ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 40-1 อวสาน
เสียงประกาศชัยชนะของแผนกฟื้นฟูเขตแดนยังคงดังก้องอยู่ในโถงใหญ่ไม่หยุด
“เกิดอะไรขึ้น”
ฉินอวี่นิ่งไปสักพัก แล้วหันไปมองเครื่องเชื่อมต่อของแผนกฟื้นฟูเขตแดนกับแผนกทำลายเขตแดน เวลานี้ซูหว่านกับสวีเช่อกำลังออกมาจากเครื่องเชื่อมต่อพอดี ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน
ซูหว่านยิ้มให้สวีเช่อ “ยินดีด้วย”
“เหมือนกัน”
สวีเช่อพยักหน้าให้ซูหว่านเล็กน้อย ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดแล้ว
ฉินอวี่พูดไม่ออก…
ให้ตายสิ พวกนายทำเป็นมีลับลมคมในแบบนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่เนี่ย
เวลานี้ คนสุดท้ายจากแผนกทำลายเขตแดนก็เปิดประตูเครื่องเชื่อมต่อออก เยี่ยซินเดินออกมาจากด้านในหน้านิ่ง
“หัวหน้า ฉัน…”
ซูหว่านก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มองเยี่ยซินแล้วพูดอึกๆ อักๆ อยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
“ไม่เป็นไร”
เยี่ยซินส่ายหัว นึกถึงคำพูดที่ซูรุ่ยบอกกับเธอก่อนเธอจะตาย เยี่ยซินยิ้มอย่างโล่งใจ “ยินดีกับพวกเธอด้วย”
“ขอบคุณ”
ซูหว่านพยักหน้ายิ้ม
ในโลกภารกิจ หลังจากที่นางเปิดใช้ม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายตำแหน่งนางกลับไม่ได้ใช้มันเองแต่โยนไปให้ซูรุ่ย
วินาทีนั้น ซูหว่านไม่ได้พูดอะไรเลย ซูรุ่ยเองก็เพียงแค่ยิ้มให้นางโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน
ระหว่างนางกับเขา สามารถเข้าใจกันโดยไม่ต้องมีคำพูดใด
เมื่อเห็นเงาของเยี่ยซินกับซูรุ่ยค่อยๆ หายไป ในขณะที่ฟ้ากำลังถล่มแผ่นดินกำลังทลาย สวีเช่ออดไม่ได้ที่จะมองไปยังซูหว่านแล้วพูดเสียงนิ่งว่า “จู่ๆ ฉันก็รู้สึกอิจฉาพวกเธอขึ้นมาแล้วล่ะ”
“นั่นเป็นเรื่องดี อย่างน้อยคุณก็ได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกนั้นอีกความรู้สึกหนึ่งแล้ว”
ซูหว่านขยิบตาให้สวีเช่อ จากนั้นก็มองไปยังเซวียนหยวนสือที่อยู่ข้างๆ สวีเช่อ “สวีเช่อ พวกเราจะกลับแล้ว เสี่ยวสือจะทำยังไง”
“นายน้อย อย่าทิ้งข้า”
เมื่อเซวียนหยวนสือได้ยินทั้งสองคนพูด ก็รู้ว่าพวกเขากำลังจะกลับไปในโลกที่ตนไม่รู้จักใบนั้น นางพลันร้อนรนจับมือของสวีเช่อไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
มองของหญิงสาวเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด
สวีเช่อจ้องมองคนข้างๆ นิ่ง “เสี่ยวสือ หากเจ้ากับไปกับข้า ก็จะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจแห่งห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ เจ้าจะยินยอมหรือไม่”
“ข้ายินยอม”
เห็นสีหน้าแน่วแน่ของเซวียนหยวนสือ สวีเช่อพยักหน้า “ดี ผมจะพาคุณไปด้วย แต่พวกเรากำลังทำบททดสอบอยู่ในโถงใหญ่ หากคุณจะไปกับผม จะต้องถูกส่งไปที่แผนกฟื้นฟูเขตแดน คุณต้องไปรอผมอยู่ที่นั่น ห้ามไปไหน เข้าใจไหม”
“อืม”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวีเช่อ เซวียนหยวนสือจึงรีบพยักหน้า นางไม่รู้ว่าห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญนั้นเป็นอย่างไร แล้วก็ไม่รู้ว่าบททดสอบกับแผนกฟื้นฟูเขตแดนที่สวีเช่อพูดตกลงแล้วคืออะไร แต่ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญเลย
เพราะสิ่งสำคัญคือ เขาเต็มใจที่จะพานางไปจากที่นี่
จากที่แห่งนี้ไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว…
หลังจากนั้นไม่นานโลกใบเล็กนั้นก็พังทลาย ดวงจิตของทั้งสามก็หายไปเช่นกัน
เวลานี้ ที่สำนักเทียนอวิ๋น หลังจากเยี่ยซินกลับมาถึง นางยังไม่ทันจะได้ตอบรับภารกิจอะไร เงาของซูรุ่ยก็ปรากฏตามมาแล้ว
ไม่พูดไม่ได้ว่า การเคลื่อนไหวของซูรุ่ยรวดเร็วมาก รวดเร็วเสียจนเยี่ยซินไม่ทันได้มีโอกาสตอบโต้เลย…
จู่โจมปลิดชีพในคราวเดียว!
