ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 14 อุ้มท้องหนีรักมหาเศรษฐี (14)
ในค่ำคืนนั้น ห้องจัดเลี้ยงอาหารค่ำตระกูลตู้
ห้องจัดเลี้ยงโอ่อ่าหรูหราขนาดใหญ่ มีอาหารเลิศรสหลากหลายสีสันวางเรียงรายเต็มโต๊ะ บริกรหลายสิบคนสวมใส่ชุดบริการแบบเดียวกันและหุ่นยนต์กำลังเดินฝ่าดงแขกผู้มีเกียรติไปมา โคมไฟคริสตัลระย้าบนฝ้าเพดานส่องขับให้ดวงตาของซูเจี้ยนจวินพราวระยับ
“พี่ซู ผมรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังฝันไปอย่างนั้นแหละ!”
ชายร่างท้วมวัยกลางคนที่นั่งทางด้านข้างของซูเจี้ยนจวิน พลางยกแก้วพลางมองไปยังซูเจี้ยนจวินที่นั่งอยู่ด้านข้างที่ตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าคละคลุ้งทั่วตัว ประกายตาบนใบหน้าอวบอูมนั่นแสดงความอิจฉา “ต้องรบกวนพี่ซูนะพี่ ไม่อย่างนั้นชาตินี้ผมไม่ได้กินของดีขนาดนี้ แถมยังดื่มไวน์ราคาแพง จุ๊ๆ คิดไม่ถึงว่าเหล้านี่จะแรงขนาดนี้ สะใจดีเสียจริง!”
ได้ฟังคำกล่าวของชายวัยกลางคนร่างท้วม ซูเจี้ยนจวินโบกมืออย่างไรเรี่ยวแรง “พวกนี้ พวกนี้มันเล็กน้อย! ฉันจะบอกนายให้นะ ลูกสาวของฉัน เสียวหวั่นของเรา เป็นคุณนายใหญ่ตระกูลตู้ นายรู้ไหมว่า พวกนายรู้ไหม เงินของตระกูลตู้ก็คือเงินของเธอ ตระกูลตู้มีเงินเท่าไหร่ เลี้ยงพวกนายทั้งหมดนี่ กินได้สิบชาติก็ไม่หมดเชียวนะ ฮะๆ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ซูเจี้ยนจวินก็หรี่ตาลง ควรใช้สายตาสอดส่องไปทางอื่นตั้งนานแล้ว สอดส่ายสายตาชื่นชมแผ่นหลังสวยๆ ของเหล่าสาวงาม
จะว่าเรื่องวันนี้เป็นซูเจี้ยนจวินผลักดันให้เกิดขึ้นมา เมื่อวานเขาและหลี่เหม่ยเจวียนเอาเงินของซูหว่านมา แน่นอนว่าเป็นพวกกิ้งก่าได้ทอง “ประสบความสำเร็จแล้วกลับบ้านเกิด” ทั้งสองคนไปหาเพื่อนบ้านเก่าๆ และญาติโกโหติกา เลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ ผลสุดท้ายกินไปกินมา ซูเจี้ยนจวินก็ดื่มเมาหัวราน้ำ หลังจากเมาแล้วเขาก็ได้ทีปล่อยนิสัยเดิมนั่นก็คือขี้โม้ออกมา เล่าเรื่องตระกูลตู้ดีอย่างนั้นอย่างนี้ พวกนั้นสองสามีภรรยาอยู่ที่นั่นมีอำนาจอย่างนั้นอย่างนี้
ในตอนนั้นก็มีคนที่อดสนใจใคร่รู้ไม่ได้ถามขึ้น “พวกเราไปดูที่บ้านตระกูลตู้ได้ไหม ให้พวกเราได้เห็นคฤหาสน์พวกเศรษฐีที่เล่าลือกันมาหน่อยสิ!”
เมื่อได้ยินคนกล่าวยุยงแบบนี้แล้ว ซูเจี้ยนจวินโบกมือ “ไม่มีปัญหา! กับแค่ไปเยี่ยมคฤหาสน์ตระตู้เท่านั้นเอง พรุ่งนี้จะพาพวกนายไป จะไม่มีใครหนีไปไหนพ้น! ไปกันหมดนี่แหละ!”
