ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 17 ตำนานแม่พระวังหลัง
กองพระภูษา
เมื่อเหยียนอวี่นั่วทำงานที่อยู่ในมือทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย ก็เห็นสวีปิงเย่ว์แอบย่องกลับมาจากประตูหลังอย่างเงียบ ๆ นางยังคงสวมชุดขันทีอยู่
“ปิงเย่ว์ เจ้าไปไหนมา?”
เหยียนอวี่นั่วรีบเดินมายังตรงหน้ามาสวีปิงเย่ว์ แล้วดึงมือนางไปที่มุมหนึ่งแล้วกระซิบว่า “เจ้าหายไปไหนมากันแน่ เมื่อครู่เลี่ยวซืออี๋กำลังตามหาเจ้าอยู่!”
“อะไรนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหยียนอวี่นั่ว สีหน้าของสวีปิงเย่ว์ก็หน้าถอดสี “พี่อวี่นั่ว ทำอย่างไรดี ช่วยข้าด้วย”
“ตอนนี้รู้จักร้อนรนแล้วหรือ ข้าจะช่วยเจ้ารับมือกับก่อน แต่เจ้าพูดมาก่อนว่าใส่เสื้อผ้าแบบนี้ไปทำอะไรมา อยากตายหรืออย่างไร?”
เหยียนอวี่นั่วมองไปที่สวีปิงเย่ว์ด้วยความเป็นห่วง นางไม่สนใจที่จะต้องทำงานให้นาง แต่กังวลถึงความปลอดภัยของน้องสาวคนนี้ ตั้งแต่ที่ซูหว่านเกิดเรื่อง เหยียนอวี่นั่วก็ไม่อยากให้คนรอบข้างเกิดอะไรขึ้นอีก
“ข้า…”
สวีปิงเย่ว์กระพริบตา “ข้าออกไปพบเพื่อนคนหนึ่ง เขาอยู่ที่วังหน้า ข้จึงเปลี่ยนเป็นชุดขันทีและเข้าไปข้างใน”
“ยัยเด็กคนนี้ใจกล้าไปแล้ว!”
เหยียนอวี่นั่วส่ายหัวและถอนหายใจ จากนั้นยกมือขึ้นตบไหล่ของสวีปิงเย่ว์เบา ๆ และพูดว่า “เอาล่ะ ใช้โอกาสตอนที่ยังไม่มีใครเห็น เจ้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย”
“อือ รู้แล้ว”
สวีปิงเย่ว์รีบวิ่งกลับไปที่ห้องของนางอย่างรวดเร็ว ตอนที่นางกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเห็นป้ายอาญาสิทธิที่เสิ่นเฉิงเป่ยมอบให้ตน แววตาของนางอ่อนละมุนลง ทั้งสองมือประคองป้ายคำสั่งไว้อย่างระมัดระวัง นางรู้สึกถึงคล้ายว่ากลิ่นอายของเสิ่นเฉิงเป่ยอยู่บนป้ายอาญาสิทธิ์ ทำให้ใบหน้าของสวีปิงเย่ว์แดงโดยไม่รู้ตัว
สามวันต่อมา
เมื่อสวีปิงเย่ว์มาถึงค่ายทหารเวรยามบูรพาอีกครั้ง เสิ่นเฉิงเป่ยก็รออยู่ที่นั้นนานแล้ว
“น้องปิงเย่ว์ นี่คือจดหมายตอบรับที่ข้าตอบกลับเสียวหว่าน และยังมีนี่อีก”
เสิ่นเฉิงเป่ยยื่นถุงเงินขนาดเล็กส่งให้สวีปิงเย่ว์ในมือและพูดว่า “นี่ค่าตอบแทนที่เจ้าทำงานหนัก”
เมื่อเห็นเงินที่เสิ่นเฉิงเป่ยให้มา ใบหน้าที่งดงามของสวีปิงเย่ว์ก็เฉยชา “พี่เสิ่นเห็นข้าไปเป็นคนนอกงั้นหรือ? ข้าเป็นสหายรักของเสี่ยวหว่าน จะรับเงินของพี่เสินได้อย่างไรกัน พี่เห็นข้าเป็นคนแบบไหนกัน?”
