ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 21 ตำนานแม่พระแห่งวังหลัง
เกิดเรื่องใหญ่โตขนานนี้ขึ้นในจิ่นฟังไจ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่สีหน้าของเหยียนอวี่ชิงจะดูแย่ แต่ตอนที่ลู่มู่สวินจับชีพจรของเหยียนอวี่ชิง สายตาของเขากลับกระพริบไปมาไม่หยุด
เหยียนอวี่นั่วที่ปลอมตัวเป็นบ่าวตอนนี้ก็ได้แต่อยู่เงียบๆ นางคิดจะถามเรื่องของซู่หว่านหลังจากที่ลู่มู่สวินวินิจฉัยให้เหยียนอวี่ชิงเสร็จ แต่ขณะนั้นเอง ลู่มู่สวินกลับถามออกมาอย่างกระทันหัน “เรียนถามเหยียนเหม่ยเหรินหน่อยขอรับ รอบเดือนเดือนนี้ของท่านมาตรงเวลาหรือไม่?”
เรื่องรอบเดือน…
“รอบเดือนยังไม่มา” เหยียนอวี่ชิงที่นอนอยู่บนเตียงตอบจากจิตใต้สำนึกโดยที่จิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ในขณะที่นางตอบไปนั้นก็เหมือนนางจะคิดอะไรได้สักอย่าง ดวงตาของนางเบิกกว้างและมองลู่มู่สวินด้วยความตกใจและหวาดกลัว
“หมอหลวงลู่ หมอหลวงลู่ หรือว่า…”
เวลานี้ในห้องมีเพียงพวกเขาสามคน ฉะนั้นลู่มู่สวินก็ไม่ได้จำเป็นต้องปิดบังอะไร “ชีพจรของท่านราบรื่นไม่ติดขัดเหมือนสัมผัสไข่มุก มีกำลังเป็นพิเศษ เหยียนเหม่ยเหริน ท่าน…ตั้งครรภ์แล้ว!”
เหตุใด เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่มู่สวินพูด เหยียนอวี่ชิงสับสนงงงวยไปหมด
ฝ่าบาทเคยเตะตัวนางแค่ครั้งเดียว วันนั้นที่นางจากไป ขันทีวังก็ได้ให้นางดื่มยาคุมกำเนิดเหมือนเช่นเคย ถึงวันนี้มันก็ผ่านมานานขนานนี้แล้ว นางกลับตั้งครรถ์ขึ้นมาเสียได้ สิ่งที่อยู่ในครรถ์นี้ คิดอย่างไรก็ไม่น่าใช่ของฝ่าบาท!
“หมอหลวงลู่ ท่านพี่ พี่อวี่นั่ว!”
จริง ๆ แล้วตั้งแต่เหยียนอวี่นั่วเดินเข้ามา เหยียนอวี่ชิงก็ได้สังเกตเห็นนางแล้ว แต่นางก็แค่ไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกับเหยียนอวี่นั่วก็แค่นั้นเอง แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว สำหรับนางแล้ว ตอนนี้เหยียนอวี่นั่วและลู่มู่สวินเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้าย!
“ท่านพี่ช่วยด้วย! หมอหลวงลู่ช่วยด้วย!”
ทันใดนั้นเหยียนอวี่ชิงก็ดิ้นรนลงเตียง ร่างทั้งร่างคุกเข่าขอร้องต่อหน้าเหยียนอวี่นั่วและลู่มู่สวิน
เหยียนอวี่ชิงเข้าใจนิสัยของเหยียนอวี่นั่วเป็นอย่างดี นางรู้ว่าถ้าตัวเองร้องไห้ขอร้อง เหยียนอวี่นั่วก็จะใจอ่อนและตกลงกับตนเองทันที ขอแค่นางรับปากตนแล้ว ย่อมเรื่องธรรมดาที่ลู่มู่สวินก็จะมายื่นอยู่ข้างตนเองด้วย แค่เอาลูกคนนี้ออกแบบเงียบๆ นางก็จะมีชีวิตรอดแน่นอน
“นี่…”
ลู่มู่สวินมองหน้าเหยียนอวี่นั่วด้วยความลำบากใจ สถานการณ์ตรงหน้าชัดเจนแล้ว ดูแล้วคนที่มีเรื่องเถลไถลกับรุ่ยอ๋องในห้องจิ่นฟังไจก็คือเหยียนอวี่ชิงนี่เอง ส่วนซูหว่านก็แค่แพะรับบาปของนางเท่านั้นเอง!
