มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 1 ยอดเขากระบี่เกิดจากฟ้าดิน (1)
ดวงดาราในท้องฟ้ายามค่ำคืนอ่อนแสง สีของสัมฤทธิ์ปรากฏขึ้นท่ามกลางลมฝน
เกล็ดมังกรยาวสามฉื่อ หาญกล้าทรงอำนาจไปได้พันปี คล้ายผีปีศาจเอ่ยวาจา
อาคันตุกะท่องเที่ยว รู้จักคนมากมายในจงหยวน หลังได้รู้จักกัน รู้สึกชื่นชมในใจ
หวนคิดถึงเรื่องราวในไถโจว ดังสะท้อนไปมาอยู่ในใจ
……
……
บนยอดเขาเสินม่อย่อมมิได้มีถ้ำเพียงแห่งเดียว
นอกจากพวกลิงแล้ว ก็มีเพียงจิ๋วจิ่วที่รู้ว่าถ้ำเหล่านั้นอยู่ที่ไหน
ถ้ำที่อยู่ภายในตำหนักบนยอดเขาดูแล้วเหมือนเป็นถ้ำแห่งหนึ่ง แต่ความจริงแล้วด้านในยังมีสถานที่อื่นอยู่อีก สามารถเชื่อมต่อขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ แล้วก็สามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่เงียบสงบอีกจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในยอดเขาโดดเดี่ยวแห่งนี้ได้
ตรงช่วงกลางยอดเขามีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง บนพื้นมีอ่างอยู่ใบหนึ่งที่แกะสลักขึ้นมาจากหยกภูเขาทั้งชิ้น พื้นผิวเรียบลื่นเป็นอย่างมาก สิ่งที่อยู่ในอ่างนั้นมิใช่น้ำ หากแต่เป็นของเหลวสีทองจางๆ บางอย่างกำลังเปล่งแสงที่ดูอ่อนโยนออกมา
จิ๋งจิ่วหลับตานอนอยู่ในอ่าง
ของเหลวสีทองท่วมขึ้นมาถึงช่วงลำคอ ปกปิดร่างกายที่ขาวผ่องและเรียบลื่นเสียยิ่งกว่าผิวของอ่างหยก มีเพียงใบหน้าที่ขาวซีด แต่กลับยังคงงดงามที่โผล่พ้นของเหลวขึ้นมา
ไม่รู้ว่าของเหลวสีทองเหล่านี้คืออะไร พลังวิญญาณที่กระจายออกมานั้นบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก ถึงแม้จะมิอาจเทียบกับยันต์เชียนวัฒนะที่เขากำอยู่ในมือซ้ายในตอนแรกได้ แต่มันกลับเข้มข้นกว่าพลังวิญญาณในสวนยาของยอดเขาซื่อเยวี่ยตั้งไม่รู้กี่เท่า หรือว่าของเหลวเหล่านี้จะเป็นยาวิเศษจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกละลายลงไปในน้ำ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จิ๋งจิ่วลืมตาขึ้นมา ลุกขึ้นมาจากอ่างหยก ไข่มุกราตรีที่ฝังอยู่บนผนังภายในถ้ำสว่างขึ้นมา ส่องสว่างภายในถ้ำ
ของเหลวสีทองจางๆ เหล่านั้นหยดลงมาจากปลายนิ้วมือขวาของเขา หยดลงไปในอ่างหยก สีดูจางกว่าเดิมมาก
มือขวาของเขายังคงเปลี่ยนรูปอย่างรุนแรง คล้ายกับกระบี่ที่บิดเบี้ยว
ของเหลวสีทองไหลหยดลงมา ร่างกายของเขาสะอาดในพริบตา ไม่มีของเหลวเหลืออยู่แม้แต่หยดเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะของเหลวนั้นแปลกประหลาด หรือว่าผิวหนังของเขาเรียบลื่นเกินไป
จิ๋งจิ่วเดินไปยังหน้าผนังหิน โบกมือเปิดประตูลับ หยิบเอาชุดสีขาวที่เตรียมไว้ล่วงหน้าชุดนั้นออกมาสวมใส่ จากนั้นปิดประตูลงอีกครั้ง
แม้จะเป็นชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็สามารถมองเห็นถ้ำอันกว้างขวางที่หลบซ่อนอยู่ด้านหลังประตูลับได้ ด้านในมีของบางอย่าง แล้วก็มีหินผลึกจำนวนนับไม่ถ้วนวางกองไว้อยู่
ที่แท้ของของเหลวสีทองจางๆ ที่อยู่ในอ่างนั้นล้วนแต่เป็นหินผลึกที่ถูกทำให้ละลาย
ด้วยขนาดของอ่างหยก การจะใช้หินผลึกที่ละลายจนกลายเป็นของเหลวมาเติมจนเต็ม อย่างนั้นก็ต้องใช้หินผลึกหลายร้อยก้อน ซึ่งนั่นเกินกว่าจำนวนหินผลึกที่สำนักระดับกลางใช้ทั้งปีแล้ว แต่เขากลับเอามันมาอาบน้ำ?
