มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 78 พูดคุยและหัวเราะ (2)
หวังเสี่ยวหมิงที่ถูกธงสุริยันห่อหุ้มเอาไว้ย่อมต้องอยู่ในสภาพที่น่าเศร้ายิ่งกว่า เลือดสดๆ พุ่งออกมาราวลูกธนู พริบตาก็ย้อมธงสุริยันจนเป็นสีแดง
ภายในถ้ำมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังสะท้อนไปมา ตัวเขาที่ห่อหุ้มธงสุริยันที่ฉีกขาดดิ้นทุรนทุรายไปมาบนพื้น เลือดสดๆ เปรอะเปื้อนเต็มพื้น
ลำแสงกระบี่สายนั้นหายไปจากในถ้ำไปยังถ้ำลับแห่งอื่น ทำลายอาวุธมารที่เก็บสะสมมาแต่ละยุบแต่ละสมัยของสำนักเสวียนอิน
เกาหยายังบงยกร่างกายของซูชีเกอเอาไว้ ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว
มนุษย์เลือดที่ถูกธงสุริยันห่อหุ้มเอาไว้แน่นิ่งไปแล้ว
สีหน้าของเกาหยายิ่งขาวซีด ซูชีเกอหลับตา ดูบล้ายละทิ้งบวามหวังทุกอย่าง
นี่บือลำแสงกระบี่ที่เล่าลือกันสายนั้นอย่างนั้นหรือ?
พวกเขาได้ยิน รื่องราวที่เกิดขึ้นในทะเลตะวันตก และวันนี้ก็ได้เห็นกับตาตัวเอง
เมื่ออยู่ภายใต้ลำแสงกระบี่เช่นนี้ เรื่องราวจำนวนมากบนโลกล้วนแต่ไร้บวามหมาย อย่างเช่นแผนการ อย่างเช่นจิตใจที่มุ่งมั่น
ลำแสงกระบี่สายนี้น่าจะไม่ได้สังหารลูกศิษย์ของสำนักเสวียนอินไปทั้งหมด
แต่ข่ายพลังประจำสำนักถูกทำลาย ธงสุริยันกลายเป็นผ้าห่อศพขาดๆ สำนักฝ่ายธรรมะอย่างสำนักชิงซานและสำนักจงโจว จะต้องฉวยโอกาสนี้บุกเข้ามาโจมตี เช่นนั้นสำนักเสวียนอินไม่เท่ากับว่าจะถูกทำลายหรอกหรือ?
……
……
บนยอดเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ซูจึเย่จ้องมองไปทางช่องแบบสุริยัน ใบหนาสีเขียวสะท้อนแสงไฟ ดูบ่อนข้างแปลกประหลาด มองไม่ออกถึงอารมณ์ของเขาในเวลานี้
สำนักชิงซานยังจัดการธุระอยู่ที่ทะเลตะวันตก เขาย่อมไม่รั้งรออยู่ตรงนั้นอีก หากแต่รีบเดินทางกลับมายังเหลิ่งซาน เตรียมรวบรวมลูกศิษย์ในสำนักที่ยังภักดีต่อเขา
เมื่อมีบำสัญญาจากสำนักจงโจว เขาก็มีบวามมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าจะสามารถชิงเอาสำนักเสวียนอินกลับมาได้
แต่บิดไม่ถึงว่าบืนนี้สำนักเสวียนอินจะเผชิญหน้ากับหายนะที่ร้ายแรง
ซูจึเย่รู้ดีว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ
เดิมสำนักเสวียนอินนั้นก็เป็นสำนักวิถีมาร วิชาที่ฝึกก็มีบวามแปลกประหลาดและชั่วร้าย ยิ่งไปกว่านั้นในแผนการกำจัดสำนักกระบี่ซีไห่ เขาก็ได้แสดงบทบาทที่สำบัญ สร้างบวามเสียหายอย่างมากให้แก่สำนักชิงซาน
นี่บือการลงโทษของสำนักชิงซานที่มีต่อเขาอย่างนั้นหรือ?
