มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 72 เซียนและผีของสำนักชิงซาน (1)
โลกที่อยู่ในคันฉ่องฟ้ากระจ่างตื่นขึ้นมา กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ชาวบ้านที่หลับใหลมาเป็นเวลานานเหล่านั้นไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น พวกเขายังคิดว่าตัวเองเพียงแค่หลับไปตื่นหนึ่งเท่านั้น
คุณชายใหญ่ตระกูลจางที่ตื่นอยู่คนเดียวในตอนที่ทุกคนหลับใหลกันอยู่รู้สึกไม่ชินกับเหตุการณ์นี้ แต่เขาก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถพูดอะไรได้ รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก เขาจึงย้ายไปส สงบจิตใจอยู่ที่อารามเต๋าแห่งหนึ่ง ลูกหลานที่อยู่ในบ้านและเหล่าเจ้าหน้าที่ภายในอำเภอมาขอร้องอยู่หลายวันก็ไม่ยอมย้ายกลับไป
ในเช้าวันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมา เดินไปยังริมหน้าต่างแล้วมองไปยังเบื้องล่างหน้าผา ภายในใจคิดถึงปลาไนที่พูดได้ตัวนั้น จู่ๆ หนังตาพลันถูกไฟลามเลีย
สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขามิใช่เปลวไฟ หากแต่เป็นก้อนเมฆที่กำลังลุกไหม้
แสงอาทิตย์ยามเช้าปรากฏขึ้นในท้องฟ้า ดูสว่างเจิดจ้ากว่าเวลาปกติไม่รู้กี่เท่า ภายในคล้ายแอบซ่อนแสงสว่างและความร้อนเอาไว้จำนวนนับไม่ถ้วน เหมือนพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
เมื่อเห็นภาพนี้ คุณชายใหญ่ตระกูลจางรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ภายในใจรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
ฟึบๆ ฟึบๆ! นกชิงเหนี่ยวบินมาแต่ไกล ก่อนจะเกาะลงบนกิ่งไม้ที่อยู่ด้านข้างอารามเต๋า มันมองไปทางแสงอาทิตย์ยามเช้านั้น ภายในสายตาที่ดูผิดหวังเล็กน้อยค่อยๆ มีความเศร้าใจปรากฏขึ นมา
นั่นมิใช่แสงสว่างยามเช้าธรรมดาทั่วไป หากแต่เป็นรังสีเซียน
รังสีเซียนปกคลุมเต็มท้องฟ้า นี่คือสัญญาณว่ายันต์เซียนกำลังจะปรากฏขึ้นมาบนโลก
ยันต์เซียนที่อยู่ในคันฉ่องฟ้ากระจ่างแผ่นนั้นได้ถูกจิ๋งจิ่วชิงไปแล้ว เหตุใดถึงยังมียันต์เซียนอีกแผ่น?
……
……
แสงสีขาวที่พุ่งออกมาจากคันฉ่องฟ้ากระจ่างสายนั้นก็คือพลังจากยันต์เซียนแผ่นนั้น
บนโลกมีเพียงสำนักจงโจวที่มียันต์เซียน
ภายในยันต์เซียนนอกจากจะมีจิตเซียนแล้ว มันยังมีพลังเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนด้วย
ในอดีตจิ๋งจิ่วไปฟังธรรมอยู่ที่วัดกั่วเฉิงเป็นเวลาหลายปีเพื่อที่จะหลอมยันต์เซียนแผ่นนั้น จนสุดท้ายเกือบจะเกิดเรื่อง
หลังจากพลังเซียนเหล่านั้นกรอกเข้าไปในร่างกายของกั้วตง จนกระทั่งถึงตอนนี้นางก็ยังนอนหลับไหลอยู่
แต่ในเวลานี้พลังที่อยู่ในยันต์เซียนทั้งหมดกลับระเบิดออกมาในชั่วพริบตา เช่นนั้นมันจะเป็นพลังที่รุนแรงขนาดไหนกัน
ภายใต้การส่องสว่างของลำแสงเซียน สีหน้าของอินซานยิ่งขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะโปร่งใส
มือของเขาเองก็โปร่งใสขึ้นมา ไม่รู้ว่าร่างกายที่อยู่ใต้เสื้อผ้าจะเป็นเช่นนี้ด้วยหรือเปล่า
ภายในห้องหินมีลมกระโชกขึ้นมา พุ่งผ่านขลุ่ยกระดูกแท่งนั้น เกิดเป็นเสียงหวีดหวิวขึ้นมา ฟังดูคล้ายเสียงร่ำไห้ของผี
เสียงหวึ่งเบาๆ ดังขึ้น ลำแสงเซียนตกกระทบลงบนร่างกายเขา เสื้อผ้าฉีกขาดเป็นชิ้นๆ โบยบินคล้ายผีเสื้อ จากนั้นสลายหายไป
อินซานมิได้สลายหายไปเหมือนดั่งผีเสื้อ เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม
ไม่รู้ว่าเขาใช้พลังอะไร ลำแสงเซียนสายนั้นถึงทะลุผ่านร่างกายของเขาไป!