……
……
จิ๋งจิ่วย่อมมิใช่กำลังอาบน้ำ
ถึงแม้เขาจะเป็นคนเจาเกอ แต่ช่วงเวลาส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่ชิงซาน เขาจะมีนิสัยเหมือนอย่างคนทางใต้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเกียจคร้านเป็นอย่างมาก
เขากำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่
ความจริงแล้วหากมิเป็นเพราะครั้งนี้บาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องคิดหาวิธีรักษาอย่างจริงจัง เขาก็คงจะนึกไม่ออกว่าในอดีตตนเองแอบซ่อนผลึกหินเอาไว้ในยอดเขาเสินม่อมากมายขนาดนี้
แช่อยู่ในอ่างหยกเป็นเวลานานขนาดนี้ รอยแตกร้าวที่อยู่บนโอสถกระบี่และผิวของกระดูกแขนก็สมานกันจนเป็นเหมือนเดิม แต่อาการบาดเจ็บที่มือขวายังคงไม่ดีขึ้น
เขายกมือขวาขึ้นมาตรงหน้า ลองขยับเขยื้อนดู
มือขวาที่บิดเบี้ยวอย่างรุนแรงขยับเขยื้อนไม่สะดวก การเคลื่อนไหวดูแปลกประหลาดและเก้ๆ กังๆ
เขาส่ายศีรษะ เอามือขวาไพล่ไว้ด้านหลัง เหยียบอากาศทะยานออกไป
……
……
ประตูหินอันหนักอึ้งเปิดออก ฝุ่นควันฟุ้งกระจายขึ้นมาเล็กน้อย
กู้ชิงและหยวนฉวี่เดินออกมาจากในตำหนัก เหล่าวานรที่อยู่ด้านล่างหน้าผาส่งเสียงร้อง
แมวขาวที่อยู่ริมหน้าผาลืมตาขึ้นมา จักจั่นเหมันต์เกือบจะกลิ้งตกลงไปด้านล่างหน้าผา แต่กลับถูกพลังที่ไร้รูปร่างสายหนึ่งยกขึ้นมา
เจ้าล่าเยวี่ยพลิกตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ไผ่ มองไปทางจิ๋งจิ่วที่เดินออกมาจากในถ้ำ กล่าวถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”
จิ๋งจิ่วคิดไม่ถึงว่าหลิวอาต้าจะไม่ได้อยู่ในอ้อมอกนาง จากนั้นจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด กล่าวว่า “ยังมีปัญหานิดหน่อย”
สมณะตู้ไห่เป็นหัวหน้าอารามหลี่ว์ถังของวัดกั่วเฉิง หากว่ากันจากความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงแล้วน่าจะจัดอยู่ในห้าอันดับแรก ตอนที่เขาใช้วิชาสละชีพอย่างฝ่ามือพุทธิปัญญานั้นยิ่งน่ากลัวเป็นอย่างมาก
จิ๋งจิ่วอยู่ในขั้นคเนจรระดับกลาง หากมองไปในหมู่ผู้บำเพ็ญพรตรุ่นเยาว์นั้นถือว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อเทียบกับสมณะตู้ไห่แล้วยังถือว่าแตกต่างกันอยู่มาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสภาวะของเขาไม่เพียงพอที่จะให้เขาแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาได้
ร่างกายของเขามีความพิเศษ ในอดีตตอนที่เพิ่งเข้ามาสำนักชิงซานก็สามารถสังหารจั่วอี้แห่งยอดเขาปี้หูบนยอดเขากระบี่ได้ก็เป็นเพราะจุดนี้
ร่างกายนี้มีประโยชน์ต่อเขามากมาย อย่างเช่นไม่ได้รับบาดเจ็บง่ายๆ เขาถึงได้สามารถหักกระบี่ของกั้วหนานซานในงานชุมนุมทดสอบกระบี่ของชิงซานเมื่อในอดีตได้ เขาถึงได้รับมือฉีหลินที่อยู่ในสภาพสะกดสภาวะเอาไว้ได้นานขนาดนี้ แต่ในขณะเดียวกันมันก็นำมาซึ่งปัญหาหนึ่งเช่นเดียวกัน นั่นก็คือถ้าหากร่างนี้ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจริงๆ เมื่อไร มันก็ยากจะฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
