มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 62 ชิงซานแข็งแกร่ง (1)
เรือกระบี่ของสำนักชิงซานจำนวนสิบเจ็ดลำบินอยู่เหนือน้ำทะเล
ตรงหัวเรือแต่ละลำมีศิษย์สำนักชิงซานนั่งอยู่สิบกว่าคน
พวกเขาหลับตา ควบคุมกระบี่ให้กระหน่ำโจมตีลงไปบนทะเลอย่างต่อเนื่อง
สายฟ้าที่ผู้บำเพ็ญพรตที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้มองเห็นก็คือกระบี่บินของพวกเขา
เรือกระบี่มีข่ายพลังคอยปกป้องอยู่ แล้วก็ยังมีอาจารย์ที่แข็งแกร่งคอยเฝ้าระวัง ลูกศิษย์สำนักชิงซานไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกโจมตี พวกเขาเพียงแต่ต้องโจมตีลงไปอย่างเต็มที่ อ อานุภาพของกระบี่ย่อมต้องน่าหวาดกลัว
ไม่ว่าจะเป็นโขดหินหรือว่าศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่ที่ออกมารับมือศัตรูอย่างกล้าหาญ ต่างก็พากันถูกลำแสงกระบี่เหล่านี้ฟาดฟันจนกลายเป็นชิ้นๆ
การโจมตีด้วยกระบี่บินที่น่ากลัวขนาดนี้ย่อมต้องเผาผลาญปราณกระบี่ไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นาน ใบหน้าของศิษย์สำนักชิงซานเหล่านี้ก็กลายเป็นสีขาว ก่อนจะถูกหามออกไปอย่างรวดเ เร็ว เปลี่ยนเป็นศิษย์สำนักชิงซานคนอื่นเข้ามาทำการโจมตีต่อ
ในระหว่างนี้ ลำแสงกระบี่ที่พุ่งโจมตีไปบนทะเลมิได้หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย
ยาและหินผลึกที่ยอดเขาซื่อเยวี่ยเตรียมพร้อมเอาไว้ได้แสดงประโยชน์ของมันออกมาในเวลานี้ เชื่อว่าปราณกระบี่ของศิษย์สำนักชิงซานเหล่านี้น่าจะฟื้นฟูกลับมาได้ในเวลาไม่นาน
ลำแสงกระบี่กระหน่ำโจมตีไปยังหมู่เกาะที่อยู่บนทะเลราวห่าฝน อานุภาพน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น เกาะเล็กเกาะน้อยจำนวนมากมายถูกโจมตีจนราบเป็นหน้ากลอง ไม่รู้ว่ามีศิษย์สำนักซีไห่จำนวนมากน้อยเท่าไรที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตาย
ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ศูนย์กลางของหมู่เกาะซีไห่ ข่ายพลังประจำสำนักไม่สามารถทนรับการโจมตีอันคลุ้มคลั่งของเรือกระบี่ชินซานได้
ผ่านไปไม่นาน เกาะเล็กเกาะน้อยจำนวนร้อยกว่าเกาะที่อยู่ด้านนอกสุดของหมู่เกาะซีไห่ก็ถูกกวาดล้างจนหมด บ้างก็ถูกทำลาย บ้างก็เลือกที่จะยอมแพ้
สำหรับเกาะที่ยอมแพ้เหล่านั้น เรือกระบี่ของสำนักชิงซานไม่ได้ทำการโจมตีต่อ หากแต่มีลำแสงกระบี่จำนวนหลายสายบินลงไปยังเกาะเหล่านั้น ก่อนจะใช้โซ่กระบี่ล่ามศิษย์สำนักกระบี่ซ ซีไห่เหล่านั้นเอาไว้บนเกาะชั่วคราว
เรือกระบี่จำนวนสิบเจ็ดลำเป็นเหมือนกระบี่ยักษ์จำนวนสิบเจ็ดเล่ม ฟาดฟันทุกสิ่งที่ขวางหน้า เคลื่อนที่ต่อไปบนทะเล
ทุกอย่างพังพินาศย่อยยับ
……
……
กระบี่บินจำนวนหลายร้อยเล่มของสำนักชิงซานบินฉวัดเฉวียนไปมาคล้ายนกนางแอ่นทะเล คลื่นทะเลยักษ์ซัดสาด ทำให้บรรยากาศในฟ้าดินดูโกลาหลวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มีผู้บำเพ็ญพรตคนไหนกล้าบินลงไปดูการต่อสู้ในระยะใกล้ๆ กับหมู่เกาะซีไห่ เพราะถ้าเกิดถูกลูกหลงขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบไหว?
