มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 125 ในท้องของหนอนหิมะมีผีอยู่ตัวหนึ่ง
ไป๋เจ่าตกลงไปบนพื้นหิมะที่อยู่ตรงปากถ้ำ
โซ่กระบี่เส้นนั้นตกตามลงมา ก่อนจะกลับคืนสู่สภาพเดิมของมัน กลายเป็นสีแดงฉานราวโลหิต
นางมิได้สนใจความหนาวเย็นที่รุกล้ำเข้ามา หากแต่คลานไปริมผา ก้มมองลงไปยังเบื้องล่าง ก่อนจะเห็นพายุหิมะอันคุ้มคลั่ง จิ๋งจิ่วได้หายไปในใจกลางน้ำวนอันมืดมิดแล้ว
ในดวงตาของนางมีความเด็ดเดี่ยวปรากฏขึ้นมา นางกินยาลงไปเม็ดหนึ่ง ใช้จิตจำแนกเรียกระฆังมหาบรรพตทิศใต้ออกมา ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในถ้ำ พร้อมกับหยิบเอากระบี่เล่มนั้นขึ้นมาจากบนหิมะ
ระฆังมหาบรรพตทิศใต้ส่องสว่างพื้นเบื้องหน้า ลมที่พัดเข้ามาทำให้น้ำค้างแข็งที่เกาะอยู่บนผนังถ้ำร่วงหล่น
เดินไปได้ไม่ลึกเท่าไร นางก็เห็นหนอนหิมะตัวหนึ่ง
หนอนหิมะตัวนั้นใหญ่ประมาณห้าจ้าง เป็นหนอนหิมะระดับสูงที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง แต่ในเวลานี้มันได้ตายไปแล้ว ไม่มีสัญญาณชีวิตใดๆ
ไป๋เจ่าเดินไปถึงหน้าหนอนหิมะ สายตามองทะลุเข้าไปในผิวหนังกึ่งโปร่งแสงของมัน ก่อนจะมองเห็นลั่วไหวหนาน
ลั่วไหวหนานอยู่ในท้องของหนอนหิมะ ใบหน้าของเขาขาวซีด ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท นอนแช่อยู่ในของเหลวเหนียวๆ ที่อยู่ในร่างกายของหนอนหิมะ ป้ายไม้ไผ่ที่ผูกอยู่บนนิ้วก้อยมือขวาเปล่งแสงสว่าง เพียงแต่ดูค่อนข้างริบหรี่ คล้ายพร้อมจะดับลงทุกเมื่อ
เขาคงถูกหนอนหิมะตัวนี้กลืนกินเข้าไปในระหว่างที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ขณะเดียวกันเขาก็โจมตีกลับจนอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส
หนอนหิมะมุดผ่านถ้ำหินที่เรียบลื่นมาถึงที่นี่ พาเขามาถึงโลกอันหนาวเหน็บแห่งนี้
หลังมาถึงที่นี่ หนอนหิมะก็ทนไม่ไหว ก่อนจะตายลงไปเงียบๆ แบบนี้
ลั่วไหวหนานได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วก็ไม่สามารถออกมาได้ เขาจึงทำได้เพียงอาศัยร่างกายที่ผ่านการฝึกฝนมาจนแข็งแกร่ง อดทนอยู่ในท้องหนอนอย่างยากลำบากแบบนี้
แต่ก็โชคดีที่เขาถูกของเหลวเหนียวๆ ในท้องหนอนห่อหุ้มเอาไว้ มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาคงหนาวจนแข็งตายไปแล้ว
ไป๋เจ่ากินยาลงไปอีกเม็ดหนึ่ง ระฆังมหาบรรพตทิศใต้พุ่งโจมตีใส่หนอนหิมะตัวนั้น
เสียงตู้มดังสนั่น ภายในถ้ำมีเศษหินปลิวว่อนคล้ายลูกธนู กระทั่งพื้นถ้ำก็ยังสั่นสะเทือนอยู่นานกว่าจะสงบลง
แต่ผิวหนังของหนอนหิมะเพียงแค่จมลงไปเล็กน้อย ปรากฏเป็นรอยหมุนวนสีขาวที่ไม่เป็นระเบียบจำนวนนับไม่ถ้วน มิได้มีทีท่าว่าจะปริแตกออก