หลังจากนั้น…
ก็กลายมาเป็นสภาพแบบนี้จริงๆ แล้ววันนี้หลังจากสร่างเมาซูเจี้ยนจวินก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับคำมั่นที่ลั่นออกไปเมื่อคืนวาน แต่ว่าไหนๆ เขาก็รับปากไปแล้ว ในตอนนี้ทำได้แค่ขายผ้าเอาหน้ารอดแล้ว มันดีตรงที่ว่าลูกเขยของเขาตู้หันให้ความช่วยเหลือดีมาก! ไม่เพียงแต่ปล่อยให้คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เหล่านี้เข้ามา และยังจัดงานเลี้ยงให้กับพวกเขาเหล่านั้นอีกด้วย มาตรฐานอาหารและเครื่องดื่มในงานก็ใช้มาตรฐานเดียวกับการจัดงานเลี้ยงภายในของตระกูลตู้ แค่อาหารรองท้องจานเดียวก็แพงกว่าอาหารหรูในโรงแรมหลายเท่าตัวแล้ว!
อย่างไงเสีย ซูเจี้ยนจวินในตอนนี้หน้าบานหลายเท่าตัว สบายหัวใจพองโต~
เมื่อได้ค่อนยาม ห้องโถงจัดงานเลี้ยงที่เสียงคนจอแจก็ค่อยๆ เงียบลง มาถึงตอนนี้ มองไปทางไหนก็เห็นเงาคนเหล่านั้น
คฤหาสน์ตระกูลตู้นับแต่อยู่มาจนถึงตอนนี้ ไม่เคยอยู่ในสภาพที่อันน่าอนาถขนาดนี้มาก่อน
ภายในห้องโถงมีหุ่นยนต์คอยทำความสะอาดเก็บกวาดหน้างาน และคนอื่นๆ รับผิดชอบพาแขกผู้มีเกียรติที่เมามายไม่ได้สติแบกไปยังคฤหาสน์อีกหลังหนึ่งที่จัดเตรียมไว้รับแขกโดยเฉพาะเพื่อให้พักผ่อน
นับแต่ต้นจนจบ ตู้เฉินมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ด้านบนด้วยสายตาเย็นชา เขามองเห็นความหลงไหลจอมปลอมของหลี่เหม่ยเจวียน ความละโมบและหลงในกามอารมณ์ของซูเจี้ยนจวิน
สองสามีภรรยาคู่นี้ที่มีสภาพแบบนี้ กลับเป็นพ่อและแม่ของซูหว่าน
ในชั่วเสี้ยวนาทีนี้ เขารู้สึกสงสารซูหว่านเป็นอย่างมาก
หากว่าเธอไม่ได้มีพ่อแม่ที่ละโมบโลภมากคู่นี้ อาจจะเป็นไปได้ว่าในปีก่อนพวกเขาทั้งสองคนอาจจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปแล้ว ไม่ต้องแยกจากกันอีก ไม่ต้องเผชิญกับการเล่นตลกซ้ำไปมาหลายครั้งแบบนี้
พวกเขาจะได้แต่งงาน มีลูกเป็นของตัวเอง เด็กผู้ชายจะเหมือนกับเทียนเทียนที่ฉลาดและเด็กผู้หญิง…
ในสมองของตู้เฉินปรากฏภาพของใบหน้าของซูหว่านแวบขึ้นมา ใบหน้านั้นช่างเหมือนกับตู้หันเสียจริง
ประกายตาของตู้เฉินก็พลันเย็นชาลง
เรื่องในอดีต เขาในตอนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แล้วอนาคตล่ะ เขาจะทำอะไรได้…
ในค่ำคืนนี้ ตู้เฉินก็เผชิญกับสภาวะนอนไม่หลับอย่างรุนแรง
ในวันต่อมา ตู้เฉินจึงตื่นสายกว่าปกติ เมื่อเดินลงไปเขาก็เห็นครอบครัวของซูหว่านและตู้หัน ซูเสี่ยวซู หลิงชีเย่ว์และเทียนเทียน ทั้งหมดนั่งรับประทานอาหารพร้อมกันอยู่บนโต๊ะ บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น
“อรุณสวัสดิ์”
ตู้เฉินเดินไปที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกล่าวทักทายเบาเบา จากนั้นก็นั่งลงในที่ที่ตนคุ้นเคย
การปรากฏตัวของเขาทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ฉันกินอิ่มแล้ว”
