มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 41 คนธรรมดาไถ่ถาม (1)
ความรู้สึกเช่นนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบใจแห่งเต๋าไม่หยุด ทำให้รู้สึกไม่สบายอย่างมาก
จิ๋งจิ่วรู้ว่านี่มิได้เป็นเพราะแซ่ของหลิ่วสือซุ่ยกับหยวนฉวี่ หากแต่เป็นเพราะเสวี่ยจีอยู่ที่ชิงซาน
เขาครุ่นคิด ก่อนจะหยิบเอาจักจั่นเหมันต์ออกมาแล้วโยนออกไป กล่าวว่า “อาต้า เจ้าติดมันเอาไว้”
จักจั่นเหมันต์ตกลงบนหัวของแมวขาวพอดิบพอดี
ถึงแม้จะสูงแค่ไหน ขอเพียงหยุดอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานมากพอก็จะรู้สึกเคยชินได้ มันย่อมไม่หวาดกลัว เมื่อคิดถึงเสวี่ยจีก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
แมวขาวยื่นอุ้งเท้าขวาไปขยับตำแหน่งของจักจั่นเหมันต์ รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก มันส่งเสียงเมี้ยวไปทางจิ๋งจิ่วเพื่อแสดงการขอบคุณ
จิ๋งจิ่วเองก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก ในใจครุ่นคิดว่าถ้าหากเสวี่ยจีแหกคุกออกมา นางก็น่าจะตามกลิ่นของจักจั่นเหมันต์มายังยอดเขาเสินม่อ เมื่อถึงตอนนั้นอาต้าก็จะสกัดเอาไว้ได้ เจ้าสามตัวนั้นจะต้องไม่ยอมมองดูอาต้าเกิดเรื่องโดยไม่ทำอะไรแน่
ผิงหย่งเจียเดินเข้ามายืนอยู่ข้างกู้ชิง ก่อนจะกล่าวเสียงเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ เจ้าแมวตัวนี้มันมาจากไหนกันแน่? ทำไมชื่อมันฟังดูแปลกๆ”
กู้ชิงไม่ทันได้อธิบาย จิ๋งจิ่วก็กล่าวกับผิงหย่งเจียว่า “เจ้าอยากจะเรียนกระบี่อะไร?”
ผิงหย่งเจียตกตะลึง ในใจครุ่นคิดว่าในเมื่อตนเองเป็นศิษย์ยอดเขาเสินม่อ ก็ควรจะเรียนเคล็ดกระบี่ไร้อาวรณ์ของประมาจารณ์จิ่งหยางสิ หรือว่ายังจะเรียนเพลงกระบี่อื่นได้อีก?
กู้ชิงคิดถึงประสบการณ์ของตัวเองในอดีต จึงยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “เพลงกระบี่ในยอดเขาทั้งเก้าของชิงซาน เจ้าสามารถเลือกได้หมด”
ผิงหย่งเจียตกตะลึงเป็นอย่างมาก ในใจครุ่นคิดว่าแบบนี้ก็ได้หรือ?
กู้ชิงกล่าวกับจิ๋งจิ่วต่อว่า “ตอนนี้ศิษย์น้องยังไม่มีกระบี่ อาจารย์ท่านเห็นว่าอย่างไรบ้างขอรับ?”
ในเวลานี้ บนยอดเขาชิงหรงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันมีเสียงเพลงดังลอยมา
ผิงหย่งเจียมองไปทางด้านนั้น รู้สึกใคร่รู้
จิ๋งจิ่วมองดูเขา กล่าวว่า “อย่างนั้นก็เรียนเพลงกระบี่ไร้จุดจบของยอดเขาชิงหรงแล้วกัน เรื่องกระบี่ค่อยว่ากัน”
ผิงหย่งเจียตกตะลึงไปอีกครั้ง เขารู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก ในใจคิดว่าข้าเพียงแค่มองดูนิดเดียวเอง จึงกล่าวว่า “อาจารย์ บนยอดเขาชิงหรงมีแต่ศิษย์พี่หญิง มันไม่แปลกหรือขอรับ….”