“นี่…”
เมื่อเห็นสวีปิงเย่ว์โกรธ ใบหน้าหล่อเหลาของเสิ่นเฉิงเป่ยก็เก้อกังไป เขาไม่เคยเชื่อว่าในวังหลังจะมีพี่น้องที่แท้จริงอยู่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของสวีปิงเย่ว์และซูหว่านเหมือนจะไม่เลวจริงๆ
เสิ่นเฉิงเป่ยคิดถึงคำพูดของซูหว่านที่บอกกับตนเองในจดหมายว่าตัวนางมีสหายที่สนิทอยู่สองสามคนอยู่วังหลัง หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นสวีปิงเย่ว์กระมัง
“เจ้าอย่าโกรธข้าเลย ข้าร้อนรนไปเอง ข้าขอโทษเจ้า”
เสิ่นเฉิงเป่ยมองไปที่สวีปิงเย่ว์ด้วยแววตารู้สึกผิด เมื่อเห็นว่าเขาเป็นฝ่ายขอโทษตัวเอง สวีปิงเย่ว์ถึงยิ้มออกมา ดวงตาที่สวยงามของนางกระพริบไปมาและพูดว่า “ช่างเถิด ครั้งนี้ข้าให้อภัยท่าน ครั้งหน้าห้ามทำอีกนะ!”
เสียงที่คมชัดและลงท้ายด้วยความออดอ้อน หากเปลี่ยนเป็นชายคนคงรู้สึกไปนานแล้ว แต่น่าเสียดายที่เสิ่นเฉิงเป่ยเกิดมาพร้อมกับความรู้สึกรักเหมือนยางเส้นหนึ่ง ทั้งยังตอบสนองช้าเหลือเกิน ดังนั้นตอนนี้เขากลับไม่สังเกตุว่าสวีปิงเย่ว์ที่มีความรู้สึกพิเศษที่มีให้กับเขาเลยแม้แต่น้อย…
หลังออกจากค่ายทหารเวรยาม สวีปิงเย่ว์ฮัมเพลงไปตลอดทาง จากมุมมองของนางแล้ว พี่เสิ่นเหมือนว่าจะเพิ่มความสนิทใกล้ชิดกับตนเองมากขึ้นอีกเล็กน้อย นางไม่เชื่อว่าวิธีการของนางเองจะเทียบไม่ได้กับซูหว่านผู้ที่ครึ่งเป็นครึ่งตายที่อยู่ในหอแรงงาน
ตอนนี้ทั้งสองคนสื่อสารกันผ่านจดหมาย หน้าก็ไม่ได้เจอ รอให้วันไหนซูหว่านทนอยู่ในหอแรงงานไม่ไหวแล้ว ก็จะใช้โอกาสนี้เข้าไปปลอบใจพี่เสิ่น เรื่องหลังจากนั้นก็ปล่อยไปเป็นตามธรรมชาติ น้ำหยดลงหินทุกวัน สักวันก็ต้องได้ใจพี่เสิ่นมา
สวีปิงเย่ว์กลับไปที่สำนักพระภูษาทางประตูหลังด้วยสีหน้าชื่นมื่น ครั้งนี้นางไม่ถูกใครมาพบเข้า จึงกลับห้องของตนแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า สวีปิงเย่ว์วางจดหมายของเสิ่นเฉิงเป่ยอย่างระมัดระวังจดหมายไว้ใต้หมอนของนางเอง นางไม่รีบร้อนที่จะส่งมันออกไป ให้ซูหว่านจะรอไปอีกสองสามวันจะดีกว่า หึๆ
หลังจากที่ส่องกระจกแต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อย สวีปิงเย่ว์ก็เดินออกจากห้องเอ่อร์ฝางของนางอย่างช้าๆ ในชุดนางในสีน้ำเงิน เมื่อนางก้าวออกจากประตูก็เห็นเหยียนอวี่นั่วที่ยิ้มด้วยหน้าตาที่สดใสก็พูดว่า
“พี่อวี่นั่ว มีข่าวดีอะไรหรือเปล่า พี่ถึงได้มีความสุขเช่นนี้”
สวีปิงเย่ว์มองด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเหยียนอวี่นั่ว แต่ในใจกลับรู้สึกไม่ดี หรือว่าเลี่ยวซืออี๋เลื่อนตำแหน่งให้เหยียนอวี่นั่วแล้วหรือ
