มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 115 วันเจรจาของสองเด็กน้อย (2)
เมื่อคิดถึงชื่อของเหอจาน ภายในใจเจียงรุ่ยพลันมีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็สลัดมันทิ้งไปไม่ได้อีก
ความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นคำพูดประโยคหนึ่ง
“ข้ารู้จักเพื่อนจากหมู่บ้านข้างๆ คนหนึ่งตรงริมร่องน้ำ”
สิ่งที่ตอบเขากลับมาก็คือการตบเข้าไปที่บ้องหูและคำพูดประโยคหนึ่งของพ่อที่เป็นผีสุราของเขา “ขยะอย่างเจ้าก็รู้ด้วยอย่างนั้นหรือว่าอะไรคือเพื่อน?”
เจียงรุ่ยเอามือปิดหน้า ร้องให้พลางกล่าวว่า “เขาให้ข้ากินขนมเปี๊ยะข้าวขาว แล้วก็ยังมีผลไม้ เขาก็ต้องเป็นเพื่อนสิ”
บิดาที่เป็นผีสุราตะลึงไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ขนมเปี๊ยะข้าวขาวหรือ? ข้าไม่ได้กินมานานแล้ว เขา…. บ้านเพื่อนของเจ้ารวยอย่างนั้นหรือ?”
เจียงรุ่ยสะอึกสะอื้นพลางกล่าวว่า “เขาบอกว่ามีของดีบางอย่างออกมาจากในแม่น้ำ ถูกแม่ของเขาที่กำลังซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำในตอนนั้นเก็บเอาไว้ได้ เขาบอกว่าของดีอันนั้นสามารถเปลี่ยนเป็นของได้หลายอย่าง ขนมเปี๊ยะขาวขาว ขนมเปี๊ยะขาวฟ่าง…”
บิดาของเขานิ่งเงียบไปครู่ ก่อนกล่าวถามว่า “ของดีอันนั้นมันเป็นยังไง?”
เจียงรุ่ยมองเขาอย่างระมัดระวัง พลางกล่าวว่า “ไม่รู้สิ เค้าบอกว่าเหมือนอึตากแห้ง แต่นั่นมันจะเป็นของดีได้อย่างไรกัน?”
บิดาผีสุราเกาหัวเล็กน้อย กล่าวว่า “อึแห้ง… หรือว่าเป็นสีเหลือง?”
“ไม่ใช่ เค้าบอกว่าคล้าย… คล้ายกับสีของอันนั้น”
เจียงรุ่ยชี้ไปบนท้องฟ้าพลางกล่าว
บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ที่ส่องประกายสีทองอยู่ดวงหนึ่ง
บิดาผีสุรามองดูพระอาทิตย์ หรี่ตาเล็กน้อย ในใจครุ่นคิดว่าหรือจะเป็นก้อนทองคำ?
ได้ยินว่าเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ตระกูลหวังที่อยู่ในหมู่บ้านข้างๆ ก็เก็บก้อนทองคำได้ก้อนหนึ่งจนร่ำรวย
ในที่สุดเรื่องดีๆ แบบนี้ก็จะเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างนั้นหรือ?
“นั่นก็แค่อึที่ถูกลมพัดจนแห้งไม่ใช่หรือ!”
บิดาผีสุราแสร้งทำเป็นโมโห เหวี่ยงฝ่ามือไปที่ศีรษะของเจียงรุ่ย แต่สุดท้ายกลับเพียงแค่ลูบศีรษะเขา
ในคืนวันนั้น บิดาผีสุรากินข้าวเสร็จก็ออกไปจากบ้าน
เจียงรุ่ยรู้ว่าเขามิได้ไปเล่นพนัน เพราะเขาไม่ได้ดื่มสุรา
บ้านที่ยากจนไม่มีเงินจุดไฟ พอตกกลางคืนก็ตกอยู่ในความมืด
แม่กล่อมน้องสาว นอนหลับไปบนค่าง[1]
เจียงรุ่ยห่มผ้าห่มขาดๆ นั่งยองๆ อยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของค่าง มีเพียงใบหน้าที่โผล่ออกมา
เขามองดูดวงดาวที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง นิ่งเงียบครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ
การจับมือเป็นพันธมิตรกับเหอจานย่อมต้องเป็นเรื่องที่ดี เขาเชื่อในความสามารถและนิสัยของเหอจาน ปัญหาอยู่ที่ว่าต่อให้เขาและเหอจานสามารถออกไปได้แล้ว หลังจากนั้นกระถางสัมฤทธิ์ควรจะเป็นของใครล่ะ?
เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเหอจานได้
เอาล่ะ เรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญ จะต้องทนไปอีกกี่ปีก็ไม่สำคัญเช่นกัน เขาก็แค่ริษยา
ในโลกแห่งความเป็นจริง เขาริษยาในความโชคดีของเหอจานมาโดยตลอด ริษยาเหอจานที่สามารถมีเพื่อนอยู่ในสำนักใหญ่ มากมายขนาดนั้น แต่กลับไม่แนะนำให้เขารู้จักเลยแม้แต่คนเดียว
ที่นี่คือดินแดนแห่งความฝันอวิ๋นเมิ่ง เจ้าจะยังโชคดีแบบนั้นอยู่หรือเปล่า?
หากโชคของเจ้ายังดีขนาดนั้นจริงๆ เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
เจียงรุ่ยคิดถึงเรื่องเหล่านี้ รู้สึกท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง มือกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น
……
……
ในกระท่อมดินที่ห่างไกลผู้คนแห่งหนึ่งในหมู่บ้านทางตะวันตก
หญิงสาวผู้หนึ่งนอนอยู่บนพื้น ไม่มีลมหายใจ
นางซึ่งอาศัยการซักเสื้อผ้าทำอาหารในการยังชีพอย่างยากลำบากมาเป็นเวลาสามสิบกว่าปี ไม่ว่าคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองต้องมาตายอย่างอนาถเพียงเพราะก้อนทองคำที่ไม่มีอยู่จริงก้อนหนึ่งด้วย
เหอจานถูกมัดมือมัดเท้า นอนอยู่บนพื้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด
สายตาเขาเลื่อนจากมารดาไปยังชายฉกรรจ์ที่กำลังรื้อข้าวของ รู้สึกด้านชา —- เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงเหล่านั้น ได้ทำให้ใจของเขาเฉยชาไปแล้ว หลังเข้ามาในดินแดนแห่งความฝัน ก็ยิ่งเหมือนแก้วที่แตกละเอียด เดิมคิดจะอยู่ไปวันๆ ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ไปจนกระทั่งจบการทดสอบ จึงไม่ค่อยได้บำเพ็ญเพียรเท่าไหร่ คืนนี้เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด
สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็ไม่เจอก้อนทองคำ เขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก หมุนตัวมาต่อยเตะเหอจานอีกครั้งหนึ่ง ไม่ได้สนใจเลยว่าเขาเป็นแค่เด็กอายุสี่ห้าขวบเท่านั้น
เหอจานไม่ได้ร้องเจ็บปวด ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ เพราะเขากลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะฆ่าตนเอง
ขอเพียงมีชีวิตรอดต่อไปได้ก็พอ
……
……
การมีชีวิตอยู่ บางครั้งเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตาย
วันเวลาหลังจากนั้น เหอจานยิ่งเข้าใจหลักเหตุผลนี้
ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมกลับไปมือเปล่า หากแต่จับเขาไปขายให้พ่อค้ามนุษย์คนหนึ่ง
พ่อค้ามนุษย์คนนั้นเอาเขาไปขายให้พ่อค้ามนุษย์อีกคนหนึ่ง ระหว่างนั้นไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปกี่มือต่อมือ จนเขาถูกขายมายังแคว้นจ้าว
ระหกระเหินเร่ร่อน เจ็บปวดยากจะบรรยายได้ โชคดีที่เคยมีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง คล้ายจะสูญหายไปทั้งหมดเมื่ออยู่ในดินแดนแห่งความฝัน
ตอนที่เขาอยู่ในบ้านนายหน้าแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของแคว้นจ้าว ในที่สุดเชือกที่มัดมือทั้งสองข้างก็ถูกแกะออก บาดแผลบนข้อมือลึกลงไปจนสามารถมองเห็นกระดูกได้
