียงแต่ไม่ทำร้ายลิลลิก้า กลับร่วมมือกับนาง นำตัวฝ่าบาทซูไปขังไว้ในห้องลับ และใช้คาถาปิดผนึกทางออกของห้องลับไว้
ที่แท้อัสโนมีใจมักใหญ่ใฝ่สูง คิดจะบุกยึดอาณาเขตของสแตนโคดอร์แต่แรก เขาจงใจผูกมิตรกับฝ่าบาทซูเพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากลอร์ดสแตนโคดอร์ แล้วค่อยๆ กลืนกินอาณาเขตของท่านลอร์ดทีละนิด แต่พอตัวตนของลิลลิก้าถูกเปิดเผย อัสโนก็มีแผนการใหม่ทันที
เขากักขังฝ่าบาทซูตัวจริงไว้ แล้วร่วมมือกับลิลลิก้า นอกในตีขนาบประสาน สุดท้ายประสบความสำเร็จ สั่งการทัพใหญ่ปีศาจลูกน้องตน ให้บุกยึดเมืองเบเกอร์ กลายเป็นลอร์ดรุ่นใหม่ของที่นี่ไป
ตอนนั้นไฟสงครามตลบอบอวล เสียงร้องครวญครางดังไปทั่วทั้งปราสาท จวบจนฝ่าบาทซูตัวจริงทำลายผนึกออกมาได้นั้น ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว
ซึ่งเดิมทีนางมีโอกาสหนีไปเพียงลำพัง แต่เพราะต้องการช่วยชีวิตพระบิดา สุดท้ายฝ่าบาทซูก็ไม่ได้จากไป กลับเลือกที่จะอยู่และตายไปพร้อมกับเมืองเบเกอร์ นี่คือความภาคภูมิใจครั้งสุดท้ายในฐานะผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งของเผ่าปีศาจ
หลังจากฝ่าบาทซูกับลอร์ดชราตายไป ลิลลิก้าก็แสร้งทำเป็นสร้างสุสานให้คนทั้งสอง และไปสักการะเป็นระยะ นางเริ่มทำเรื่องดีๆ ในเมืองเบเกอร์ ชุบเลี้ยงนางปีศาจและปีศาจห้วงลึกมากมายที่ถูกนำมาขายทอดตลาด ไม่นานนัก นางก็กลายเป็น ‘คนดี’ มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วทั้งห้วงลึกอันไร้ที่สิ้นสุด
ในโลกที่ปกคลุมไปด้วยความชั่วร้าย ‘ความดี’ ทุกรูปแบบล้วนถูกขยายให้ใหญ่อย่างไร้ขอบเขต เหล่าปีศาจชั้นล่างที่กระเสือกกระสนดิ้นรนอยู่ในก้นบึ้งของห้วงลึกจึงมองว่า เลดี้ท่านนี้คือผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกเขา
เสียดาย ตราบจนวาระสุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ว่า เลดี้ที่เป็นดุจสรรพสิ่งทั้งมวลท่านนี้ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนแล้ว ทำร้ายคนไปมากน้อยเท่าไรกันแน่…
อะไรคือดี อะไรคือชั่ว?
ในโลกใบเดิม พลเมืองชั้นล่างเหล่านั้นต่างมองว่าลิลลิก้าคือเทพเจ้า ส่วนลอร์ดชราสแตนโคดอร์ในใจของพวกเขา กลับเป็นตัวแทนของความโหดร้ายกระหายเลือด
ซึ่งจริงๆ แล้ว ในหมู่ปีศาจไหนเลยมีความดี แม้แต่ปีศาจชั้นล่างสุดเหล่านั้น ก็ยังคงควงมีดอีโต้ใส่ญาติมิตรของตนเพื่อความอยู่รอด
ชนชั้นสูงฆ่าคน เป็นเรื่องโหดร้ายไร้ความปรานี แต่พวกเขาฆ่าแกงกันเอง เป็นเรื่องของความอยู่รอดที่ไม่มีทางเลือกหรือ
…..
‘ก๊อกๆ’
ประตูห้องทดลองพลันมีเสียงเคาะเบาๆ ดังมา
ซูหว่านกะพริบตา แล้วรีบก้าวเข้าไปที่ประตู ยกมือขึ้นร่ายคาถาภาพสะท้อน
หน้าประตูมีนักรบปีศาจผมสีน้ำเงินหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาสวมชุดเกราะสีแดงเข้ม ใบหน้าที่คุ้นเคยดูตื่นเต้นเล็กน้อย คล้ายรู้สึกว่าถูกซูหว่านจ้องมองอยู่
ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินยิ้มน้อยๆ ให้ซูหว่าน ม่านตาสีแดงเข้มเต็มไปด้วยท่าทีที่อ่อนโยน
“คุณมาแล้ว”
ซูหว่านโล่งอก จึงเปิดประตูออกพลางพูดเสียงเบา
“หือ”
พอได้ยินเสียงที่ทำให้ผู้คนหลงใหลของซูหว่าน ซูรุ่ยก็อึ้งไปสักพัก ก่อนขมวดคิ้ว “คุณทำลายผนึกแล้ว?”
“อืม” ซูหว่านตอบ
นางพลันนึกขึ้นได้ว่า เสียงของปีศาจพิเศษยิ่ง เห็นทีต่อไปนางยังคงแกล้งเป็นใบ้จะดีกว่า
“ต่อไปพยายามอย่าพูด”
ซูรุ่ยเตือน ก่อนจูงมือซูหว่านออกไปด้านนอก “อัสโนกับนางเอกของเราเริงรักกันอย่างเร่าร้อนอยู่ด้านหน้า อีกสักพักตอนผมกลับมา ก็น่าจะเล่นบทสิบแปดบวกของหนังทุนสูงแล้ว ภรรยา ผมพาคุณไปที่พักของผมก่อนนะ!”
