ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 8 ปีศาจห้วงลึก (8)
ค่ำคืน ซูหว่านกับซูรุ่ยถูกติงจยาจยาจัดให้พักในห้องสองห้องที่อยู่ติดกันของเรือน ฟ้าเพิ่งมืด ติงจยาจยาก็ยิ้มตาหยี แจ้นเข้าไปในห้องของซูหว่าน ลากนางมาเม้าท์มอย พูดอ้อมไปอ้อมมา ล้วนกำลังถามคำถามสัพเพเหระกับซูหว่าน
เมื่อเห็นว่าใกล้เที่ยงคืน ซูหว่านก็ง่วงจนหาวออกมา จึงหันมองติงจยาจยาพลางว่า “ติงจยาจยา เธอกำลังสงสัยฉันใช่ไหม”
“เอ่อ”
ติงจยาจยายิ้มสดใส “ได้ไงล่ะ เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เป็นเพื่อนร่วมสมรภูมิที่ดีต่อกัน ต่อไปยังต้องรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ถึงฉันสงสัยใคร ก็ไม่มีทางสงสัยเธอหรอก!”
“แถ แถเข้าไป!”
ซูหว่านยกมือขึ้นลูบเขาน้อยบนศีรษะตน “เธอเชื่อไหม ฉันจะขอกลับสำนักงานใหญ่เดี๋ยวนี้ ไม่สนใจแล้วว่าเธอจะไปตายที่ไหน”
“ฮือๆๆ…ซูเสี่ยวหว่าน ฉันผิดไปแล้ว! ฉันไม่ควรสงสัยเธอ ฉันไม่ดีเอง! ฉันเสียใจ!”
ติงจยาจยารีบโผเข้าหาซูหว่าน จับมือเล็กๆ ของเธอไว้อย่างกระตือรือร้น ก้มหน้าลงอย่างน่าสงสาร แล้วเอนเข้าพิงหน้าอกซูหว่านพลางไซ้ไปมา
ซูหว่าน ‘ให้ตายสิ กำลังเอาเปรียบกันเห็นๆ’
“เปื้อนไปหมดแล้ว ติงจยาจยา!”
ซู่หว่านผลักติงจยาจยาออกจากอ้อมอกพลางทำหน้ารังเกียจ
ติงจยาจยากะพริบตากลมโตปริบๆ จ้องมองซูหว่านพร้อมใบหน้าอันทรงเสน่ห์ของนางปีศาจอเวจี “ซูเสี่ยวหว่าน เธอฉลาดที่สุดแล้ว เร็วเข้าๆ รีบช่วยฉันหาวิธีช่วยที่รักของฉัน ไม่ง่ายเลยกว่าที่ฉันจะเจอผู้ชายที่ตรงสเปค!”
ซูหว่าน…
“เธอน่ะ เจอคนที่ไม่ตรงสเปคมากกว่า ถึงได้ไม่ง่าย”
ซูหว่านไม่อยากจะแขวะความเจ้าชู้ของติงจยาจยาอีก “ก่อนที่พวกเราจะมาถึง พวกเธอไม่เคยพบเจออันตรายใดๆ เลยเหรอ”
“ไม่เคย”
ติงจยาจยาสั่นศีรษะ พลางหน้าแดงแปลกๆ “อุ๊ย ซูเสี่ยวหว่าน เธอยังคงใช้พลังจิตสื่อสารกับฉันดีกว่า เสียงของเธอมันคล้ายเสียงกระตุ้นอารมณ์ยังไงก็ไม่รู้”
ซูหว่าน ‘เฮ้อ ทำไมไม่พูดว่านางปีศาจอเวจีอย่างพวกเธอเซ็กส์จัดแต่กำเนิดล่ะ’
ซูหว่านเหลือบมองติงจยาจยาอย่างมีนัย แล้วจึงใช้พลังจิตของตนถามไถ่ “ตามที่เธอเล่า เธอเคยห่างกับแฟรงค์ระยะหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเธอติดต่อกับเยี่ยซินเพื่อขอความช่วยเหลือจากสำนักงานใหญ่ และหลังจากที่แฟรงค์กับเธอเจอกันอีกครั้ง เธอก็รีบบอกเขาเรื่องที่เธอขอกำลังเสริมใช่ไหม”
“ใช่เลย!”
ติงจยาจยาพยักหน้าหงึกๆ แต่แล้วแววตาก็ขรึมลงทันที “ซูเสี่ยวหว่าน หรือความหมายของเธอคือ…”
แฟรงค์ เป็นผู้คุมกฎปลอมตัวมา?