คนที่อยู่ในบ้านนายหน้าให้เขากินอาหาร อีกทั้งยังรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา อาบน้ำ แล้วก็ให้เขาใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน
แต่โชคร้ายของเหอจานยังไม่จบสิ้นลงเพียงเท่านี้ ช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุดอยู่หลังจากนี้
รถม้าคันหนึ่งได้พาเด็กชายสามสี่คนมุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของเมืองหลวง ด้านหน้าค่อยๆ มองเห็นเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง
เหอจานมองดูด้านหน้า สีหน้าขาวซีด เป็นครั้งแรกที่เขาพยายามหนี เขาฉวยโอกาสตอนที่ผู้ดูแลของนายหน้ามิทันได้สังเกต กัดฟันกระโดดลงจากรถ
แต่เขาเป็นเพียงเด็กชายอายุห้าขวบเท่านั้น ไหนเลยจะหนีไปได้ไกล ไม่นานก็ถูกจับกลับมา
หลังถูกไม้กระบองฟาดไปยกหนึ่ง เขาก็ยังถูกพาตัวเข้าไปในวังหลวง
ภายในห้องที่มืดสลัว เขาถูกมัดไว้บนเก้าอี้ ร่างกายที่ถูกบังคับกรอกยาเข้าไปอ่อนเปลี้ย ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย
เขาได้แต่มองดูขันทีชราถือมีดเล่มเล็กที่ด้ามจับหุ้มด้วยหนังแกะเล่มหนึ่งเดินเข้ามาตาปริบๆ
……
……
แคว้นฉู่ต้อนรับคณะทูตที่เดินทางมาจากแคว้นฉินทางเหนือ
จะบอกว่าเป็นคณะทูตความจริงก็มีค่อยถูกนัก เพราะฮ่องเต้แคว้นฉินเสด็จมาด้วยตัวพระองค์เอง — ฮ่องเต้เสด็จเยือนแคว้นอื่น นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ได้ยินว่าการตัดสินใจของฮ่องเต้แคว้นฉินทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก แต่พระองค์ก็ยังยืนกรานที่จะทำเช่นนี้ อีกทั้งยังพาองค์หญิงที่ตนเองรักที่สุดมาด้วย
ปีนี้องค์หญิงพระองค์นั้นพึ่งจะอายุห้าขวบ แล้วก็ไม่รู้ว่าเหตุใดฮ่องเต้แคว้นฉินถึงได้ยอมให้นางเดินทางเป็นระยะทางที่ไกลขนาดนี้
ฮ่องเต้แคว้นฉินจะเจรจาอะไรกับฮ่องเต้แคว้นฉู่ นอกจากพวกเขาสองคนแล้วไม่มีใครคนอื่นล่วงรู้ได้
องค์ชายย่อมต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย จิ๋งจิ่วนั่งอยู่บนตั่ง มองดูองค์หญิงที่อายุพอๆ กับตัวเองคนนั้น ในใจครุ่นคิดว่าเจ้าเป็นใครกันล่ะ?
หลังองค์หญิงจากแคว้นฉินมองเห็นจิ๋งจิ่ว สายตาก็ไม่ได้ละจากเขาไปไหนเลย นางจ้องมองดูใบหน้าเขา สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชอบ
นางกำนัลและนางกำนัลอาวุโสในวังของแคว้นฉู่ต่างเอามือปิดปากหัวเราะเบาๆ ในใจครุ่นคิดว่าทุกคนต่างบอกว่าคนแคว้นฉินเป็นคนตรงไปตรงมา ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะเป็นจริงดั่งว่า เด็กหญิงอายุเพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าอะไรคือความงดงาม ยิ่งไปกว่านั้นยังจ้องมองไม่วางตาเช่นนี้อีก
ฮ่องเต้แคว้นฉินและฮ่องเต้แคว้นฉู่เริ่มทำการเจรจา จึงไล่ทุกคนออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่จิ๋งจิ่วและองค์หญิงแคว้นฉินที่ยังอยู่บนตั่ง
ภายในตำนักเงียบเชียบ จู่ๆ องค์หญิงแคว้นฉินพลันคลานเข้ามายังปลายตั่งอีกด้านหนึ่งอย่างช้าๆ มานั่งลงตรงหน้าจิ๋งจิ่ว
…………………………………………………………….
[1]ค่าง เตียงที่ก่อขึ้นมาจากอิฐ ด้านล่างจะมีรูทะลุกับปล่องไฟ ฤดูหนาวจะจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นได้