ถ้าเป็นเช่นนั้นเลี่ยวซืออี๋นี่ยิ่งมีอายุมากขึ้นก็ยิ่งสับสนมากขึ้น สมองก็ทำงานไม่ดีแล้ว เหยียนอวี่นั่วเป็นคนที่ทำงานหนักก็จริง แต่แท้จริงแล้วเป็นคนโง่เขลา คนแบบนี้ไม่สามารถอยู่ในวังหลังได้นานหรอก
“ปิงเย่ว์ ปิงเย่ว์ เจ้าดูสิว่าใครกลับมาแล้ว”
ในเวลานี้ เหยียนอวี่นั่วไม่จับแววตาผิดปกติของสวีปิงเย่ว์ได้ นางเพียงแต่จับมือของสวีปิงเย่ว์ด้วยความตื่นเต้นและชี้ไปที่ประตูลาน
นั่นคือ…
เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยค่อยๆ เดินเข้าออกมาที่ประตู ใบหน้าของสวีปิงเย่ว์ที่มีความดีใจมาตลอดก็ได้เปลี่ยนไปเป็นหน้าเย็นชาในทันที แต่ในไม่ช้านางก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เรียบง่ายไร้เดียงสาและพูดว่า “พี่เสี่ยวหว่าน พี่กลับมาแล้วหรือ”
ใช่แล้ว ซูหว่านกลับมาแล้ว!
เมื่อเห็นสวีปิงเย่ว์ฝืนยิ้มให้ตนเองต่อหน้าเธอ ซูหว่านก็ยิ้มค่อย ๆ และพูดว่า “อือ ใช่แล้ว เจ้ารู้สึกแปลกใจมากเลยใช่หรือไม่”
“เอ่อ ใช่แล้ว”
รอยยิ้มของสวีปิงเย่ว์มีความไม่เต็มใจเล็กน้อยและพูดออกมาว่า “พี่เสี่ยวหว่าน เหตุใดพี่ถึงออกมาจากหอแรงงานเร็วนักล่ะ”
สวีปิงเย่ว์จำได้ว่าซูหว่านถูกส่งตัวไปหอแรงงานเวลาคือหนึ่งเดือน! นี่เวลายังไม่นานนักทำไมถึงออกมาเร็วแบบนี้ได้กัน นี่เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมาก
“นี่ต้องขอบคุณพี่อวี่ชิง ไม่สิ ตอนนี้ควรจะเรียกพระนางว่าเหยียนเหม่ยเหรินถึงจะถูก”
ซูหว่านพูดอย่างระมัดระวัง เมื่อได้ยินคำพูดของเธอทั้งเหยียนอวี่นั่วและสวีปิงเย่ว์ต่างก็ตกตะลึงไป
พวกนางที่อยู่ในสำนักพระภูษาไม่รู้เรื่องเลยว่า ฝ่าบาทแต่งตั้งเหยียนอวี่ชิงให้เป็นเหยียนเหม่ยเหริน
อันที่จริงเหตุการณ์นี้เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ และในวังหลังตอนนี้ก็มีคนรู้เรื่องนี้น้อย แน่นอนว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ซูรุ่ยและซูหว่านต่างคำนวนได้ดีแล้ว ทั้งสองคนต่างมองทะลุนิสัยเหยียนอวี่ชิงและสวีปิงเย่ว์แล้ว
เมื่อเหยียนอวี่ชิงขึ้นรับตำแหน่งก็ต้องหาคนที่เชื่อถือและซื่อสัตย์เหมือนในเนื้อเรื่องเดิม ในโลกเดิมนางเลือกซูหว่าน และครั้งนี้นางยังคงเลือกซูหว่านเหมือนเดิม