จิ๋งจิ่วไม่ได้สนใจเขา หากแต่เดินกลับเข้าไปในถ้ำ ผ่านไปไม่นานก็เดินออกมาใหม่อีกครั้ง ในมือมีคัมภีร์กระบี่บางๆ เล่มหนึ่ง
ผิงหย่งเจียไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี เขารับเอาคัมภีร์กระบี่มาอย่างงุนงง ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็ถูกกู้ชิงกับหยวนฉวี่ลากตัวเข้าไปในตำหนัก
“เจ้าโง่หรือเปล่า? ตอนนั้นเขาอวิ๋นเมิ่งจัดงานชุมนุมแสวงมรรคา อาจารย์อาเข้าร่วมงานชุมนุมในฐานะศิษย์สำนักแม่ชีสุ่ยเยวี่ย มีอะไรน่าแปลก?”
หยวนฉวี่มองดูเขาพลางกล่าวอย่างโมโห ในใจคิดว่าหากเปลี่ยนเป็นศิษย์น้องอวี้ซาน ไม่รู้ว่านางจะดีใจขนาดไหนกัน ไหนเลยจะจู้จี้จุกจิกเหมือนอย่างเจ้า
กู้ชิงยิ้มๆ ไม่พูดอะไร
ที่เขาลากตัวผิงหย่งเจียกลับมา มิใช่เพราะกลัวว่าอาจารย์จะโกรธ หากแต่รู้ว่าอาจารย์ทั้งสองท่านจะคุยกัน
……
……
เก้าอี้ไม้ไผ่อยู่ตรงริมผา หันหน้าออกไปทางทะเลเมฆ
จิ๋งจิ่วนั่งอยู่ด้านหลังเจ้าล่าเยวี่ย หวีผมให้นาง
เจ้าล่าเยวี่ยคิดถึงคัมภีร์กระบี่ก่อนหน้านี้ก็ว่า “ความจำของท่านไม่เลวเลยนะ”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “เพลงกระบี่ที่ร้ายกาจส่วนใหญ่ยังจำได้ แต่วิชาพื้นฐานตอนที่เข้าสำนักกลับลืมไปเกือบหมดแล้ว”
ในอดีตตอนที่เดินออกมาจากลำธารในภูเขา เขาก็พบเห็นถึงปัญหานี้ ความทรงจำที่เขาเก็บเอาไว้ส่วนใหญ่นั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความสั้นยาวของเวลา มันเป็นเหมือนกับสิ่งที่ได้ผ่านการเลือกมาอย่างตั้งใจ เรื่องที่สำคัญส่วนใหญ่ล้วนแต่ยังจำได้ เช่นนั้นเรื่องที่จำไม่ได้ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เจ้าล่าเยวี่ยกล่าวว่า “ไม่ได้เห็นท่านเล่นทรายนานแล้ว”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ ค่อนข้างยุ่งน่ะ”
ตอนนี้นับวันเขาจะยิ่งยุ่งมากขึ้นทุกวันจริงๆ นอกเหนือจากการบำเพ็ญเพียรแล้วก็ยากที่จะหาเวลาพักผ่อนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะเล่นทรายฆ่าเวลาเลย
เมื่อมาคิดดูอย่างละเอียดแล้ว เวลาที่เขาอาศัยอยู่ในชิงซานในช่วงเวลาหลายปีมานี้นั้นน้อยเป็นอย่างมาก หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนนี้ นี่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการได้
เจ้าล่าเยวี่ยรู้ว่าเขาไม่ชอบแบบนี้มากที่สุด จึงมองเขาอย่างเห็นใจ
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “บางครั้งรู้สึกเหมือนข้ากำลังใช้หนี้อยู่”
เจ้าล่าเยวี่ยครุ่นคิด จากนั้นกล่าวถามว่า “นี่คือกรรมอย่างนั้นหรือ?”
จิ๋งจิ่วมองดูทะเลเมฆที่ไหลเอื่อยอยู่ด้านนอกหน้าผา หลังครุ่นคิดอย่างจริงจังจึงกล่าวออกมาว่า “ข้าไม่ได้ติดค้างอะไรโลกใบนี้”
เจ้าล่าเยวี่ยกล่าวว่า “ต้นหญ้าบนเนินเขาจะเป็นหนี้ม้าตัวนั้นได้อย่างไร?”