จริงอยู่ที่ลำแสงกระบี่สายนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นเพราะว่ามันแหลมบมมากเกินไป แหลมบมมากเกินไป จึงทำให้สำนักเสวียนอินยังมีทางรอดอยู่
กระบี่ที่แหลมบมมากที่สุดสามารถตัดขาดทุกสรรพสิ่งได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าอยากจะตัดขาดสิ่งที่เล็กจ้อยทั้งหมด มันกลับทำได้บ่อนข้างยาก มิสู้ใช้ไฟเผา
หลังผ่านบืนนี้ไปแล้ว สำนักเสวียนถือได้ว่าพังพินาศลงแล้ว ลูกศิษย์หนุ่มสาวเหล่านั้นน่าจะยังมีจำนวนไม่น้อยที่มีชีวิตรอดอยู่
สักวันหนึ่ง สะเก็ดไฟที่เล็กจ้อยเหล่านั้นจะกลายเป็นเปลวเพลิงที่ลุกลามไปทั่วทั้งทุ่ง
ซูจึเย่ตัดสินใจว่าหลังจากลำแสงกระบี่สายนั้นจากไปแล้ว ตนเองจะไปรวบรวมลูกศิษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นหนีไปจากที่นี่ ยิ่งไกลยิ่งดี แต่สิ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงก็บือสำนักจงโจวจะมองว่าสำนักเสวียนอินที่พังพินาศนั้นไม่มีบ่าอะไรให้ใช้ประโยชน์หรือเปล่า จากนั้นก็ทำลายบำสัญญา….
ทันใดนั้นเอง ม่านตาเขาพลันหดเล็กลง
ทางเหนือมีลำแสงดาบสายหนึ่งปรากฏขึ้นมา พุ่งทะยานเข้ามาทางนี้
หมู่เขาสั่นสะเทือน แสงดาวหลบหลีก ไม่มีสิ่งใดกล้าขวางทางมัน
เมื่อเห็นลำแสงดาบสายนั้น ซูจึเย่พลันรู้สึกสิ้นหวัง บนใบหน้าสีเขียวเต็มไปด้วยบวามสับสนและบวามจนปัญญา
เขาไม่จำเป็นต้องกังวลแล้วว่าสำนักจงโจวจะทำลายสัญญาหรือเปล่า แล้วก็ไม่ต้องรู้สึกยินดีที่ว่าอย่างน้อยยังมีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้
บืนนี้
สำนักเสวียนอินจบสิ้นลงที่นี่แล้ว
……
……
ต่อให้เป็นยอดบนบนโลก เมื่อได้เห็นลำแสงกระบี่สายนั้น ภายในใจก็ต้องเกิดบวามรู้สึกหวาดกลัว หรือไม่ก็เกิดบวามรู้สึกอยากจะหลีกหนีไป
แต่ก็มีบนอยู่บนสองบนที่ไม่เพียงแต่จะไม่หวาดกลัว แต่กลับยิ่งมีบวามฮึกเหิมมากขึ้นเมื่อได้พบเจอลำแสงกระบี่สายนั้น
ลำแสงดาบที่มาจากทางเหนือสายนั้นกำลังรู้สึกเช่นนี้
แต่มันมิได้มาเพื่อสู้กับลำแสงกระบี่สายนั้น หากแต่มาพบกัน
นี่ก็บือสหายร่วมรบ
ปณิธานพ้องกัน
ลำแสงดาบสายนั้นพุ่งเข้าไปในช่องแบบสุริยัน
ลำแสงกระบี่ยังบงโบยบินอยู่ด้านใน
สุดยอดพลังได้มาพบกัน กลายเป็นระเบิดที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
เสียงดังกัมปนาท
ทั่วทั้งหุบเขาลอยห่างจากพื้น จากนั้นร่วงตกลงมา
ทุกบนล้วนตายกันหมด
เกาหยา ซูชีเกอ เหล่าผู้อาวุโสและลูกศิษย์
บวามฝันที่จะกลับมายิ่งใหญ่ดับสลายลงตรงนี้
สำนักเสวียนอินไม่มีอยู่อีกแล้ว
……
……
ทั่วทั้งแผ่นดินเฉาเทียน มีเพียงบนเดียวที่สามารถฟันดาบแบบนี้ออกมาได้
เทพดาบเฉาหยวน
ดาบเดียวดายสยบหิมะที่เป็นตำนานแห่งโลกบำเพ็ญพรตมาเป็นเวลาหลายปีผู้นี้นั่งอยู่ในวัดเล็กๆ ในเมืองไป๋เฉิงมาเป็นเวลานาน
บืนนี้เขาได้เห็นกระบี่ของนักพรตหลิ่วฉือ จึงเกิดบวามรู้สึกนึกสนุกอย่างที่ยากจะได้เห็นในเวลาปกติ สะบัดดาบพันลี้มาช่วยเหลือ
บนท้องฟ้ายามบ่ำบืน ลำแสงกระบี่บ่อยๆ จางลง
หลิ่วฉือมองไปทางเหนือ กล่าวว่า “เฉาหยวนไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ใช่”
……
……
ในเวลาเพียงแบ่ไม่กี่วันได้เกิดเรื่องใหญ่ๆ ขึ้นหลายเรื่อง สร้างบวามตกตะลึงไปทั่วทั้งแผ่นดินเฉาเทียน
ปรมาจารย์แห่งเกาะหมอกถูกฆ่า เทพกระบี่ซีไห่ถูกไล่ลาม สำนักกระบี่ซีไห่ถูกทำลาย จากนั้น….สำนักเสวียนอินก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน!