อะไรคือตั๊กแตนจับจั๊กจั่น แล้วนกขมิ้นรออยู่ด้านหลัง
วันนี้เยี่ยซินกระจ่างแล้ว ซูเสี่ยวหว่านเธอนี่มันจริงๆ เลย
“เยี่ยซิน ขอบใจคุณมากที่ให้ร่วมมือ”
น้ำเสียงเย็นชาของซูรุ่ยดังขึ้นข้างหูของเยี่ยซิน ก่อนที่จะสูญสิ้นสติสัมปชัญญะทั้งหมด ในที่สุดเยี่ยซินก็เข้าใจความหมายของคำพูดซูรุ่ย…
ซูหว่าน เธอมีความสุขจริงๆ
เธอกับซูรุ่ย ช่างเป็นคู่ที่ทำให้คนอิจฉาเหลือเกิน
มีคนตั้งมากมายที่ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อค้นหา แต่ก็ยังหาคู่ชีวิตที่จะสามารถมอบทั้งชีวิตและจิตใจของตัวเองให้ได้คนนั้นไม่พบ
แต่ซูหว่านกลับสามารถฟันฝ่าฝูงชนมากมายจนมาเจอกับซูรุ่ย
ใช่อย่างที่เขาว่ามันเป็นโชควาสนาฝืนชะตาสวรรค์นั่นหรือเปล่านะ
…
หลังจากบททดสอบจบลง คนของแต่ละแผนกก็แยกย้ายกันกลับไปยังแผนกของตัวเอง หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกัน สวีเช่อกลับไปชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่เพียงลำพัง
ที่นั่น เป็นห้องของบอส
“นายกลับมาแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของสวีเช่อ ผู้ชายในห้องก็ค่อยๆ หันมา
เป็นชีเย่ว์
ทั้งๆ ที่เป็นใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ตอนนี้แรงกดดันและท่าทางของเขากลับทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
“นายรู้หมดแล้วใช่ไหม”
ชีเย่ว์ก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ดวงตาเคร่งขรึงสบกับสวีเช่อ “ต้องการให้ฉันปลดตราผนึกของนายไหม”
ทุกฉากทุกเหตุการณ์ในโลกบททดสอบต่างก็อยู่ภายใต้สายตาของชีเย่ว์ ในปีนั้นเป็นเพราะสวีชิ่นตาย เขาจึงได้โมโหและประทับตราผนึกเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาไว้บนตัวของสวีเช่อ
นี่ไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความรักและความอาลัย
ครั้งหนึ่ง สวีชิ่นเคยเป็นเจ้าหน้าที่หญิงที่โดดเด่นที่สุดในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ แต่เพราะ ‘รัก’ คำเดียว ที่ทำลายทั้งชีวิตของเธอ
ชีเย่ว์ดูถูกเลี่ยเหยียน เขารู้สึกว่าเลี่ยเหยียนไม่คู่ควรกับชิ่นเอ๋อร์
ชิ่นเอ๋อร์ตายไปแล้ว ตายไปเพราะสิ่งที่เรียกว่าอารมณ์และความปรารถนานั่น เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก ชีเย่ว์จึงผนึกเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาของสวีเช่อเอาไว้…
ไม่มีความรักก็จะไม่เจ็บปวด
ไม่มีความรักก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ
ใช่แล้ว ชีเย่ว์คิดอย่างนั้นมาโดยตลอด แต่บททดสอบในครั้งนี้ ได้เห็นการแสดงออกของสวีเช่อ ได้เห็นความรักของซูหว่านกับซูรุ่ย ไม่เพียงแต่ทำให้เลี่ยเหยียนเซียนจวินพูดไม่ออก แต่ยังทำให้ชีเย่ว์รู้สึกอ่อนไหวตามไปด้วย…
ที่แท้โลกใบนี้สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือความเชื่อใจและการอยู่เคียงข้าง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไร ฉันก็ไม่มีทางแยกจากคุณตลอดไป
วันนี้เมื่อได้เห็นสวีเช่ออีกครั้ง ชีเย่ว์จึงรู้สึกผิด ถ้าตอนนั้นตัวเองไม่ได้สลักตราผนึกนั้นกับสวีเช่อ เขาคงไม่คลาดจากซูหว่าน
ต้องการปลดตราผนึกไหม
เมื่อได้ยินคำพูดของชีเย่ว์ สวีเช่อพลันอึ้งงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะอย่างอ่อนโยนดุจฝนฤดูใบไม้ผลิ “ผมไม่ต้องการให้คุณช่วยผมปลดผนึกตรานั่น ผมเป็นแบบนี้ ก็ดีมากแล้ว”
“อาเช่อ!”
ชีเย่ว์มองสวีเช่อด้วยความประหลาดใจปราดหนึ่ง “นายไม่รู้สึกเสียดายเหรอ นายไม่อยากมีความรู้สึกเหมือนกับคนปกติคนอื่นเหรอ”
เสียดาย…
สวีเช่อหลุบตาลง พลันนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่สลักลงอย่างลึกล้ำในความทรงจำของตัวเองฉากนั้นโดยไม่รู้ตัว…
ภายใต้แสงจากเพลิงไฟเต็มท้องฟ้า ซูหว่านสวมชุดกระโปรงบางสีขาวบางยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง
ทำไมเขาจะไม่รู้สึกเสียดายล่ะ
นั่น อาจจะเป็นความรู้สึกเสียดายที่สุดในชีวิตเขาแล้ว หากย้อนเวลากลับไปได้ หากทุกอย่างกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง…
แววตาของสวีเช่อวาบประกาย จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ชีเย่ว์ “ความรู้สึกเสียดายในใจของผม ผมจะคิดหาวิธีจัดการกับมันเอง ส่วนเรื่องตราผนึก…ผมเชื่อว่า หากวาสนามาถึง ตราผนึกนั่นคงจะถูกทำลายไปเอง”
บนโลกใบนี้ย่อมต้องมีความรู้สึกหนึ่ง ที่สามารถทำลายทุกอย่างได้อยู่แน่