เหยียนอวี่ชิงรู้ดีว่าซูหว่านเป็นคนที่มีจิตใจที่ดีและโปร่งใสมากกว่าเหยียนอวี่นั่ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอเห็นซูหว่านรับโทษแทนเหยียนอวี่นั่ว นงยังรู้สึกว่าซูหว่านเป็นคนที่มีทั้งความรักและความชอบธรรม เหยียนอวี่ชิงจึงตัดสินใจที่จะไปวิงวอนขอร้องต่อหน้าเพื่อซูหว่าน เช่นนี้ ตลอดชีวิตทั้งชีวิตก็ต้องขอบใจตนเอง และยอมเป็นม้าเป็นวัวให้ตน …
จิ่นฟังไจในเวลานี้
เหยียนอวี่ชิงกำลังอาบน้ำอยู่ภายใต้การให้บริการของนางกำนัลทั้งสองคน นอนอยู่ในอ่างอย่างหมดเรี่ยวแรง เหยียนอวี่ชิงมองไปที่ผิวสีขาวเนียนด้วยความงุนงง นางจำได้ว่าเมื่อคืนฝ่าบาททรงมีอารมณ์ที่ร้อนแรงกับนางมาก แต่ทำไมบนตัวนางถึงไม่มีร่องรอยอะไรไว้เลย
หากเช้านี้ไม่ได้รู้สึกว่าทั้งร่างกายอ่อนแรงและมีสีแดงสดบนแท่นบรรทม เหยียนอวี่ชิงคงจะคิดไปเองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน
เหอะๆ แต่ในความเป็นจริงนางแค่ฝันเปียกเท่านั้นเอง
ซูรุ่ยจะไปสัมผัสตัวนางได้อย่างไร
พูดไปแล้วการเป็นจักรพรรดินี้ก็ดีจริงๆ ไม่มีอะไรที่ในวังหลวงจะไม่มี ในสำนักหมอหลวงมียาพิเศษมากมายที่จัดเตรียมให้ที่สนมผู้เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทและหนึ่งในนั้นก็มีเครื่องหอมชนิดหนึ่งที่มาจากเมืองตะวันตกที่ทำให้ผู้คนฝันแล้วเกิดภาพหลอนได้
ดังนั้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่จริงแล้วเหยียนอวี่ชิง มีความสุขแค่คนเดียวทั้งคืน และในขณะที่ซูรุ่ยและซูหว่านกำลังศึกษาแผนการด้วยกันจนถึงกลางดึกและทั้งสองคนก็พักที่เรือนอุ่น ทั้งคู่ต่างนอนกอดซึ่งกันและกัน
แล้วสำหรับเลือดบนพระแท่นบรรทมนั้น ขันทีวังเป็นคนเตรียมโดยเฉพาะ ในฐานะที่เป็นขันทีที่มีความสามารถหลากหลายด้าน ลุงวังยอดเยี่ยมเสมอ …
วังหลังเป็นสถานที่ที่ไม่มีความลับและไม่มีวันซ่อนความลับได้
เพียงแค่ในเวลาเที่ยงวัน หลังจากที่เมื่อคืนฝ่าบาทไปเรือนเหวินหวา หลิวกุ้ยเหรินที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งกลับเป็นนางกำนัลที่ใกล้ชิดกับหลิวกุ้ยเหรินที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเหม่ยเหรินก็ได้แพร่ไปทั่ววังหลัง
ในเวลานี้ มีทั้งคนดูความสนุก ทั้งคอยสมน้ำหน้าก็มี หรือจับคู่เป็นพันธมิตรก็มี แน่นอนว่าคนที่อารมณ์เสียที่สุดคงเป็นหลิวกุ้ยเหริน ที่นางก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะถูกเหยียนอวี่ชิงโยนมาขวาง
ยัยตัวแสบคนนั้น คิดจริงๆ หรือว่านางที่มีหน้าตาสะสวยและวัยเยาว์กว่าจะได้รับความโปรดปราน
กล้าที่เหยียบตนเองเพื่อให้ตนเองก้าวสู่ตำแหน่ง สักวันหนึ่งนางจะลากเหยียนอวี่ชิงจากสวรรค์ลงสู่นรก ให้นางรู้ชะตากรรมของการเป็นคนทรยศว่าเป็นเช่นไร …