หลิงลี่ตัวน้อยลุกจากโต๊ะกินข้าวเป็นคนแรก หลังจากเขาออกไปก็ตามมาด้วยหลิงชีเย่ว์
เมื่อคืนวานหลิงลี่ก็คิดทบทวนมากมาย เขารู้ดีว่าตัวเองต้องไม่โทษแม่ หากว่าแม่ไม่รักตนเองก็คงไม่ยืนกรานจะคลอดเขาออกมาลืมตาดูโลก แล้วยังเลี้ยงดูเขามาด้วยตัวคนเดียวอย่างยากลำบาก
เอาเถอะจริงๆ แล้วพวกเขาอาศัยอยู่ต่างประเทศก็ไม่เลว อาจจะไม่ได้เรียกว่าลำบากยากแค้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม่นั้นเป็นคนที่รักเขาที่สุด หลิงลี่กล้าฟันธงในข้อนี้ ดังนั้นวันนี้ในตอนเช้าที่ลุกขึ้นมาจากเตียงผู้ป่วย มองเห็นหลิงชีเย่ว์ที่นอนหลับอยู่ข้างเตียงอย่างไม่รู้สึกตัว หลิงลี่เพื่อนตัวน้อยตัดสินใจยกโทษให้แม่ของตนเองแล้ว
สำหรับตู้เฉิน
ในท้ายที่สุดรู้ว่าพ่อของตนเองนั้นเป็นชายหลายใจคนหนึ่ง หลิงลี่เพื่อนตัวน้อยก็รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาไม่อาจจะยอมรับได้ว่าพ่อของตัวเองนั้นจัดว่าเป็น “ชายหลายใจ” ดังนั้นวันนี้เมื่อได้เจอตู้เฉินจึงมีปฏิกิริยาแบบนี้เกิดขึ้น
เห็นสองแม่ลูกเดินออกไป สีหน้าของตู้เฉินยังคงไม่เปลี่ยน กรอกตามองต่ำลง ใบหน้าสง่างามเริ่มลงมือกินอาหารเช้า
รอจนกระทั่งกินเสร็จ ตู้เฉินจึงได้เงยหน้าขึ้นมามองไปยังซูรุ่ยที่พึมพำอยู่ข้างซูหว่าน กล่าวเสียงเบา “พี่ชาย วันนี้จะไปทำงานด้วยกันไหม”
“น้องเขย นายก็จะไปทำงานที่ตระกูลตู้เหมือนกันหรือ”
ได้ฟังคำถามของตู้เฉิน คนที่เปิดปากคนแรกก็คือหลี่เหม่ยเจวียน ถึงแม้ว่าตู้หันเองก็เป็นคุณชายตระกูลตู้และก็มีเงินที่อีกกี่ชาติก็ใช้ไม่หมด แต่ความคาดหวังและความละโมบโลภมากของคนนั้นไม่มีที่สิ้นสุด ในเมืองฮวากั๋วใครจะไม่รู้ถึงความเลื่องชื่อลือนามของตู้เฉินกัน
เป็นลูกชายตระกูลตู้เหมือนกัน และตู้หันเองนั้นเป็นพี่ใหญ่ หากไม่เห็นว่าปกติสีหน้าของตู้หันนั้นเคร่งเครียดจริงจังดูน่าเกรงขามแล้ว หลี่เหม่ยเจวียนคงยุแยงให้เขาและตู้เฉินแย่งชิงสมบัติตระกูลตู้ไปนานแล้ว
“อืม”
ได้ฟังคำถามของหลี่เหม่ยเจวียน ซูรุ่ยได้เพียงพยักหน้า พลันก็ปรายตาขึ้นไปมองตู้เฉินหนึ่งทีกล่าวว่า “หากว่าวันนี้บริษัทบรรจุได้ทัน ฉันก็จะไปบริษัทกับนายแล้วกัน”
“พ่อ”
ซูเสี่ยวซูที่อยู่ด้านข้างได้ยินว่าพ่อของตัวเองจะไปทำงานก็อดไม่ได้ที่จะร้องเรียกอย่างสนิทสนมดึงแขนของเขา “พ่อคะ หนูก็อยากไปเล่นที่ทำงานของพวกพ่อด้วย พ่อพาหนูไปด้วยนะคะ”
“ได้”
ซูรุ่ยกล่าวตกลงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ในตอนนี้เรื่องราวของซูเสี่ยวซูและฐานะของเธอไม่ใช่ความลับอะไรอีกต่อไป ซูรุ่ยก็ไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาของคนอื่นอีก
รอจนกระทั่งตู้เฉินพาซูรุ่ยและซูเสี่ยวซูออกจากคฤหาสน์ไป หลี่เหม่ยเจวียนและซูเจี้ยนจวินสองสามีภรรยาก็รีบรุดมาที่ด้านหน้าของซูหว่าน “ลูกสาวของแม่ ตอนนี้ลูกกับซูหว่านเองก็ถือว่ามีสถานะกันแล้ว เมื่อไหร่พวกลูกจะจดทะเบียนกันล่ะ”