ในระยะที่ห่างออกไปร้อยกว่าลี้ นอกจากยอดฝีมืออย่างปู้ชิวเซียว เหอเว่ยและไต้ซือแห่งตำหนักแสดงธรรมของวัดกั่วเฉิงแล้ว ก็ยากจะมีใครที่มองเห็นรายละเอียดในการต่อสู้ครั้งนี ได้
ผู้บำเพ็ญพรตส่วนใหญ่มองเห็นแต่เพียงภาพเรือกระบี่ของชิงซานค่อยๆ เคลื่อนที่ไปข้างหน้าท่ามกลางลมพายุฝนในทะเล มองเห็นแต่เพียงกระบี่บินที่บินฉวัดเฉวียนราวสายฟ้าเหล่านั้น
แต่พวกเขาสามารถรับรู้ถึงพลังอันน่ากลัวของกระบี่บินเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน สามารถรับรู้ถึงความสิ้นหวังของเหล่าลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ซีไห่ที่ลอยล่องอยู่ท่ามกลางพายุฝน
หากเปลี่ยนเป็นสำนักตนเองต้องเจอกับการโจมตีจากเรือกระบี่ของสำนักชิงซานสิบเจ็ดลำนี้ พวกเขาจะสามารถทนได้นานเท่าไร?
หลายคนเริ่มครุ่นคิดถึงปัญหานี้ ไม่นานก็ได้คำตอบออกมา สีหน้ายิ่งขาวซีด ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เหอเว่ยเจ้าสำนักคุณหลุนมองดูเหล่าลูกศิษย์ที่ใบหน้าซีดเผือดเหล่านี้ สีหน้าดูแย่เป็นอย่างมาก ในขณะที่เตรียมจะต่อว่าสักเล็กน้อย เขากลับพบว่าผู้บำเพ็ญพรตของสำนักอื่นที่อยู่ ไม่ไกลก็เป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน จึงอดลอบถอนใจขึ้นมาไม่ได้
โลกบำเพ็ญพรตไม่ได้มีศึกต่อสู้ครั้งใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว เหล่าผู้บำเพ็ญพรตหนุ่มสาวไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
ภาพที่เกิดขึ้นในวันนี้จะกลายเป็นดั่งเงามืดอยู่ภายในจิตใจของศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้
ยิ่งไปกว่านั้นตัวเหอเว่ยเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ลำแสงกระบี่ของเรือกระบี่สำนักชิงซานบินฉวัดเฉวียนโดยไม่หยุดพักเลยแม้แต่อึดใจเดียว
เขาสามารถคิดคำนวณจำนวนหินผลึกและยาวิเศษที่สำนักชิงซานต้องใช้ในศึกครั้งนี้ออกมาได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือตัวเลขที่ ยากจะจินตนาการได้
นอกจากสำนักชิงซานแล้ว บนโลกนี้ยังจะมีสำนักไหนที่สามารถทำการโจมตีอย่างคลุ้มคลั่งเช่นนี้ได้?
ต่อให้สำนักจงโจวทำได้ ก็ไม่มีทางที่จะบ้าคลั่งเหมือนอย่างสำนักชิงซาน
สำนักชิงซานแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังแข็งแกร่งอย่างมาก
เมื่อคิดได้ถึงจุดนี้ เหอเว่ยรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เขาพาเหล่าลูกศิษย์บินไปรวมตัวกับผู้บำเพ็ญพรตของสำนักอื่นที่อยู่ไม่ไกล
“คารวะท่านเจ้าเรือน”
เหอเว่ยมาถึงตรงหน้าปู้ชิวเซียว ยกมือขึ้นคารวะ
เรือเมฆของสำนักจงโจวบินอยู่บนท้องฟ้าที่เหนือขึ้นไปใกล้กับดินแดนแห่งความว่างเปล่า ไม่ได้มีทีท่าว่าจะลงมาด้านล่าง
คนที่มีสถานะสูงสุดในที่นี้ย่อมต้องเป็นปู้ชิวเซียวที่เป็นเจ้าเรือนอี้เหมา
เหอเว่ยกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ แต่การที่สำนักชิงซานโจมตีโดยไม่ถามเช่นนี้ มันออกจะไร้เหตุผลไปเสียหน่อย หรือพวกเราจะเอาแต่มองดูอยู่เฉยๆ อย ย่างนี้?”