หากไป๋เจ่าใช้ระฆังมหาบรรพตทิศใต้โจมตีต่อไปเรื่อยๆ เชื่อว่าหนอนหิมะที่ตายไปแล้วตัวนี้คงจะทนมิได้นานเช่นกัน แต่นางก็ไม่รู้ว่าลั่วไหวหนานจะทนได้นานเท่าไร
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือนางไม่รู้ว่าตนเองจะทนต่อความหนาวเหน็บนี้ได้นานเท่าไร
สายตานางมองไปยังกระบี่ที่อยู่ในมือ
กระบี่เล่มนั้นมีสีแดงราวโลหิต
หากนางเดาไม่ผิดล่ะก็ นี่น่าจะเป็นกระบี่มิคำนึง
ไป๋เจ่ามิได้ลังเล นางยกกระบี่ที่อยู่ในมือขึ้นมา ก่อนจะแทงเข้าไปที่ตัวหนอนหิมะ
มีเสียงเบาๆ ดังขึ้น ปลายกระบี่แทงทะลุผิวหนังอันแข็งแกร่งของหนอนหิมะ ก่อนจะจมลงไปร่างกายหนอนหิมะเล็กน้อย
พายุหิมะพัดโกรกเข้ามาจากด้านนอกถ้ำ
ระฆังมหาบรรพตทิศใต้พุ่งสวนลมพายุ กระแทกเข้าไปที่ผนังถ้ำ เศษหินร่วงตกลงมาปิดปากถ้ำเอาไว้กว่าครึ่ง ทำให้ความหนาวเย็นรุกล้ำเข้ามาในถ้ำช้าลง
ไป๋เจ่าโคจรพลังบันทึกซ่อนเร้นที่ยังไม่ชำนาญอย่างเงียบๆ โดยมิได้กังวลถึงความเสี่ยงที่ใจแห่งเต๋าจะพังทลาย ต่อสู้กับความหนาวเย็น ถ่ายปราณก่อกำเนิดทั้งหมดลงไปบนกระบี่ที่อยู่ในมือ
เสียงโผละดังขึ้น ผิวหนังอันแข็งแกร่งของหนอนหิมะถูกคมกระบี่ผ่าจนเป็นรูขนาดใหญ่ ของเหลวในร่างกายไหลทะลักออกมาราวน้ำตก
ของเหลวในร่างกายของหนอนหิมะเหนียวเหนอะราวน้ำผึ้ง พุ่งเข้าใส่ร่างกายของนางอย่างรุนแรง
ไป๋เจ่ามิอาจทนยืนอยู่ได้ นางถูกของเหลวที่เหนียวเหนอะกระแทกจนล้มลง
ร่างกายของลั่วไหวหนานไหลตกลงมาบนพื้นตามของเหลว ใบหน้าขาวซีด การหายใจหยุดลง
ไป๋เจ่าพยุงเขาขึ้นมานั่ง สองมือยันไปที่แผ่นหลังของเขา เริ่มถ่ายปราณก่อกำเนิดเข้าไปในร่างกายของเขา
เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป
โชคดีที่ร่างกายส่วนใหญ่ของนางและลั่วไหวหนานถูกของเหลวของหนอนหิมะห่อหุ้มเอาไว้ ความหนาวเย็นที่ลอยตามลมเข้ามาจึงมิอาจทำการโคจรปราณก่อกำเนิดหยุดลงได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ลั่วไหวหนานสำลักโลหิตที่ผสมปนกับของเหลวจากหนอนหิมะออกมาคำหนึ่ง
หลังรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่แผ่ขึ้นมาจากฝ่ามือ บนใบหน้าของไป๋เจ่ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังคงดูอ่อนแรง คล้ายกับเสียงของนาง
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ลั่วไหวหนานดูอ่อนแรงเป็นอย่างมาก เขากล่าวเสียงเบาๆ ว่า “ต้องปรับลมปราณอีกครู่ถึงจะออกไปได้”
ไป๋เจ่ากล่าวว่า “ที่นี่อยู่เหนือสุด เข้ามาในแคว้นเสวี่ยแล้ว พวกเรายากจะออกไปได้”
นางหารู้ไม่ว่า ในตอนที่ได้ยินประโยคนี้ ในดวงตาของลั่วไหวหนานได้มีความรู้สึกเจ็บปวดและดิ้นรนปรากฏขึ้นมา
“ศิษย์น้อง อาจารย์น่าจะเอาตราประทับหมื่นลี้ให้เจ้าไว้ใช่ไหม?”