“เป็นเจ้า”
เวลานี้สีหน้าของเหยียนอวี่นั่วก็ดูแย่มาก ไม่น่าเชื่อว่าเหยียนอวี่ชิงคนที่ร้องไห้เหมือนดอกสาลี่ต้องหยาดฝนตรงหน้านี้ “อวี่ชิง ผู้ที่มีเรื่องเถลไถลกับรุ่ยอ๋องคือเจ้า เป็นเจ้าใช่หรือไม่”
“ท่านพี่ เข้าถูกผีสางดลใจ ทำลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ! ข้ายังไม่อยากตาย ฝ่าบาทฆ่าข้าแน่เลย ขอร้อง ช่วยข้าเถอะ ช่วยข้าด้วยเถอะ ท่านพี่”
เหยียนอวี่ชิงกลัวแค่ว่าเหยียนอวี่นั่วจะไม่ตอบตกลงกับนาง เสียงร้องก็ยิ่งเศร้าและยิ่งน่าสงสารขึ้นเรื่อย ๆ
ต่อหน้าพี่น้องของตัวเอง เป็นเรื่องธรรมดาที่เหยียนอวี่นั่วไม่อาจใจร้ายทนมองคนตายไปต่อหน้าต่อตาได้ แต่ว่า…
“แล้วซูหว่านจะทำอย่างไร? นางบริสุทธิ์นะ!”
เหยียนอวี่นั่วถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ นางคิดถึงรอยยิ้มของซูหว่าน คิดถึงทุกอย่างที่นางทำเพื่อตนเอง
“ซูหว่านนางอาสาเอง นางเต็มใจทำ แม่แต่นางยังเต็มใจช่วยข้า แต่ท่านพี่จะยอมเห็นฉันตายแบบนี้หรือ?”
ได้ยินเหยียนอวี่นั่วพูดถึงซูหว่าน เหยียนอวี่ชิงรีบเสียงดังขึ้นมาและหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองทันที
ซูหว่าน นางเต็มใจ
นางจิตใจดีแบบนี้ตลอด จิตใจดีจนทำให้ผู้คนระอายใจ
เหยียนอวี่นั่วคิดย้อนกลับไปตอนที่ซูหว่านเข้าหอแรงงานแทนตนเอง มีรอยแผลยาวๆ ทิ้งไว้บนแขน รอยแผลนี้จะติดตัวนางไปตลอดชีวิต
แล้วครั้งนี้เล่า?
เข้าไปที่ศาลจงเหริน นางจะยังมีชีวิตรอดออกมาอีกหรือ?
“ไม่ ข้าทำไม่ได้”
และแล้วเหยียนอวี่นั่วก็ถอยหลังไปอีกก้าว เห็นนางยังอด้านเช่นนั้น ดวงตาของเหยียนอวี่ชิงฉายแววร้ายกาจ นางถอดปิ่นปักออกจากศีรษะในทันทีและจี้ไปที่ลำคอของนางเอง “ท่านพี่ ถ้าหากท่านพี่และหมอหลวงลู่ไม่ช่วยข้า ข้าต้องตายแน่ๆ แต่มันต่างจากซูหว่าน นางเป็นแค่นางใน อย่างมากฝ่าบาทก็แค่ลงโทษนาง ตอนนี้ฝ่าบาทยังปรดปรานข้าอยู่ ฝ่าบาทแค่ไม่สังเกตเห็นเรื่องของข้า ข้าก็ยังคงสามารถขอร้องฝาบาทให้ช่วยเรื่องของซูหว่านได้ แต่ว่า…หากเรื่องของข้ากับรุ่ยอ๋องโดนผู้คนเอาออกมาประจาน ท่านพี่ลองคิดดูสิ ด้วยอารมณ์และนิสัยอันโหดร้ายของฝ่าบาท ในจิ่นฟังไจยังจะมีคนรอดอีกหรือ? ถึงคราวนั้นจริงๆ ซูหว่านตายทั้งเป็นแน่นอน!”