จิ๋งจิ่วพยักหน้า กล่าวว่า “ดังนั้นหลังจากนี้ข้าจะไปเมืองเจาเกอ”
เจ้าล่าเยวี่ยกล่าวว่า “ข้าจะไปด้วย”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ครั้งนี้ให้กู้ชิงตามข้าไป เขาคุ้นเคยกับเรื่องในเมือง”
เจ้าล่าเยวี่ยกล่าวว่า “สถานการณ์ในที่ราบหิมะค่อยๆ สงบลงแล้ว งานชุมนุมเหมยฮุ่ยในปีนี้น่าจะจัดขึ้นตามปกติ จัวหรูซุ่ยก็น่าจะไปเมืองเจาเกอด้วย”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “เรื่องในครั้งนี้ก็เกี่ยวข้องกับที่ราบหิมะ”
เขาเตรียมจะบอกนางเรื่องเสวี่ยจี เพื่อที่ว่าหากหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นจริงๆ จะได้เตรียมตัวได้ทัน
ในเวลานี้เอง จู่ๆแมวขาวก็วิ่งออกมาจากในถ้ำอย่างรีบร้อน กระดิ่งตรงลำคอส่งเสียงดังไม่หยุด
เจ้าล่าเยวี่ยสีหน้าตกใจเล็กน้อย ในใจคิดว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
แมวขาวเอาจักจั่นเหมันต์วางลงบนพื้น ส่งสายตาบอกให้จิ๋งจิ่วรีบดู
จักจั่นเหมันต์ตัวแข็งทื่อ ขาเล็กๆ สีขาวสิบกว่าข้างสั่นไม่หยุด ดูคล้ายว่าจะไม่ไหวแล้ว
จิ๋งจิ่วยื่นมือไปจับมันขึ้นมาไว้ในมือ พบว่ามันไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่ตกใจกลัวอย่างมากเท่านั้น
ยุงที่ได้รับคำสั่งจากจักจั่นเหมันต์ตัวนั้นตายแล้ว
ตายอยู่ในห้องขังของคุกกระบี่ห้องนั้น
……
……
ท่ามกลางท้องฟ้ายามเย็น จิ๋งจิ่วมายังยอดเขาซั่งเต๋อ คุกกระบี่ตกอยู่ในความมืดเหมือนกับช่วงเวลาอื่น
เขาเดินเข้าไปในอุโมงค์อันมืดมิด ไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย จนกระทั่งมาถึงโถงที่มีตะเกียงไฟส่องสว่าง เขาทอดตามองไปยังอุโมงค์ทางขวามือที่คับแคบเส้นนั้น
เจตน์กระบี่ของข่ายพลังสรรพสิ่งเยือกแข็งแอบซ่อนอยู่ในผนังหินทั้งสองด้าน ไม่มีร่องรอยแม้แต่น้อย
สายตาของเขามองทะลุอากาศที่ดูคล้ายว่างเปล่าไปยังห้องขังที่อยู่ปลายสุดของอุโมงค์ทางเดินห้องนั้น
ทันใดนั้นเอง ในรอยแตกของประตูห้องขังได้มีเกล็ดหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนไหลทะลักออกมา
เกล็ดหิมะเหล่านั้นไหลทะลักออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นกระแสน้ำที่แฝงเอาไว้ด้วยความหนาวเย็นและความน่ากลัวไหลทะลักออกมา ถาโถมเข้ามาหาเขา
จิ๋งจิ่วมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างเงียบๆ มิได้หลบหลีก แล้วก็มิได้ตกใจ
หิมะที่ไหลทะลักเข้ามาอย่างคลุ้มคลั่งแทบจะมาถึงตรงหน้าเขาในทันที ใกล้จะท่วมตัวเขา
ในเวลานี้เอง เขาหลับตาลง จากนั้นลืมตาขึ้นอีกครั้ง
เกล็ดหิมะเหล่านั้นหายไปแล้ว
ตรงหน้าเขายังคงเป็นอุโมงค์ทางเดินที่เงียบสงัดเส้นนั้น
ยังคงเป็นห้องขังที่โดดเดี่ยวห้องนั้น
คิดอยากจะขังสิ่งมีชีวิตอย่างเสวี่ยจีเอาไว้ อีกทั้งยังมีเหตุการณ์ของศิษย์พี่เป็นบทเรียนมาแล้ว ครั้งนี้จิ๋งจิ่วยิ่งระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เขามีการเตรียมแผนสำรองเอาไว้ล่วงหน้า
ยุงจากคุกสะกดมารตัวนั้นคือสิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้เพื่อจับตาดูเสวี่ยจี คิดไม่ถึงว่าจะถูกเสวี่ยจีพบเร็วขนาดนี้ จากนั้นก็ถูกนางฆ่าตาย
ก็เหมือนอย่างภาพลวงตาที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ นี่เสวี่ยจีกำลังแสดงพลังและสภาวะอันแข็งแกร่งของตัวเองออกมา หรือกำลังแสดงออกถึงความโกรธของตัวเอง?