เนื้อเรื่องในตอนนี้ เดินทางมาถึงช่วงที่อัสโนกับลิลลิก้าเกิดตัณหาร้อนแรงขึ้นพอดี และเป็นช่วงที่ฝ่าบาทซูเข้ามาขัดจังหวะการพัวพันกันอย่างเมามันของทั้งสองพอดี
ซูรุ่ยรู้ว่าถ้าตนไม่ทำอะไรเลย อัสโนจะปิดผนึกและกักขังซูหว่านไว้อีกครั้งอย่างแน่นอน
เขาจึงต้องรีบพาซูหว่านไป ก่อนที่พระนางจะกลับมา
“ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว พาฉันออกไปจากเมืองเบเกอร์”
ซูหว่านกะพริบตาปริบๆ ขณะจ้องมองซูรุ่ย “ครั้งนี้ฉันไม่ได้มาทำภารกิจ ฉันมาตามหาติงจยาจยา!”
ติงจยาจยา!
พอซูรุ่ยได้ยินชื่อนี้ ในหัวก็มีข่าวคราวที่ตนรู้เกี่ยวกับติงจยาจยาผุดขึ้นทันที
เขาหลับตา เหนี่ยวนำความรู้สึกสักพัก ในขอบเขตการตระหนักรู้ของเขา ไม่รู้สึกถึงลมหายใจในวิญญาณของติงจยาจยาเลยจริงๆ
“เธออยู่ไหน”
พระนางล้วนอยู่ในเมืองเบเกอร์ แล้วติงจยาจยาในฐานะผู้ปฏิบัติภารกิจ ทำไมถึงไปปรากฏตัวอยู่ที่อื่น มีผู้ปฏิบัติภารกิจที่เชื่อถือไม่ได้อย่างนี้ด้วยเหรอ
“เอ่อ”
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านก็ลังเลเล็กน้อย “เธอ อาจอยู่ที่แดนชำระวิญญาณ”
แดนชำระวิญญาณ เป็นดินแดนต้องห้ามชั้นลึกของห้วงลึก ที่นั่นเป็นสถานที่อันตราย กระทั่งพวกปีศาจก็ล้วนไม่กล้าย่างก้าวเข้าไปโดยพลการ
ห้วงลึกไร้สิ้นสุด หรือเรียกอีกอย่างว่า อเวจีที่ไม่อาจหวนกลับ ที่นี่ไม่ได้มีสิบแปดชั้น แต่กลับแบ่งเป็น ห้วงลึกชั้นตื้น ห้วงลึกชั้นกลาง และห้วงลึกชั้นลึก โดยห้วงลึกทุกชั้นล้วนมีกฎการอยู่รอดของตนเอง
เมืองเบเกอร์ก็คือเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งในห้วงลึกชั้นกลาง จากเมืองเบเกอร์ไปยังห้วงลึกชั้นลึก ต้องทำการเคลื่อนย้ายมวลสารจากจุดเทเลพอร์ตแบบตายตัวในห้วงลึกชั้นกลาง นี่เป็นการเคลื่อนย้ายทางไกลที่ยาวมาก ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายทางไกลก็สูงมากจนน่าเหลือเชื่อ
“เอาล่ะ ผมจะพาคุณกลับไปเก็บข้าวของก่อน จากนั้นเราค่อยจากไปด้วยกัน!”
“อืม”
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านก็ผงกศีรษะ นางดึงสร้อยคริสทัลน้ำเงินครามบนคอลงมา “ของสิ่งนี้ฉันต้องพกไปด้วย คุณนำมันไปวางไว้ในแหวนช่องมิติของคุณก่อนแล้วกัน”
ตอนนี้สถานะของซูหว่านในปราสาทท่านลอร์ดคือ ‘ทาสชั้นต่ำ ลิลลิก้า’ นางย่อมไม่สามารถสวมสร้อยคอเส้นนี้แล้วเดินออกไปอย่างโจ่งแจ้งได้ อีกทั้งสร้อยคอลึกลับเส้นนี้เป็นของที่สแตนโคดอร์ใช้เงินมหาศาลซื้อให้ลูกสาวตนเอง ซูหว่านจึงไม่สามารถทิ้งมันไว้ให้ลิลลิก้า
พอซูรุ่ยนำคริสทัลน้ำเงินครามไปวางไว้เรียบร้อย ทั้งสองก็ออกจากพระราชวังของฝ่าบาทซูด้วยกัน
เพิ่งออกไปไม่ไกล ก็พบเจอพ่อบ้านของปราสาทพอดี พอเห็นร่างของทั้งสอง พ่อบ้านก็ยิ้มน้อยๆ ให้ซูรุ่ย
“แรมปา เจ้ากำลังจะไปไหน”
แรมปาคือชื่อของซูรุ่ยในโลกใบนี้ ส่วนสถานะของเขาก็คือ องครักษ์ปีศาจนักรบของฝ่าบาทซู
แน่นอน โดยหน้าที่ เขาควรจงรักภักดีต่อฝ่าบาทตัวจริง แต่น่าเสียดายที่ต่อมา กบในกะลาอย่างแรมปากลับจงรักภักดีต่อลิลลิก้าที่ปลอมตัวเป็นฝ่าบาทซูไปชั่วชีวิต
นี่คือพระรองที่มีชีวิตเศร้าที่สุดที่ซูรุ่ยพานพบมา ไม่มีใครอื่นอีก