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ความสามารถเรื่องวาจาของเหยียนอวี่ชิงถึงขีดสุดตั้งนานแล้ว ตอนนี้โดนนางมาพูดใส่เช่นนี้ ใจของเหยียนอวี่นั่วเริ่มมีความสั่นคลอนขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้า…ข้าไม่รู้…”
ในใจนางลังเล นางส่ายหัวอย่างรุนแรง “ข้าอยากไปพบซูหว่าน รอข้าได้เจอนางแล้ว ค่อยว่ากันเถอะ!”
ทันทีที่พูดจบ เหยียนอวี่นั่วก็หมุนตัวและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ทางเลือกที่ยากทั้งสองทางเช่นนี้ เหยียนอวี่นั่วก็เพิ่งเจอครั้งแรก ตอนนี้นางอยากแทนที่ซูหว่านเหลือเกิน! เช่นนี้นางก็ไม่ต้องมาลำบากใจอะไรขนานนี้แล้ว……
เห็นเหยียนอวี่นั่วหนีออกไปกับตา เหยียนอวี่ชิงรีบเบียงความสนใจไปที่ตัวของลู่มู่สวิน “หมอหลวงลู่ ท่านเป็นคนเข้าใจคน ไปเตือนท่านพี่ให้หน่อยเถืด อย่าให้นางคิดทำอะไรโง่ๆ นะ ข้าและนางก็เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ถ้ามีข้าอยู่ในวัง ก็ยังมีคนที่คอยดูแลเขาอยู่ ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นกับข้าแล้วไปเชื่อมโยงกับนางเข้า นงคงแย่เลยนะ”
ฐานะของเหยียนอวี่นั่วเป็นพี่น้องกับเหยียนอวี่ชิงจริงๆ แน่นอนว่า ครั้งที่เหยียนอวี่นั่วปลอมตัวเข้ามาในฐานะของตัวแทน เพื่อปกปิดตนตัวชองตนเอง พวกนางสองคนจึงบอกกับคนภายนอกมาโดยตลอดว่าเป็นพี่น้องแท้ๆ และเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าเหยียนอวี่นั่วก็ได้ยอมรับเหยียนอวี่ชิงเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองไปโดยปริยาย
เพราะฉะนั้น ตอนนี้ลู่มู่สวินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วเหยียนอวี่นั่วไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเหยียนอวี่ชิงแม้แต่น้อย
“เหยียนเหม่ยเหริน ข้าสามารถจ่ายยาให้ท่านได้ ท่านไปรักษาตัวก่อนเถอะ เรื่องอื่นๆ ที่เหลือเราค่อยๆ แก้กันทีหลัง”
ลู่มู่สวินปลอบประโลมอารมณ์ของเหยียนอวี่ชิงให้เย็นลง เขายังจัดยาให้นางอีกหลายชุด ก่อนที่จะเดินออกจากจิ่นฟังไจอย่างเชื่องช้า
หลังจากที่ลู่มู่สวินจากไป เหยียนอวี่ชิงเช็ดน้ำตาบนหน้าของตัวเองจนแห้ง จิตใต้สำนึกของนางสั่งให้มือลูบท้องน้อยที่อย่างคงแบนราบของตนเอง
ถึงแม้นางจะชอบตงฟางหลี่ด้วยใจจริง แต่ลูกคนนี้นางไม่อาจเก็บไว้ได้! เก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าหากลู่มู่สวินและเหยียนอวี่นั่วไม่ยอมช่วยเขา เขาก็คงต้องแบกรับความเสี่ยงเดินหน้าไปหาหมอท่านอื่นเพื่อช่วยนางแล้ว…
ตอนนี้ก็เป็นฤดูหนาวแล้ว ช่วงค่ำของเมืองหลวงก็เย็นลงเลื่อย ๆ
หลังจากที่เหยียนอวี่นั่วออกจากจิ่นฟังไจ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเดินร่อนเร่ไปมาอยู่หลังวัง ในใจนางวุ่นวายมาก นางไม่อยากให้เกิดเรื่องกับเหยียนอวี่ชิง แต่ว่า ถ้าปกป้องเหยียนอวี่ชิงไว้ แล้วซูหว่านจะทำอย่างไรเล่า?