“จดทะเบียน”
ซูหว่านกระพริบตาปริบ “ไปจดเมื่อวานเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ในโลกใบนี้การจดทะเบียนสมรสสามารถถ่ายรูปทรีดีได้แล้ว ไม่ต้องให้ผู้จดทะเบียนเดินทางไป อีกทั้งฐานะของตู้หันนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนั้น
เมื่อได้ฟังว่าลูกสาวของตัวเองกับตู้หันเป็นสามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว สองสามีภรรยาก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“เสียวหว่าน ในตอนนี้ก็ถือว่าลูกเป็นตระกูลตู้แล้ว ลูกเองก็ควรมีกิจการเป็นของตัวเองสิ! จิตใจของผู้ชายบทจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยนใจขึ้นมาได้เสียอย่างนั้น ผู้หญิงจะต้องไม่พึงพาผู้ชายไปทั้งชาติ ต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง! ลูกดูสิตระกูลตู้กิจการและที่ตั้งมากมาย ได้ยินมาว่าภายใต้แบรนด์ของพวกเขายังมีสถาบันเสริมความงามที่เป็นแฟรนไชส์อยู่บริษัทหนึ่ง แม่คิดว่า นั่นก็เป็นโอกาสดี ในสายตาของตู้หันเองก็มองว่าไม่ทำกำไร ลูกเอาแฟรนไชส์สถาบันนั้นมาบริหารเอง ลูกเห็นว่ายังไง”
“หนูไม่สนใจเกี่ยวกับความงาม แล้วก็ไม่มีเวลาด้วย”
เมื่อได้ฟังคำกล่าวของหลี่เหม่ยเจวียน ซูหว่านก็เอนพิงโซฟาด้วยท่าทางเกียจคร้าน อยู่พิทักษ์บ่อพลอยของตระกูลตู้ เรื่องกินเรื่องแต่งกายไม่ต้องกังวล แล้วเธอจะต้องออกไปทำงานงกๆ เพื่ออะไรกัน
ซูเสียวหว่านคิดว่าในชาตินี้เธอเป็นหนูข้าวสาวไปตลอดก็ดีอยู่แล้ว
ต่อให้ในอนาคตตระกูลตู้ไม่มีแล้ว เธอยังมีซูเจียงจวิน อย่างไรก็ตามไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลใจจนนิดเดียว
“ลูกไม่มีเวลา แต่แม่มี แม่ช่วยได้”
ได้ฟังคำตอบของซูหว่าน หลี่เหม่ยเจวียนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะชี้ตัวเอง “เสียวหว่าน มีแม่อยู่ทั้งคนลูกวางใจได้!”
วางใจเหรอ
ก็เป็นเพราะมีแม่กับพ่ออยู่ ถึงได้ไม่วางใจไง
“พูดมาตั้งนาน จริงๆ แล้วอยากได้สถาบันเสริมความงามใช่ไหม เงินที่ตู้หันให้ไม่พอให้เอาไปเปิดเป็นของตัวเองเหรอ เปิดเองไม่ได้ก็ซื้อมาสักที่สิ!”
ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา มองไปยังหลี่เหม่ยเจวียนและซูเจี้ยนจวินที่อยู่ตรงหน้า “หนูจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ เงินขาดมือ มาขอที่หนูกับตู้หันได้ พ่อกับแม่คิดแค่เรื่องกินเรื่องเที่ยวก็พอ อย่าหวังเล็กๆ น้อยๆ กับตระกูลตู้อีก แล้วก็อย่าคิดอะไรที่มันไม่จำเป็น ไม่อย่างนั้น…ต่อให้เป็นลูกสาวแท้ๆ เองก็ช่วยไม่ได้!”
เธอดูแลสองสามีภรรยามาตลอด ให้ทั้งอาหารทั้งเสื้อผ้าใส่ เพียงเพราะว่าตัวเองมาอาศัยอยู่ในร่างลูกสาวของพวกเขา ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเห็นแก้หน้าของเจ้าของ หากว่าพวกเขาไม่รู้จักพอคิดอะไรที่เป็นอกุศล ซูหว่านเองก็จะไม่ออมมือให้…