มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 62 ชิงซานแข็งแกร่ง (2)
เงาสายหนึ่งพุ่งขึ้นมา ในมือถืออาวุธวิเศษชิ้นหนึ่งเอาไว้ สาดแสงนับหมื่นนับพันออกมา พุ่งเข้าหาข่ายพลังกระบี่ที่ดูเหมือนตาข่ายที่อยู่ในท้องฟ้า
อาวุธวิเศษชิ้นนั้นไม่รู้ว่าคือสิ่งใด แต่มันกลับไม่แตกออกเมื่อต้องเจอกับเจตน์กระบี่ที่อยู่ในข่ายพลังกระบี่ของชิงซาน ดูคล้ายกับปลาตัวใหญ่ที่ต้องการจะพุ่งออกมาจากแห ห ทำเอาข่ายพลังกระบี่ปูดนูนขึ้นมา
ผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาก็คือฉีม่อสูซึ่งเป็นเจ้าแห่งศาลาคำนวณสวรรค์ อาวุธวิเศษที่เขาถืออยู่ในมือนั้นมาจากสำนักปัญญาชนไป๋ลู่
ข่ายพลังกระบี่ดูเหมือนจะถูกเขาฉีกขาด ทันใดนั้นในท้องฟ้าพลันมีเสียงครืนดังสนั่นขึ้นมา
สายฟ้าสายหนึ่งผ่าลงมาจากบนท้องฟ้า
ผิวทะเลเกิดคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วน กระแสน้ำหนุนเนื่องซัดสาด
สายฟ้าสายนั้นทะลุผ่านข่ายพลังกระบี่ ตกลงไปบนอาวุธวิเศษที่อยู่ในมือของฉีม่อสูอย่างแม่นยำ!
เสียงตูมดังสนั่น
ฉีม่อสูคล้ายถูกสายฟ้าฟาดเข้าจริงๆ ร่างกายแข็งทื่อ ควันสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ก่อนจะตกลงไปในทะเล ไม่รู้เป็นหรือตาย
อาวุธวิเศษชิ้นนั้นมิใช่ของธรรมดาอย่างที่คาดเอาไว้จริงๆ แม้จะถูกกระบี่นี้โจมตีใส่ แต่ก็มิได้แตกเสียหาย ทว่าในเมื่อสูญเสียผู้เป็นนายไป อานุภาพก็ย่อมไม่มีอยู่อีก จากนั้น ถูกสำนักชิงซานใช้ข่ายพลังกระบี่ดึงกลับขึ้นไปบนเรือกระบี่!
……
……
สายฟ้าสายนั้นสว่างเจิดจ้า กระทั่งผิวน้ำทะเลที่อยู่ห่างออกไปร้อยกว่าลี้ก็ยังถูกส่องสว่าง
เหล่าผู้บำเพ็ญพรตที่เห็นภาพนี้ต่างพากันตกตะลึงจนเหม่อลอย
เมื่อครู่สำนักกระบี่ซีไห่เหมือนจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้เล็กน้อย แต่ใครจะไปคิดถึงว่าเพียงพริบตาฉีม่อสูจะถูกโจมตีบาดเจ็บสาหัสจนตกลงไปในทะเล ส่วนอาวุธวิเศษชิ้นนั้นก ก็ถูกสำนักชิงซานชิงเอาไป!
การโจมตีของสำนักชิงซานดำเนินต่อไป เรือกระบี่ลอยลงไปบนเกาะแห่งนั้น
กระแสน้ำตอบสนองต่อเจตน์กระบี่ ซัดสาดเข้าใส่ชายฝั่งของเกาะอย่างต่อเนื่อง
ลำแสงกระบี่หลายสิบสายพุ่งลงมาไม่หยุด เสียงดังสนั่นอย่างไม่ขาดสาย สิ่งก่อสร้างที่อยู่บนเกาะถูกทำลายลงในพริบตา
สำหรับผู้บำเพ็ญพรตที่ชมการต่อสู้อยู่นั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลังนั้นมิได้สำคัญอีกต่อไป พวกเขายังคงคิดถึงกระบี่ที่สะบั้นลงมาราวกับสายฟ้าก่อนหน้านี้….
“เป็นกระบี่ที่ร้ายกาจมาก.…”
ผู้อาวุโสของสำนักเป่ยซีผู้นั้นรู้สึกกริ่งเกรงและหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เขากล่าวพึมพำว่า “นี่มันกระบี่อะไร? หรือว่านักพรตหลิ่วฉือเป็นคนลงมือเอง?”