ทันใดนั้นเหยียนอวี่นั่วก็มาถึงหน้าประตู่สำนักหมอหลวงอีกครั้ง เงยหน้ามองดูป้ายที่แสนคุ้นเคย นางอดใจไหวที่จะถอดหายใจ ตัวเองช่างไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย ทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง
ตอนนี้ลู่มู่สวินคงวินิจัยโรคให้เหยียนอวี่ชิงที่จิ่นฟังไจ แล้วตนเองที่โรงหมอนี้เพื่ออะไรกันเล่า?
“พี่อวี่นั่ว?”
ตอนนี้มีร่างเหงาที่คุ้นเคยผ่านเข้ามาในสายตาของเหยียนอวี่นั่ว เป็นบ่าวรับใช้ฝูลู่ที่ติดตามลู่มู่สวินนี่เอง ที่จริงแล้ววันนี้ควรจะเป็นลู่มู่สวินกับฝูลู่ออกตรวจโรคพร้อมกัน แต่เพราะว่าต้องพาเหยียนอวี่นั่วไปที่จิ่นฟังไจ ลู่มู่สวินจึงนพำชุดของฝุลู่ให้เหยียนอวี่นั่วยืมก่อน
“พี่อวี่นั่วเหตุใดพี่จึงกลับมาคนเดียวเองหเล่า”
ฝูลู่เห็นเหยียนอวี่นั่วที่ขวัญหาย เลยทักทายเขาด้วยความหว่งใย
เหยียนอวี่นั่วไม่มีคำพูดอะไร เพียงส่ายหัวไปมาย่างเหมอลอย เมื่อเห็นสีหน้าของนางแย่มาก สีหน้าของฝูลู่ก็เปลี่ยนไป “หาวีธีช่วยพี่ซูหว่านออกมาไม่ได้ใช่หรือไม่? ถ้าเป็นแบบนี้ควรทำอย่างไรดี?”
เสี่ยวฝูลู่อดไม่ได้ที่จะยืนอยู่กับที่ เขาเริ่มเดินวนไปทั่ว “ข้าเชื่อว่าคนดีๆ แบบพี่ซูหว่านต้องบริสุทธิ์แน่นอน เขายังเคยบอกกับข้าว่าต้องทำความดีเยอะๆ คนทำดีย่อมได้ดี!”
พูดถึงตอนนี้ตาของฝุลู่เริ่มแดง จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แค่มีความโลภเล็กน้อย แต่ข้อห้ามสำคัญในสำนักหมอหลวงก็คือความโลภ เมื่อเจ้าทำผิดพลาดอันเกิดมาจากความโลภ มันจะเกี่ยวพันไปถึงโคตรเหง้าของเจ้าได้ตลอดเวลาเชียว!
ตั้งแต่ที่โดนซูหว่าน ‘สั่งสอน’ ไปครั้งก่อน ฝูลู่ก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนนิสัยโลภให้หายไปอย่างจริงจัง เช่นนี้เขาถึงได้รับการยอมรับจากลู่มู่สวิน ตอนนี้เขาก็ได้เรียนรู้ตำรายาอย่างจริงจังจากการสั่งสอนของลู่มู่สวินแล้ว
เพราะฉะนั้นจนถึงตอนนี้ คำที่ซูหว่านพูดในวันนั้นว่า ‘ต้องทำความดีเยอะๆ คนทำดีย่อมได้ดี’ ประโยคนี้ ฝูลู่จำขึ้นใจมาโดยตลอด
เหยียนอวี่นั่วเหม่อลอยอยู่บ้าง
ซูหว่านรับโทษแทนตนเอง ช่วยเหยียนอวี่ชิงรับโทษมาโดยตลอด
นางทำความดีมาเยอะขนานนี้ นางจะได้ดีใช่หรือไม่ นงจะเป็นอะไรใช่หรือไม่