ลำแสงเซียนตกกระทบลงบนผนังในห้องหิน เพียงพริบตาก็หลอมละลายจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่ จากนั้นสาดกระจายพลังออกมาสายหนึ่ง
ท่ามกลางเสียงที่ดังกัมปนาท ห้องหินพังถล่มลงมา เพดานหินที่อยู่ด้านบนถูกเปิดออก เผยให้เห็นท้องฟ้าที่มีเมฆดำปกคลุม
……
……
เหล่าผู้บำเพ็ญพรตของแต่ละสำนักล้อมเกาะเซ่าหมิงเอาไว้ แต่ละคนต่างมองดูเรือกระบี่ของชิงซานบินลงไปบนเกาะเซ่าหมิงด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป
ภูเขาที่ถูกตัดจนราบเรียบบนเกาะเซ่าหมิงแห่งนั้นพลันระเบิดออก!”
ลำแสงเซียนสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า!
เศษหินและลมพายุจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกไปรอบด้าน
หัวเรือของเรือกระบี่ชิงซานลำหนึ่งพุ่งเข้าไปในลำแสง เพียงพริบตาก็มีรอยแตกปรากฏขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน นักพรตกว่างหยวนออกกระบี่รับเอาเหล่าลูกศิษย์ของชิงซานกลับเข้ามาในเรือไ ได้อย่างหวุดหวิด
เรือเมฆของสำนักจงโจวและเรือความรู้ดุจมหานทีของเรือนอี้เหมาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รถบินของสำนักอื่นๆ ที่เหลือเกือบจะร่วงตกลงไปด้านล่าง พวกเขารีบบินหนีออกไปไกล
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนมองไปยังในภูเขาที่ถล่มลงมา มองดูภาพที่อยู่ในห้องหินที่พังทลายห้องนั้น
จุดกำเนิดของลำแสงเซียนมาจากคันฉ่องฟ้ากระจ่างที่อยู่ในมือถงเหยียน
อินซานใบหน้าขาวซีด เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
ไม้วิญญาณอัศนีเคยรับการชำระล้างจากสายฟ้ามาเป็นเวลานานหลายปี เขาใช้ไม้วิญญาณอัศนีทำให้ตนเองเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งแล้วก็เรียนรู้วิชาบางอย่างมา เขาใช้วิชาข้ามผ่านอัศนี จึงทำให้ ลำแสงเซียนพุ่งทะลุผ่านร่างกายไปได้อย่างเฉียดฉิวและไม่ทำให้พลังเซียนทั้งหมดโจมตีมาที่ตน เหมือนกับว่าถูกลำแสงเซียนแฉลบผ่านไปเท่านั้น
แต่นั่นคือลำแสงเซียน ถึงแม้จะแค่เฉียดผ่านเบาๆ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถแบกรับได้
ยิ่งไปกว่านั้นยันต์เซียนที่สำนักจงโจวเตรียมเอาไว้สำหรับเขาแผ่นนี้ย่อมไม่ได้มีพลังแค่เพียงเท่านี้แน่นอน การสังหารที่แท้จริงมันอยู่หลังจากนั้น
ปรมาจารย์สำนักเสวียนอินเตรียมจะพาอินซานหนีไป ทันใดนั้นเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะส่งเสียงร้องประหลาดออกมา จากนั้นหมุนตัวหนีไป เพียงพริบตาก็พุ่งออกไปไกลหลายร้อยจ้าง
หลังจากลำแสงเซียนสายนั้นพุ่งออกไปจากเกาะเซ่าหมิง มันก็ไม่ได้สลายหายไป แล้วก็มิได้เบาบางลง หากแต่พุ่งเข้าไปในเมฆดำที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้า
เหนือเมฆดำขึ้นไปคือดินแดนแห่งความว่างเปล่า เหนือดินแดนแห่งความว่างเปล่าขึ้นไปคือดินแดนอัศนี วังวนสายฟ้าที่อยู่บนนั้นเป็นเหมือนดวงตาประหลาดที่มีสีสันต่างๆ จำนวนนับไม่ถ้วนที่ กำลังจ้องมองดูทุกสรรพสิ่งบนโลกมนุษย์
ลำแสงเซียนสายนั้นเป็นเหมือนเพลิงสวรรค์ที่จุดให้ความโกรธภายในดวงตาเหล่านั้นลุกไหม้ขึ้นมา
เมฆดำปั่นป่วน สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนแลบแปลบปลาบไปมาอยู่ด้านใน!