ไป๋เจ่านิ่งเงียบ ในใจกำลังครุ่นคิดว่าควรจะพูดกล่อมศิษย์พี่อย่างไรดี เพื่อให้เขายอมใช้ตราประทับหมื่นลี้หนีออกไปและยอมทิ้งตนเองไว้ที่นี่
นางจะอยู่ที่นี่เพื่อรอจิ๋งจิ่ว
และเพราะความเงียบของนาง ความรู้สึกเจ็บปวดในดวงตาของลั่วไหวหนานจึงยิ่งรุนแรงขึ้น
“ศิษย์พี่ พวกเรามีคนเกินมาคนหนึ่ง”
ไป๋เจ่ายังมิทันพูดจบ
เสียงอ่อนแรงของลั่วไหวหนานดังขึ้นมา “ใช่ พวกเรามีสองคน แต่ตราประทับหมื่นลี้กลับมีอยู่แค่ชิ้นเดียว นั่นย่อมไม่พอแน่นอน”
ไป๋เจ่างุนงงเล็กน้อย ในใจครุ่นคิดว่านี่มิใช่สิ่งที่ตัวเองอยากจะบอก
ทันใดนั้นเอง ภายในถ้ำอันหนาวเย็นได้มีพลังอันอบอุ่นอย่างมากสายหนึ่งปรากฏขึ้นมา
พลังสายนี้มาจากร่างกายของลั่วไหวหนาน
เขาถูกหนอนหิมะกลืนกินลงไปในท้องเป็นเวลานานแล้ว
ในช่วงเวลานี้ เขาได้แอบโคจรพลังห้าธาตุรวมหนึ่งของสำนักจงโจวอย่างเงียบๆ ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนแรงหลังได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่เขาก็สะสมพลังเอาไว้ได้มากพอ
มากพอที่จะให้เขาได้ใช้ลอบโจมตี
เสียงผัวะทึบๆ ดังขึ้น
ร่างกายของลั่วไหวหนานถอยหลังอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า แผ่นหลังอันกว้างใหญ่และแข็งแกร่งกระแทกถูกไป๋เจ่า
ไป๋เจ่ามิได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย นางถูกพลังสายนี้กระแทกไปชนผนังหินอันเย็นยะเยือก กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ระฆังมหาบรรพตทิศใต้ส่งเสียงกังวาน ปกป้องคุ้มครองนายของตัวเอง!
ระฆังใบเล็กสีคล้ำใบหนึ่งฉีกของเหลวของหนอนหิมะออกมา ก่อนจะพุ่งไปกระแทกเข้าใส่ระฆังมหาบรรพตทิศใต้!