ผู้บำเพ็ญพรตจำนวนมากก็กำลังคาดเดาเช่นเดียวกัน ในใจคิดว่ายอดฝีมือของสำนักกระบี่ซีไห่ผู้นั้นถืออาวุธวิเศษเอาไว้ แต่ก็ยังถูกหนึ่งกระบี่สะบั้นใส่จนตกลงไปในทะเล หากคนที ลงมือมิใช่นักพรตหลิ่วฉือ เช่นนั้นก็น่าจะเป็นท่านหยวนฉีจิง
“นี่ึืคือกระบี่น้ำขึ้น เพลงกระบี่ที่ใช้คือเพลงกระบี่แปดทิศ”
สีหน้าของเหอเว่ยค่อนข้างดูแย่ เขากล่าวว่า “คนที่ลงมือคือเฉิงโหยวเทียน”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เสียงพูดคุยถกเถียงพลันหายไปในพริบตา เหล่าผู้บำเพ็ญพรตต่างรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เฉิงโหยวเทียนคือเจ้าแห่งยอดเขาปี้หูของชิงซาน เพิ่งจะกลายเป็นยอดฝีมือขั้นแหวกทะเลได้เพียงไม่กี่ปี เป็นเจ้าแห่งยอดเขาที่อ่อนแอที่สุดของสำนักชิงซาน
แต่แน่นอนว่านี่ยังไม่ได้นับรวมเจ้าล่าเยวี่ยเข้าไปด้วย
แต่เจ้าแห่งยอดเขาที่อ่อนแอที่สุดผู้นี้กลับสะบั้นกระบี่ลงมาราวสายฟ้า สังหารฉีม่อสูในพริบตา!
ความจริงสภาวะของเฉิงโหยวเทียนเหนือกว่าฉีม่อสูแค่ไม่เท่าไร เพียงแต่อาวุธวิเศษของฉีม่อสูถูกตาข่ายกระบี่ของชิงซานตรึงเอาไว้ ส่วนเฉิงโหยวเทียนก็สะสมพลังเอาไว้ครู่ใหญ่แล้ว อีกทั้งยังมีข่ายพลังกระบี่ของเหล่าลูกศิษย์ยอดเขาปี้หูเป็นตัวนำ กระแสน้ำจำนวนหลายพันสายเป็นเหมือนดั่งภูเขาลูกใหญ่ เมื่อกระบี่สะบั้นลงมาก็เป็นเหมือนดั่งภูเขาพังถล่ม ฉีม่อสูไหนเลยจะรับกระบี่นี้เอาไว้ได้?
เรือกระบี่ของชิงซานอีกลำหนึ่งก็ได้พบกับต่อต้านอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกเช่นกัน
บนเกาะแห่งนั้นมีภูเขาหินสีดำอยู่ลูกนึง ลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ซีไห่อาศัยโพรงถ้ำที่อยู่ในภูเขาแห่งนี้รับมือกับเหล่าลูกศิษย์ของสำนักชิงซานที่อยู่บนเรือกระบี่อย่างดุเดื อด
กระบี่บินกระหน่ำโจมตีอย่างไม่หยุด ลำแสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนฟาดฟันไปมาบนท้องฟ้า ระเบิดแสงสว่างที่เจิดจ้าออกมา
บางครั้งก็จะมีกระบี่บินที่เล็ดรอดหลุดออกมา ทิ้งรอยฟันที่ลึกตื้นไม่เท่ากันเอาไว้ตรงใต้ท้องเรือกระบี่และบนภูเขา
ศิษย์สำนักชิงซานมีเรือกระบี่คอยปกป้อง ลูกศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่เองก็มีภูเขาสีดำคอยปกป้อง การต่อสู้หยุดชะงักไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ทันใดนั้นพลันมีกระบี่บินสองเล่มบินออกมาจากในเรือกระบี่ เกิดเป็นลำแสงกระบี่สีดำและสีขาว พุ่งตรงเข้าไปโจมตีภูเขาสีดำลูกนั้น
ภูเขาหินสีดำลูกนั้นมีความแข็งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีค่ายพลังคอยปกป้อง ถึงแม้กระบี่บินของศิษย์สำนักชิงซานจะโจมตีถูกภูเขาลูกนั้น แต่ก็ทำได้เพียงทิ้งรอยฟันเอาไว้เล็กน น้อยเท่านั้น
แต่ลำแสงกระบี่สองเล่มนี้กลับแทงทะลุภูเขาสีดำ จากนั้นบินมาบรรจบกันในช่วงกึ่งกลางของภูเขา ฟันภูเขาลูกนี้จนขาด!
เสียงตูมดังกัมปนาท ภูเขาหินสีดำค่อยๆ พังถล่ม เหล่าศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่ต่างพากันตกใจ รีบขี่กระบี่หนีออกไปบนทะเล
เหล่าผู้บำเพ็ญพรตที่อยู่ห่างออกไปมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ต่างพากันตกตะลึงจนพูดไม่ออกอีกครั้ง
ผู้อาวุโสของสำนักเป่ยซีกล่าวเสียงสั่นเครือขึ้นมา “แข็งแกร่งเกินไปแล้ว นี่คงจะเป็นกระบี่สามฉื่อของนักโทษหยวนใช่หรือเปล่า?”