ท่ามกลางเสียงฟ้าคำรามที่ดังสนั่น สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตกลงมายังพื้นดิน ฟาดไปยังเกาะเซ่าหมิง!
ภายในทะเลเกิดคลื่นยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วน ผู้บำเพ็ญพรตแต่ละสำนักต่างหลบออกไป บนใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
พลังของสายฟ้ารุนแรงจนยากจะจินตนาการได้ ดูแล้วมิได้ต่างอะไรกับทัณฑ์สวรรค์นัก ไม่แปลกที่ปรมาจารย์สำนักเสวียนอินที่เป็นจอมมารแห่งยุคจะหวาดกลัวถึงขนาดนั้น
อินซานมองดูสายฟ้าที่ฟาดลงมาจากบนท้องฟ้า ในใจคิดว่าตัวเองคงจะใกล้ตายแล้ว
เขาย่อมต้องมีแผนการสำรองแอบซ่อนเอาไว้อีกมากมาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสายฟ้าเหล่านี้ แผนการเหล่านั้นไม่ได้มีความหมายใดๆ
ลำแสงเซียนสายนั้นพุ่งทะลุผ่านร่างกายไป มันไม่ได้สังหารเขาในทันที แต่กลับทิ้งรอยประทับเอาไว้ในร่างกายของเขา
ไม่ว่าเขาจะหนีไปที่ไหน สุดท้ายสายฟ้าเหล่านี้ก็จะกระหน่ำฟาดไปที่ร่างกายเขา
มิใช่ว่าคล้ายทัณฑ์สวรรค์
หากแต่เป็นทัณฑ์สวรรค์
มุมปากอินซานยกขึ้นมาเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
ในอดีตหลังกลับมาจากดินแดนหมิง เขาเคยตั้งปณิธานอย่างแรงกล้าเอาไว้ว่าหากโลกไม่สงบ ชีวิตนี้จะไม่ก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์
คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายทัณฑ์สวรรค์กลับมาหาเขาเอง
นี่คือสิ่งที่เรียกว่ากรรมที่ถูกลิขิตไว้อย่างนั้นหรือ?
แผนการถล่มสำนักกระบี่ซีไห่นั้นอยู่ในการควบคุมของเขามาโดยตลอด จิ๋งจิ่วก้าวก้าวนั้นออกมา หนานชวีจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน จิ๋งจิ่วเองก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีก แล้วสุดท้าย ยังจะกลายเป็นกระบี่ที่อยู่ในมือเขาด้วย เขาก็จะสามารถใช้สิ่งนี้บรรลุความปรารถนาทั้งหมดได้ แต่ใครจะไปคิดบ้างว่าจู่ๆ ตนเองจะมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ยังมีอีกหลายเรื่องยังไม่ได ด้ทำ….เรื่องที่รับปากจักรพรรดิแห่งหมิงเอาไว้ เรื่องที่รับปากตัวเองเอาไว้ ต้องทำอย่างไรโลกนี้ถึงจะคงอยู่ต่อไปได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ยังไม่ได้แก้ไข…เขาย่อมต้องไม่ยินยอม
ในขณะที่อินซานกำลังรอคอยความตายที่กำลังมาถึง ร่างที่สูงใหญ่ร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
คนผู้นั้นยกฝ่ามือขึ้นมา หันไปทางสายฟ้าที่กระหน่ำฟาดลงมาจากบนท้องฟ้าเหล่านั้น
อินซานมองดูแผ่นหลังของคนผู้นั้น คิ้วเลิกขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อหลายร้อยปีก่อนล้วนแต่เป็นเขาที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของอีกฝ่าย แต่ตอนนี้กลับสลับกัน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสูงกว่าข้าตั้งแต่เมื่อไรกัน?
สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนกระหน่ำฟาดลงมาจากบนท้องฟ้า
ใบไม้ใบหนึ่งสามารถบดบังภูเขาลูกหนึ่งได้
ฝ่ามือฝ่ามือหนึ่งก็สามารถบดบังท้องฟ้าได้เช่นกัน
รวมไปถึงสายฟ้าที่อยู่ในท้องฟ้าเหล่านั้นด้วย
ลำแสงที่ร้อนแรงจำนวนนับไม่ถ้วนแตกกระจายอยู่บนท้องฟ้าเหนือเกาะเซ่าหมิง
เสียงฟ้าคำรามดังไม่ขาดสาย แต่กลับไม่มีสายฟ้าตกลงมาบนพื้นแม้แต่สายเดียว
……
……
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดเสียงฟ้าคำรามก็หยุดลง
เมฆดำสลายไป เผยให้เห็นท้องฟ้าสีคราม
สายฟ้าที่น่ากลัวเหล่านั้นไม่รู้ว่าไปที่ไหนแล้ว ไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ในท้องฟ้าแม้แต่นิดเดียว
หลิ่วฉือเก็บฝ่ามือกลับมา ไม่ได้หมุนตัวมามองอินซานแม้แต่นิดเดียว หากแต่บินขึ้นไปในท้องฟ้า
ในท้องฟ้ามีเรือกระบี่ของชิงซานกระจัดกระจายอยู่สิบห้าลำ
เหล่าลูกศิษย์ของชิงซานที่อยู่บนเรือมองดูร่างของเจ้าสำนัก บนใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
เจ้าสำนักสะบั้นกระบี่ใส่หนานชวี สังหารศิษย์ของสำนักกระบี่ซีไห่จำนวนนับไม่ถ้วน ฟันปลาวาฬบินจนเป็นชิ้นๆ ดูคล้ายเทพสวรรค์ แต่นี่เขายังรับสายฟ้าเหล่านี้เอาไว้ด้วย…เขาจะเป็ นอะไรหรือเปล่า?
ในเวลานี้เอง ร่างของหลิ่วฉือพลันโงนเงนเล็กน้อย
กระบี่บินของชิงซานจำนวนหลายร้อยเล่มบินไปทางเกาะเซ่าหมิง ก่อนจะฟันลงไปยัง….ถงเหยียน!
นี่เป็นพฤติกรรมที่ทำไปโดยไม่รู้ตัวของศิษย์สำนักชิงซาน
สถานการณ์ในตอนนี้วุ่นวายเป็นอย่างมาก หลายคนต่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดถงเหยียนที่เป็นศิษย์ของสำนักจงโจวถึงไปอยู่บนเกาะเซ่าหมิง ลำแสงเซียนสายนั้นมันคืออะไรกัน แล้วในตอนที่สายฟ ฟ้าเหล่านั้นจะกระหน่ำฟาดลงไปยังนักพรตไท่ผิง เหตุใดนักพรตหลิ่วฉือถึงได้ไปปรากฏตัวอยู่ตรงนั้น
เหล่าศิษย์สำนักชิงซานรู้เพียงว่าลำแสงเซียนสายนั้นทำให้เกิดสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้เจ้าสำนักได้รับบาดเจ็บ แต่ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดก็คือถงเหยียน!
ปรมาจารย์สำนักเสวียนอินเห็นว่าสายฟ้าหายไปหมดแล้ว จึงรีบบินกลับมาหาอินซาน เขาอยู่ห่างจากถงเหยียนไม่ไกล สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ
ลำแสงกระบี่จำนวนหลายร้อยสายฟันลงมา ปรมาจารย์สำนักเสวียนอยู่ข้างๆ ไม่ว่ามองอย่างไรถงเหยียนก็ต้องตายแน่นอน
ต่อให้บนเรือเมฆของสำนักจงโจวจะยังมียอดฝีมืออย่างนักพรตไป๋อยู่ก็ไม่มีทางช่วยเขาได้ทัน
ไม่ว่าใครต่างก็คิดไม่ถึง จู่ๆ ถงเหยียนจะหายตัวไปจากในซากปรักหักพัง
หลังจากนั้น เขาก็ไปปรากฏตัวอยู่ในเรือเมฆ