เสียงตู้มดังสนั่น ผนังในถ้ำหินพังทลายลงมา ลมหนาวยิ่งไม่อาจเล็ดรอดเข้ามาได้ ภายในใจตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงแสงสว่างรำไรเล็กน้อยเท่านั้น
ระฆังทั้งสองใบตกลงไปบนหิมะ เปล่งแสงสว่างเบาบางออกมา
ระฆังใบเล็กที่ดูคล้ำใบนั้นย่อมต้องเป็นระฆังดาวเหนือ
……
……
ไป๋เจ่านั่งพิงผนังถ้ำ บนชุดสีขาวเต็มไปด้วยหยดเลือดที่กระอักออกมา ราวกับดอกเหมยก็มิปาน
นางยังคงงุนงง คิดในใจว่าหรือศิษย์พี่จะได้รับบาดเจ็บจนเลอะเลือน มิเช่นนั้นเหตุใดจึงลงมือกับตนเอง?
แต่คำพูดของลั่วไหวหนานหลังจากนั้นทำให้นางรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก หนาวเย็นยิ่งกว่าผนังถ้ำที่นางพิงอยู่ในเวลานี้ หนาวเย็นกว่าพายุหิมะที่อยู่ด้านนอกถ้ำ
“ข้าเป็นศิษย์พี่ ในเมื่อตราประทับหมื่นลี้มีเพียงชิ้นเดียว เช่นนั้นก็ให้ข้าใช้ก่อนแล้วกัน”
ภายใต้การส่องสว่างของแสงอันเบาบาง ใบหน้าอันขาวซีดของลั่วไหวหนานดูคล้ายภูติผีก็มิปาน ความรู้สึกผิดที่อยู่ในดวงตาแลดูจอมปลอม
“ศิษย์น้องเจ้าอยู่ที่นี่ เอาไว้ข้าออกไปแล้วจะรีบแจ้งอาจารย์กับอาจารย์หญิงให้ทราบถึงตำแหน่งของเจ้า ให้พวกเขามาช่วยเจ้า”
ไป๋เจ่าใบหน้าซีดขาว มองดูเขาอย่างงุนงง
ลั่วไหวหนานเป็นศิษย์พี่ของนาง เติบโตขึ้นมาพร้อมกับนาง ทั้งสองคนสนิทสนมชิดใกล้ แต่ในเวลานี้ใบหน้านั้นกลับดูแปลกหน้าจนยากจะจินตนาการได้
นางหลับตาลง จากนั้นลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยใกล้ชิดนั้น ยังคงเป็นสายตาที่ดูจริงใจนั้น แต่เหตุใดกลับดูอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้?
ถ้าพูดถึงความใกล้ชิด ลั่วไหวหนานน่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนางที่สุดบนโลกนี้แล้ว ถูกนางมองเป็นคนในครอบครัว ในแง่หนึ่งแล้ว เขาสนิทกับนางเสียยิ่งกว่าพ่อแม่ของนางอีก
นี่เป็นเรื่องทั่วทั้งเขาอวิ๋นเมิ่งต่างรู้กัน หลายคนเชื่อว่าหากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย พวกเขาจะต้องกลายเป็นคู่รักบำเพ็ญพรตที่ได้รับการอวยพรจากทั่วทั้งโลกบำเพ็ญพรตแน่นอน
ความจริงแล้ว หากมิเป็นเพราะตัวไป๋เจ่ามิยินยอม บางทีเวลานี้นางอาจจะแต่งให้อีกฝ่ายไปแล้วก็ได้
เมื่อเจอกับการหักหลังที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายเช่นนี้ จิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงเช่นนี้ บางคนอาจจะร่ำไห้ออกมา บางคนอาจจะสบถด่าออกมา
แต่ไป๋เจ่ากลับหัวเราะ
รอยยิ้มของนางดูเฉยชา ทั้งยังดูขมขื่น รู้สึกว่าการเดินทางมาร่วมประลองวิถีพรตในครั้งนี้ช่างน่าขันเสียจริง
ลั่วไหวหนานลอบโจมตีนาง ย่อมต้องเป็นเพราะคิดจะแย่งตราประทับหมื่นลี้ที่อยู่บนตัวนาง และเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่
ตอนที่เขาถูกหนอนหิมะกลืนกินและส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือมา ก็คงคิดเช่นนี้กระมัง?
………………………………………….