เขาไม่เคยเห็นกระบี่สามฉื่อมาก่อน เพียงแต่เมื่อคิดถึงว่าหยวนฉีจิงเป็นกฎแห่งกระบี่ของชิงซาน ขึ้นชื่อเรื่องความเที่ยงตรง อีกทั้งยอดเขาซั่งเต๋อยังมีชื่อเสียงเรื่องตัวภูเขาที เป็นสีดำและหิมะสีขาว ซึ่งก็เหมือนกับลำแสงกระบี่สองสายนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเพียงกระบี่เดียวก็ฝันภูเขาหินจนขาด พลังที่น่ากลัวเช่นนี้ นอกจากยอดคนอย่างหยวนฉีจิงแล้วยังจะมีใครทำได้อีก?
“นั่นคือมั่วฉือและไป๋หรูจิ้งแห่งยอดเขาเทียนกวง”
ปู้ชิวเซียวกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือขั้นแหวกทะเล”
ทุกคนต่างนั่งเงียบไปอีกครั้ง
……
……
ในส่วนลึกของหมู่เกาะทะเลตะวันตก
ทันใดนั้นได้มียอดฝีมือผู้หนึ่งบินขึ้นมาพร้อมกับพายุในและลมทะเล
นี่คือผู้อาวุโสของสำนักกระบี่ซีไห่ เขาบรรลุขั้นแหวกทะเลมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
เมื่อเห็นภาพนี้ ในที่สุดผู้บำเพ็ญพรตที่ชมการต่อสู้ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เรือกระบี่ขยับเล็กน้อย นักพรตสวมชุดสีเขียวผู้หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ขวางทางผู้อาวุโสสำนักกระบี่ซีไห่ผู้นั้นเอาไว้
แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าสาดลงมาบนร่างกายของเขา ทันใดนั้นพลันมีลำแสงกระบี่หกสายปรากฏขึ้นมา
กระบี่สุริยันหวนคืน
เคล็ดกระบี่สุริยัน
ลำแสงกระบี่สว่างวาบ
ผู้อาวุโสสำนักกระบี่ซีไห่ผู้นั้นร่างกายขาดเป็นสองท่อนกลางอากาศ ร่วงตกลงมาด้านล่าง
นักพรตชุดเขียวลอยกลับไปยังเรือกระบี่
ฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบ
เหล่าผู้บำเพ็ญพรตที่ดูการต่อสู้ต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก
เหอเว่ยใบหน้าคร่ำเคร่ง ในใจครุ่นคิดว่าต่อให้เป็นตนเอง ก็ไม่อาจรับกระบี่นี้เอาไว้ได้
ปู้ชิวเซียวครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ถ้าหากตนเองไม่มีจานฝนหมึกหางมังกรอยู่ในมือ อย่างมากก็ทำได้เพียงเสมอกับนักพรตชุดเขียวผู้นี้
บนท้องทะเลที่เงียบสงัดพลันมีเสียงเบาๆ ดังขึ้นมาสองเสียง
นั่นคือเสียงร่างกายของผู้อาวุโสสำนักกระบี่ซีไห่ตกลงไปในทะเล
ในที่สุดเหล่าผู้บำเพ็ญพรตก็ตื่นขึ้นมาจากความตกตะลึง
นักพรตชุดเขียวผู้นี้เป็นใคร?
นี่คือกระบี่อะไร?
แข็งแกร่งยิ่งนัก
กระทั่งเหอเว่ยและปู้ชิวเซียวก็ยังไม่รู้ว่านักพรตชุดเขียวผู้นี้คือใคร
ไม่มีใครกล้าคาดเดาอีก ยิ่งเกิดความรู้สึกกริ่งเกรงและหวาดกลัวสำนักชิงซานมากขึ้น
ทุกคนต่างรู้ว่าสำนักชิงซานแข็งแกร่ง
แต่ปัญหาก็คือนักพรตชุดเขียวแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่เหตุใดกลับไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร?
หรือว่าสำนักชิงซานจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว?
ปู้ชิวเซียวเหลียวกลับไปมองดูบัณฑิตรูปร่างผอมดำที่อยู่ในเรือความรู้ดุจมหานทีผู้นั้น
บัณฑิตรูปร่างผอมดำผู้นี้ย่อมต้องเป็นหลิ่วสือซุ่ย
หลิ่วฉือซุ่ยกล่าวว่า “นักพรตกว่างหยวนแห่งยอดเขาซื่อเยวี่ย”