ประโยคนี้ติงจยาจยาไม่ได้พูดออกมา ส่วนซูหว่านก็ได้แต่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ใช่หรือไม่ ต่อไปก็จะรู้เอง! ในเมื่อตอนนี้ผู้คุมกฎไม่ปรากฏตัวสักที ถ้างั้น เรายังจะรออะไรอีก รีบพานักเวทวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิกับราชันย์ซากศพนรกของเขาไปทรมานพระนางกันเถอะ!”
น้องสาวเธอสิ!
ติงจยาจยาแทบอยากบีบคอตนเอง ทำไมจุดนี้เธอนึกไม่ถึงนะ
ผู้คุมกฎไม่ปรากฏตัว?
ก็ไปทรมานพระนางสิ ถึงตอนนั้นค่อยดูว่า เขาจะทนได้อีกกี่น้ำ
ใครมาขัดขวางตนจัดการตัวเอก ใครคนนั้นก็คือผู้คุมกฎที่แฝงตัวอยู่!
“ดีๆๆ! ซูเสี่ยวหว่าน ฉันรักเธอมากเลย!”
ติงจยาจยายินดีปรีดายิ่ง จึงโผเข้าหาซูหว่านอีกรอบ แล้วแกล้งจุ๊บแรงๆ ลงบนใบหน้าซูหว่านด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด
ถัดมา เธอก็ถูกซูหว่านผลักออกอย่างรังเกียจเป็นพิเศษอีกรอบ
พอเห็นซูหว่านกำลังเช็ดหน้าไม่หยุด ติงจยาจยาก็ทำหน้าไม่พอใจทันที…
ซูเสี่ยวหว่าน เธอมันคนไม่มีความรักต่อเพื่อนร่วมงาน!
ฮือๆๆ รู้สึกว่าจะไม่รักอีกแล้ว…
รอจนสุดท้าย ติงจยาจยาก็จากไปพร้อมใบหน้าอันอิ่มเอิบ ซูหว่านจึงถอนหายใจยาวๆ ออกมาอย่างอดไม่ได้ นางหลุบตาลง ไม่มีใครเห็นแววตาหมองหม่นของนาง…
“ภรรยา”
ไม่นาน ซูรุ่ยก็เปิดประตูเข้ามา “ติงจยาจยาพูดอะไรกับคุณเหรอ”
พอได้ยินคำถาม ซูหว่านก็ชำเลืองมองซูรุ่ย “อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้ยิน!”
ซูหว่านเชื่อมั่นในพลังหยั่งรู้และพลังจิตของแม่ทัพซูมาโดยตลอด
เอ่อ
พอได้ยินคำพูดของภรรยาตนเอง ซูรุ่ยก็ยิ้มแหยๆ ไปโดยปริยาย “เอาล่ะ ภรรยา ผมได้ยินหมดแล้ว คุณก็สงสัยแฟรงค์เหมือนกันใช่ไหม”
ขณะอยู่ในแดนชำระวิญญาณ ไม่มีใครรู้ว่าเขาพบเจออะไรกันแน่
หรือเขาโชคดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ ที่รอดพ้นจากเภทภัยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ ถ้าทั้งหมดล้วนปลอมล่ะ
เริ่มแรกผู้คุมกฎสามารถใช้ร่างของติงจยาจยาล่อให้แฟรงค์ออกมาได้ เขาก็สามารถปลอมตัวเป็นแฟรงค์ หลังจากฆ่าแฟรงค์ตายที่แดนชำระวิญญาณได้เช่นเดียวกัน จากนั้นค่อยขับไล่หรือฆ่าติงจยาจยาเสีย
ส่วนที่เขายังไม่ลงมือสักทีนั้น ข้อแรก เพราะติงจยาจยาบอกเขาว่า จะมีกำลังเสริมมา ข้อสอง มีความเป็นไปได้ว่า เขาได้รับบาดเจ็บขณะลงมือกับแฟรงค์ในแดนชำระวิญญาณ
ต้องรู้ว่า จริงๆ แล้วผู้คุมกฎก็บาดเจ็บได้เหมือนกัน พวกเขากำกับดูแลห้วงกาลอวกาศมากมาย ทุกครั้งที่เข้าสู่ห้วงกาลอวกาศ ก็ล้วนเป็นร่างวิญญาณของตนเอง พวกเขาไม่มีทางตายจริงๆ แต่พอวิญญาณของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ พลังในการต่อสู้ของพวกเขาก็พลอยลดลงไปด้วย
จะใช่เขาหรือไม่ อีกไม่นานก็รู้
พอซูหว่านเห็นซูรุ่ยยิ้มบางๆ ก็เอ่ยปากขึ้นทันที “ฉันง่วงแล้ว จะนอนละ คุณจะนอนด้วยกันไหม”
เอ่อ
ได้ยินเสียงเซ็กซี่ของภรรยาตนอีกแล้ว แววตาของซูรุ่ยมืดมนลง “คุณนอนก่อนเถอะ ผมดึกหน่อยค่อยนอน ถือโอกาสจับตาดูความเคลื่อนไหวด้านนอกสักพัก”
ความเคลื่อนไหวที่ซูรุ่ยพูดถึง ย่อมหมายถึงอยากจับตาดูทุกอิริยาบถของแฟรงค์ แม้เขาเป็นนักเวทวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่พลังการหยั่งรูและพลังจิตของเขา ไม่แน่ว่าจะแข็งแกร่งกว่าแม่ทัพซู
“อืม งั้นฉันนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์”
ซูหว่านพยักหน้า ค่อยถอดรองเท้า กระโดดขึ้นเตียง กระทั่งเสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอด มุดร่างเข้าไปในผ้าห่ม ไม่ทันไรก็หลับแล้ว
พอเห็นซูหว่านนอนหลับสนิท ซูรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองใบหน้านาง ตอนนี้เขากำลังแผ่โครงข่ายหยั่งรู้ของตนเองออกไป เพื่อรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในเรือน…
“โอ้! เยี่ยมมาก! เจ้าเยี่ยมมากเลยที่รัก!”
“อือ ปีศาจน้อย เจ้าก็เยี่ยมมากเช่นเดียวกัน!”
…
ซูรุ่ย…
พอหยั่งรู้ว่าอีกห้องหนึ่ง ติงจยาจยากับแฟรงค์กำลังทำเรื่องบนเตียงกัน ซูรุ่ยก็มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที…
เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนซูหว่านตื่นนอน ก็พบว่าซูรุ่ยกำลังนั่งสมาธิอยู่บนเก้าอี้อีกด้าน
เอ่อ ซูหว่านลุกขึ้นเงียบๆ แต่ยังคงรบกวนซูรุ่ย
“อรุณสวัสดิ์” ซูรุ่ยลืมตา ยิ้มน้อยๆ พลางมองดูซูหว่าน
“อรุณสวัสดิ์ คุณไม่ได้นอนทั้งคืนเลยเหรอ” ซูหว่านเห็นขอบตาซูรุ่ยคล้ำ จึงอดถามไม่ได้ แม่ทัพซู คุณทุ่มเทขนาดนี้เลยเหรอ ดักฟังตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ซูรุ่ย…
แม่ทัพซูผู้ถูกบังคับให้ฟังถ่ายทอดสดหนังโป๊ตลอดทั้งคืนแสดงท่าทีว่าตนก็ขมขื่นอย่างยิ่งเช่นกัน
นึกไม่ถึงว่า แฟรงค์ที่ดูรูปร่างบอบบางปานนั้น พับผ่าสิ ตกกลางคืนแทบกลายร่างเป็นหมาป่าบ้าพลัง สู้กับแม่ทัพซูได้เหมือนกัน
ส่วนติงจยาจยา…
ซูรุ่ยไม่อยากวิจารณ์ใดๆ ลูกเล่นของนางปีศาจอเวจีมีมากจนเกินความต้องการจริงๆ
……
ช่วงเช้า คนทั้งสี่รับประทานอาหารเช้าด้วยกัน
ตอนพบหน้ากัน กลับไม่มีความกระอักกระอ่วนใจใดๆ หลังอาหาร พอติงจยาจยาเก็บของบางอย่างไว้ในแหวนช่องมิติเรียบร้อย ทั้งสี่ก็เตรียมตัวออกเดินทาง
ระยะทางจากฐานที่มั่นแห่งนี้ไปยังจุดเทเลพอร์ตไม่ใช่สั้นๆ แต่พลังของทั้งสี่ล้วนไม่เลว แถมแฟรงค์ยังมีราชันย์ซากศพนรกที่ดุดันมากตนหนึ่ง กลุ่มคนจึงมาถึงจุดเทเลพอร์ตได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลตลอดเส้นทาง
หลังจากมาถึง ซูหว่านกับซูรุ่ยพลันพบเจอร่างที่คุ้นเคยในกลุ่มคนที่เข้าแถวยาวเหยียดอีกครั้ง…
ให้ตายสิ นั่นมิใช่เบลเลียเหรอ
อะไรจะบังเอิญขนาดนี้!