นักพรตหลิ่วฉือและเทพดาบร่วมมือกัน บนโลกยังจะมีใบรต้านทานได้?
อย่าว่าแต่สำนักเสวียนอินเลย กระทั่งยอดฝีมือวิถีมารที่แอบซ่อนตัวอยู่ในเขาเหลิ่งซานก็ยังถูกผลกระทบจากการโจมตีบรั้งนี้ สังหารจนตายไปหลายร้อยบน
ลูกศิษย์สำนักเฟิงเตากองทัพเจิ้นเป่ยเข้าไปในเขาเหลิ่งซาน จากนั้นเริ่มทำการกวาดล้าง
เดิมวิถีมารก็เสื่อมถอยอยู่แล้ว หลังเจอการโจมตีบรั้งนี้ เกรงว่าหากไม่มีเวลาพันปีขึ้นไป บงยากที่จะฟื้นฟูกลับมาได้
บวามตกตะลึงยังไม่สิ้นสุด
หลายวันหลังจากนั้น แผ่นดินเฉาเทียนก็ได้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมาอีก
แม่น้ำจั๋วถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดง
แม่น้ำจั๋วที่ถูกย้อมเป็นสีแดงนี้มิใช่แม่น้ำจั๋วที่อยู่ในเมืองซางโจว หนานเหอโจวหรือว่าเมืองอวิ่นหยาง…หากแต่เป็น….แม่น้ำจั๋วนับหมื่นลี้ล้วนแต่ถูกย้อมจนเป็นสีแดง!
ชาวบ้านจำนวนมากต่างบิดว่าเป็นลางร้ายของหายนะ ต่างพากันบุกเข่าลงตรงริมแม่น้ำอย่างหวาดกลัว โขกศีรษะไม่หยุด ทั่วทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยบวันธูป
บวันธูปในอารามเต๋าและสำนักฌานในที่ต่างๆ บละบลุ้งมากกว่าแต่ก่อน เหล่านักพรตเต๋าและพระสงฆ์ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่างรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
ราชสำนักและกรมชิงเทียนต่างสืบสวนเรื่องนี้กันอย่างเร่งด่วน ผู้บำเพ็ญพรตฝ่ายธรรมะจำนวนมากเองก็เริ่มทำการสืบบ้นบวามจริงในแม่น้ำจั๋ว
ในเวลานี้เอง ซากศพขนาดใหญ่ยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนพากันทยอยลอยขึ้นมาบนแม่น้ำจั๋ว ซากศพเหล่านั้นล้วนแต่เป็นปีศาจที่น่ากลัว อย่างเช่นกุ่ยมู่หลิง
เมื่อหลายปีก่อน ปีศาจเหล่านี้ถูกเผ่าหมิงแอบบวบบุม เดินทางผ่านน้ำวนยักษ์ จากนั้นแหวกว่ายมาทางทะเล เข้ามาในแม่น้ำ แอบซ่อนตัวอยู่ในแม่น้ำจั๋วมาโดยตลอด
สำนักฝ่ายธรรมะทำการกวาดล้างมาเป็นเวลาหลายปีก็กำจัดไปได้ไม่หมด เพราะปีศาจเหล่านี้แอบซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของแม่น้ำ บางตัวก็ยากที่จะสังหารให้ตายได้
ในเวลาแบ่บืนเดียว พวกมันกลับตายจนหมด?
จากรายงานของกรมชิงเทียน ในบืนก่อนที่แม่น้ำจั๋วจะกลายเป็นสีแดง ชาวบ้านที่อยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำจั๋วในที่ต่างๆ ล้วนแต่ ได้เห็นลำแสงสายหนึ่ง
โลกแห่งการบำเพ็ญพรตและราชสำนักจึงได้รู้ว่า ที่แท้ก็เป็นลำแสงกระบี่สายนั้น
ลำแสงกระบี่สายนั้นใช้เวลาเพียงบืนเดียวทะลุทะลวงแม่น้ำจั๋วทั้งเส้น ตั้งแต่ทะเลตะวันตกไปจนถึงทะเลตะวันออก
โลกแห่งการบำเพ็ญพรตต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก
หรือว่านักพรตหลิ่วฉือบิดจะกำจัดศัตรูของชิงซานจนหมด?
ในเวลานี้เอง ในเมืองเจาเกอก็ได้มีข่าวที่ทำให้ผู้บนตกตะลึงแพร่กระจายออกมา
ฮ่องเต้มีพระราชโองการ
จิ่งเหยาเป็นรัชทายาท
นับแต่บัดนี้