……
……
กระบี่เสียหายก็เอาไปซ่อมแซม คนได้รับบาดเจ็บก็ควรไปรักษา
ในชิงซานล้วนแต่เป็นผู้บำเพ็ญพรต ย่อมไม่จำเป็นต้องใช้หมอ ยาบนยอดเขาซื่อเยวี่ยสามารถแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ได้
แต่จิ๋งจิ่วกลับไปยังยอดเขาอวิ๋นสิง
เมฆหมอกจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมยอดเขาแห่งนี้ ถูกพลังที่ไร้รูปร่างสายหนึ่งขับเคลื่อนให้เคลื่อนไหว แต่กลับไม่ยอมสลายหายไปไหน น่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ มันจึงได้ชื่อว่ายอดเขาอวิ๋นสิง
เขากับเจ้าล่าเยวี่ย ยืนอยู่ตรงหน้ายอดเขา มองดูภาพภาพนี้ มิได้คิดถึงเรื่องราวในอดีต แต่กลับคิดถึงเขาอวิ๋นเมิ่งของสำนักจงโจวขึ้นมาพร้อมกัน ถึงแม้เจ้าล่าเยวี่ยจะไม่เคยไปเขาอวิ๋นเมิ่งก็ตาม
เหล่าลูกศิษย์ของยอดเขาอวิ๋นสิงมองเห็นพวกเขา ต่างรู้สึกตกใจ รีบสืบเท้าเข้ามาทำการคารวะ สอบถามว่าอาจารย์อาทั้งสองท่านมีอะไรให้ช่วยหรือไม่
หากกระบี่บินของชิงซานได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ปกติมักจะถูกส่งมาซ่อมแซมที่ยอดเขาอวิ๋นสิง จากนั้นค่อยถูกส่งเข้าไปยังห้องหินทิ้งที่อยู่ในยอดเขาเพื่อให้กระบี่ได้ทำการฟื้นฟูตัวมันเอง
เหล่าศิษย์ของยอดเขาอวิ๋นสิงนึกว่าจิ๋งจิ่วจะมาซ่อมกระบี่ จึงรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในใจครุ่นคิดว่าหรือวันนี้จะมีโอกาสได้เห็นกระบี่คมจักรวาลที่เล่าลือกันเล่มนั้น?
ศึกการต่อสู้ในวัดกั่วเฉิงครั้งนี้มีความลับมากมายแอบซ่อยอยู่เบื้องหลัง แต่การต่อสู้ระหว่างจิ๋งจิ่วกับฉีหลินครั้งนั้นกลับถูกจัวหรูซุ่ยจงใจป่าวประกาศจนกลายเป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดในช่วงเวลาหลายปีมานี้ของชิงซาน
ใครจะไปรู้บ้างว่ากระบี่เหล็กดำของอาจารย์อาม่อเล่มนั้นจะถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ในมือของอาจารย์อาเล็ก ยกระดับกลายเป็นกระบี่บินชั้นเซียน เหล่าศิษย์ชิงซานย่อมต้องรู้สึกสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างมาก
ที่น่าเสียดายก็คือพวกเขาไม่ได้เห็นกระบี่คมจักรวาล เพราะกระบี่ที่จิ๋งจิ่วต้องการจะซ่อมมิใช่กระบี่เล่มนี้
เขาและเจ้าล่าเยวี่ยเดินขึ้นไปบนยอดเขาอวิ๋นสิงด้วยกัน — ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทำตามกฎที่มีมาแต่โบราณหรือเป็นเพราะเขายังคงไม่ชอบขี่กระบี่
ในยอดเขาอวิ๋นสิงมีโขดหินขรุขระ หน้าผาสูงชัน เต็มไปด้วยความรกร้าง ไม่มีต้นไม้ และไม่มีสิ่งมีชีวิต
ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยเจตน์กระบี่ ทั้งบนหน้าผา ทั้งบนก้อนหิน และภายในเมฆหมอก
จิ๋งจิ่วพาเจ้าล่าเยวี่ยเดินขึ้นมาถึงช่วงกลางยอดเขาอวิ๋นสิงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหายเข้าไปในเมฆหมอก
เหล่าศิษย์ของยอดเขาอวิ๋นสิงต่างแยกย้าย
เมฆหมอกที่ไม่สลายหายไปไหนตลอดทั้งปีบดบังสายตาของเหล่าศิษย์เอาไว้ แต่กลับมิอาจบดบังสายตาของจิ๋งจิ่วและเจ้าล่าเยวี่ยได้