ปู้ชิวเซียวมองไปยังส่วนลึกของทะเลตะวันตก ไม่ได้พูดอะไร
บนเรือความรู้ดุจมหานทีมีบัณฑิตของเรือนอี้เหมาอยู่หลายสิบคน บัณฑิตที่รูปร่างผอมดำคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมามองดูเหอเว่ย
ในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากสำนักเป่ยซีพลันอุทานตกใจขึ้นมาว่า “เกาะนั่นใช่ศาลาคำนวณสวรรค์หรือเปล่า?”
……
……
บนทะเลที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ เรือกระบี่ของสำนักชิงซานลำหนึ่งลอยไปอยู่ตรงหน้าเกาะขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
เกาะใหญ่เกาะนั้นดูแตกต่างจากเกาะเล็กเกาะน้อยก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด มันไม่ได้อาศัยข่ายพลังประจำสำนักของสำนักกระบี่ซีไห่ในการปกป้องเกาะ หากแต่มีข่ายพลังปกป้องเกาะเ เป็นของตัวเอง
ลำแสงกระบี่ที่พุ่งลงมาจากเรือกระบี่ของสำนักชิงซานเหล่านั้นปั่นป่วนเล็กน้อย พวกมันถูกข่ายพลังของเกาะกันเอาไว้ด้านนอก
ข่ายพลังที่ว่านั้นมีกลิ่นอายที่ดูพิสดารล้ำลึก คล้ายจะมองเห็นมุมหนึ่งของธรรมะวิถีที่มุ่งไปสู่สวรรค์ ต่อให้เป็นกระบี่ที่ร้ายกาจแค่ไหนก็ยากที่จะโจมตีเข้าไปถึงตัวเกาะได้
แล้วก็เป็นเพราะความรู้สึกเช่นนี้ ถึงได้ทำให้ผู้อาวุโสของสำนักเป่ยซีผู้นั้นคิดว่าเกาะแห่งนี้ก็คือศาลาคำนวณสวรรค์ที่เล่าลือกัน
ศาลาคำนวณสวรรค์คือสถานที่พิเศษของสำนักกระบี่ซีไห่ ก่อตั้งขึ้นมาโดยเทียนจิ้นเหริน ข่ายพลังที่ว่าย่อมต้องไม่ธรรมดา
ในขณะที่หลายๆ คนคิดว่าการโจมตีของชิงซานถูกขัดจังหวะเป็นครั้งแรกและสำนักกระบี่ซีไห่สามารถยื้อเวลาเอาไว้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้ง
บนเรือกระบี่ของสำนักชิงซานลำนั้นมีเสียงที่ฟังดูสุขุมเยือกเย็นดังขึ้น “ผนึกข่ายพลัง”
กระบี่จำนวนหลายสิบเล่มแหวกอากาศพุ่งออกไป ประกอบกันกลายเป็นสิ่งที่ดูเหมือนตาข่ายอยู่เหนือท้องทะเล ภายในตาข่ายมีประกายไฟฟ้าแลบแปลบปลาบไม่หยุด ดูสว่างเจิดจ้าเป็นอย่างมาก
ตาข่ายกระบี่ผืนนั้นลอยลงไปบนเกาะแห่งนั้น ก่อนจะสัมผัสกับข่ายพลังของศาลาคำนวณสวรรค์อย่างรวดเร็ว
เสียงเปรี๊ยะๆ ปร๊ะๆ ดังขึ้นแน่นขนัด บนท้องฟ้ามีสะเก็ดไฟปรากฏขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน
เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของเหอเว่ยยิ่งดูแย่ เหล่าผู้บำเพ็ญพรตที่เหลือต่างพากันตกตะลึงจนพูดไม่ออก
จนกระทั่งในเวลานี้ หลายๆ คนถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าวิถีกระบี่ของสำนักชิงซานย่อมต้องเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่สิ่งที่มีอานุภาพน่ากลัวที่สุดก็คือข่ายพลังกระบี่ของชิงซาน!
กระบี่บินยากจะทำลายข่ายพลังได้ แต่ถ้าเป็นข่ายพลังกระบี่ชิงซานล่ะ?
ในตอนที่ข่ายพลังทั้งสองพบกัน ข่ายพลังที่แข็งแกร่งกว่าย่อมต้องเป็นฝ่ายชนะ ข่ายพลังที่อ่อนแอกว่าสลายหายไปกลายเป็นควัน!
ลมกระโชกรุนแรง น้ำทะเลเดือดพล่านจนกลายเป็นไอสีขาว
ข่ายพลังศาลาคำนวณสวรรค์ถูกทำลายลงในพริบตา!
เกาะแห่งนั้นปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“มันจะรังแกกันมากเกินไปแล้ว!”
เสียงที่ดูโกรธเกรี้ยวและดุร้ายเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากบนเกาะ