มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 8 ลับกระบี่ (1)
จิ๋งจิ่วนั่งอยู่บนกระบี่คมจักรวาล แหวกเมฆทะยานออกมาจากยอดเขาเสินม่อ ก่อนจะบินลงมายังเมืองอวิ๋นจี๋
เขาเดินเข้าไปในเหลาสุราแห่งนั้น กระทั่งน้ำแกงสีขาวภายในหม้อเดือดจนลดลงเหลือน้อยกว่าหนึ่งข้อนิ้ว รถม้าก็มาถึง
หน้าต่างเครื่องเคลือบที่อยู่บนเพดานรถถูกเปลี่ยนใหม่ ตระกูลกู้ยังคงจัดการได้อย่างเหมาะสม
หลังจากนั้นหลายวัน รถม้าก็มาถึงเมืองเฉาหนาน จิ่งจิ่วเดินเข้าไปในเรือนเป่าซู่ ทิ้งใบรายชื่อเอาไว้แล้วจึงออกมา
เจ้าแห่งเรือนเป่าซู่มองดูชื่อของวิเศษที่อยู่บนใบรายชื่อ บนใบหน้ามีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด ในใจครุ่นคิดว่าของวิเศษเหล่านี้ถ้าไม่ใช่ของวิเศษประจำสำนักไหน ก็เป็นของวิเศษในตำนานที่หายสาบสูญไปนานแล้ว แล้วตนเองจะไปหามาจากไหน?
จิ๋งจิ่วมิได้นั่งรถอีก เขาซื้อหมวกลี่เม่ามาใบหนึ่ง จากนั้นเดินออกมาจากเมืองเฉาหนาน ใช้เวลาไม่กี่วันก็มาถึงริมทะเลสาบต้าเจ๋อ
ทะเลสาบต้าเจ๋อในช่วงฤดูร้อนมิได้มีลมพัดเย็นสบายเหมือนอย่างที่ผู้คนคิดเอาไว้ หากแต่ร้อนอบอ้าวเนื่องจากถูกไอน้ำที่ระเหยขึ้นไปปกคลุมเอาไว้ ต่อให้ไม่ขยับก็ยังมีเหงื่อไหลออกมาตลอดเวลา เหมือนกับเจ้าแห่งเรือนเป่าซู่ผู้น่าสงสารคนนั้น
และอาจเป็นเพราะเหตุนี้ บนถนนในเมืองเล็กถึงได้มองไม่เห็นผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงเสียงร้องของจักจั่นและกบที่ดังสลับกันขึ้นมาไม่หยุด
ร่างกายของจิ๋งจิ่วต่อให้เป็นลาวาที่ร้อนระอุก็สามารถแช่อยู่ได้หลายชั่วยาม เช่นนั้นเขาก็ย่อมไม่มีเหงื่อออกเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว เขาสวมหมวกลี่เม่ายืนอยู่บนถนน ฟังเสียงจักจั่นและเสียงร้องของกบอย่างเงียบๆ แล้วก็ฟังเสียงความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังเสียงร้องเหล่านี้
หลังจากที่ผู้ฝึกกระบี่ของชิงซานบรรลุสภาวะขั้นสมความนึกคิดแล้ว พวกเขาสามารถรับรู้เสียงทุกเสียงที่อยู่ภายในระยะหลายสิบจ้างได้ อย่างเช่นเสียงร้องของแมลงและเสียงหญ้าที่ขยับ ความสามารถในการรับรู้ของจิ๋งจิ่วนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นไม่รู้กี่เท่า หากมิเป็นเพราะเขาใช้วิชาฌานของวัดกั่วเฉิงผนึกความสามารถในการรับรู้บางส่วนเอาไว้ ต่อให้เป็นเสียงถูขาของจักจั่นเหมันต์ เมื่ออยู่ข้างหูเขามันก็สามารถดังกัมปนาทจนน่ากลัวเหมือนอย่างเสียงฟ้าคำรามได้
ในเวลานี้เขาเปิดสัมผัสทั้งห้าออกทั้งหมด เสียงทุกเสียงที่อยู่ในเมืองเล็กไปจนถึงทะเลสาบต้าเจ๋อไหลทะลักเข้ามาในหูเขาทันที
ในเรือนทางตะวันตกหลังนั้นมีผู้ชายสองสามคนกำลังเอาเท้าแช่ในถังน้ำพลางเล่นไพ่นกกระจอก สบถคำหยาบคายออกมาไม่หยุด กระทั่งเสียงนิ้วมือที่เสียดสีกับรูปบนตัวไพ่นกกระจอกของชายแก่เหล่านั้นเขาก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน ในใจคิดว่าเจ้าจะชนะไพ่ถง แต่จับได้ไพ่ไก่ แล้วจะตื่นเต้นขนาดนี้ทำไม?
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่ฟังดูวุ่นวายมาจากในทะเลสาบ ดังสวบสาบๆ ไม่หยุด นั่นคือเสียงกุ้งกำลังกินดิน ปลากำลังกินหญ้าน้ำ จากนั้นก็ถูกปลาตัวใหญ่กินไป สุดท้ายปลาตัวใหญ่ที่โลภมากตัวนั้นก็ถูกปลาปลอมที่ทำจากไม้ตกขึ้นไปบนผิวน้ำ กลายอาหารมื้อเย็นอยู่ในจานของชาวประมง เช่นนั้นชาวประมงลำบากเพื่อใครกันล่ะ?
จิ๋งจิ่วสวมหมวกลี่เม่าเดินไปบนถนนที่ร้อนอบอ้าวและไร้ซึ่งผู้คน มิได้รู้สึกคลุ้มคลั่งเพราะเสียงเหล่านี้ แล้วก็มิได้เกิดความรู้สึกทอดถอนใจอะไรนัก เพียงแต่ตั้งใจหาสิ่งที่ดูไม่เป็นธรรมชาติที่อยู่ในเสียงวุ่นวายในธรรมชาติเหล่านี้ และนี่ทำให้เขาต้องใช้เวลาไปถึงสองชั่วยามเต็มๆ
ภายในท่อระบายน้ำที่มืดมิดของเมืองเล็กมีหอบกาบอยู่ตัวหนึ่ง เสียงที่ไม่เป็นธรรมชาตินั้นมาจากที่นี่
หอยพ่นน้ำเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ปกติ ถึงแม้หอยกาบตัวนี้จะเล็กเป็นอย่างมาก แต่เปลือกของมันกลับสะอาดสะอ้าน ดูแล้วเหมือนหอยที่ตายแล้ว
จิ๋งจิ่วเดินไปนั่งยองๆ ลงตรงหน้าท่อระบายน้ำ พูดกับหอยกาบตัวนี้ว่า “ความแค้นของเจ้ากับชิงซานมีน้อยที่สุด ความจริงหากมิเป็นเพราะศิษย์พี่คอยยุแยง ความแค้นเหล่านั้นก็อาจจะไม่มีอยู่ ข้าว่าพวกเราสามารถตกลงเรื่องบางเรื่องได้”
หอยกาบตัวนั้นขยับเล็กน้อย มิได้ตอบสนองอะไรมากกว่านี้
คนที่จิ๋งจิ่วต้องการจะหาคือฮ่องเต้เซียว หากมิเป็นเพราะได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง เขาเองก็คงคิดไม่ถึงว่าผู้หลบหนีกระบี่ผู้นี้จะใช้ชีวิตอยู่ในหอยกาบ แต่เมื่อคิดถึงคำพูดที่กล่าวกันว่าให้ทำเรื่องที่ซับซ้อนในสถานที่ที่เรียบง่าย เช่นนี้การที่อีกฝ่ายมาอยู่ในหอยกาบก็ดูคล้ายจะเป็นเรื่องธรรมชาติ
เปลือกหอยกาบเป็นแค่การอำพราง สิ่งที่คอยปกป้องฮ่องเต้เซียวและทำให้เขาสามารถหลบการค้นหาของข่ายพลังกระบี่ชิงซานได้สำเร็จยังคงเป็นกระดองเต่าอันนั้น
ต่อให้มือขวาของจิ๋งจิ่วมิได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่แน่ว่าจะฟันกระดองเต่าอันนั้นได้
เสียงของฮ่องเต้เซียวดังลอดออกมาจากในเปลือกหอย “พวกเจ้ารู้มาตลอดว่าข้าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังทำอะไรข้าไม่ได้ แล้วทำไมข้าต้องขายนักพรตให้เจ้าด้วย? หรือเจ้ายังสัญญาได้ว่าจะไม่ฆ่าข้า?”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ามาหาเจ้ามิใช่เพราะเรื่องนั้น ข้าเพียงแต่อยากจะยืมกระดองเต่าของเจ้าใช้หน่อย”
ฮ่องเต้เซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงหมดคำพูด “ถ้าข้าเอากระดองเต่าให้เจ้ายืม นั่นมิเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายหรอกรึ?”
จิ๋งจิ่วครุ่นคิด พบว่าเป็นจริงดั่งว่า ไม่ว่าอย่างไรฮ่องเต้เซียวก็ไม่มีทางรับปากคำขอของตนอย่างแน่นอน
เขามองดูมือขวาที่เปลี่ยนรูป ในใจครุ่นคิดว่าเช่นนั้นก็มีแต่ต้องหาวิธีอื่นแล้ว
ในเวลานี้เอง บนผิวทะเลสาบต้าเจ๋อพลันมีลมกระโชกขึ้นมา
พลังที่แผ่กระจายออกมาในตอนที่ฮ๋องเต้เซียวพูดได้ทำให้ยอดฝีมือของต้าเจ๋อที่คอยตรวจตราเมืองเล็กอย่างเข้มงวดรู้ตัวเข้า อีกฝ่ายกำลังใช้วิชาลมฝนรีบมาที่นี่
ชิงซานมีความสัมพันธ์ที่ดีกับต้าเจ๋อ แต่ถ้าเจอกันก็รู้สึกยุ่งยากเช่นเดียวกัน จิ๋งจิ่วหมุนตัวเดินจากไป
……
……
หอยกาบตัวนั้นอาจจะลงไปอยู่ในส่วนลึกของทะเลสาบต้าเจ๋อ แล้วก็อาจจะหลบอยู่ในบ่อน้ำของบ้านใดบ้านหนึ่ง ฮ่องเต้เซียวหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ของต้าเจ๋อมานานหลายปีขนาดนี้ ข่ายพลังกระบี่ชิงซานเองก็ฆ่าเขาไม่ตาย ขอเพียงเขาไม่ออกมา ใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาไม่ส่งเสียงออกมา ต่อให้เป็นจิ๋งจิ่วก็ไม่มีทางหาเขาเจออีก
จิ๋งจิ่วเดินลงไปบนในทะเลสาบ โบกมือปัดหญ้าน้ำที่น่ารำคาญและปลาตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องราวออกไป เมื่อคิดถึงเสียงดีใจที่ชนะไพ่นกกระจอกที่ตนเองได้ยินก่อนจะที่เดินลงมาในทะเลสาบต้าเจ๋อ ในใจก็ครุ่นคิดว่าที่แท้คนเหล่านั้นกำลังเล่นไพ่นกกระจอกของเมืองชิ่งเฉิงอยู่ มิน่าในมือถือไพ่ถง แต่พอจับได้ไพ่ไก่กลับดีใจขนาดนั้น
ทะเลสาบต้าเจ๋อกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก น้ำเองก็ลึกเป็นอย่างมาก ยิ่งเดินลึกลงไป แสงสว่างก็ยิ่งน้อยลง หญ้าน้ำก็ยิ่งน้อยลง กลายเป็นพื้นทรายสีขาวที่ดูรกร้าง ปลาเล็กปลาน้อยก็ถูกปลาตัวใหญ่ที่ดูอัปลักษณ์และดุร้ายและสัตว์แปลกๆ เข้ามาแทนที่ ในตอนที่จิ๋งจิ่วเดินลงมาถึงกึ่งกลางทะเลสาบต้าเจ๋อที่ลึกประมาณร้อยจ้าง ก้นทะเลสาบก็ไม่มีแสงสว่างแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างมืดมิดเหมือนในเวลากลางคืน แต่แน่นอนว่านี่มิได้มีผลกระทบใดๆ ต่อการมองเห็นของเขา ในตอนที่มังกรเจียวประหลาดที่ลำตัวเปล่งแสงสีเงินว่ายเข้ามาแต่ไกล เขาก็หยุดฝีเท้าลง
ตัวเขาที่หยุดนิ่งเป็นเหมือนดั่งก้อนหิน ไม่มีลมหายใจแล้วก็ไม่มีกลิ่น ไม่มีความรู้สึกของชีวิต อย่าว่าแต่มังกรเจียวประหลาดสีเงินเลย ต่อให้เป็นสัตว์เทพที่มีระดับชั้นสูงกว่านี้ก็ยากจะพบตัวเขาได้ — ยกเว้นก็แต่พวกสัตว์เทพชนิดพิเศษอย่างชางหลงและซือโก่ว
ที่ผ่านมาเวลาออกมาจากชิงซาน เขามักจะพาหลิวอาต้าออกมาด้วย นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าตนเองจะต้องพบเจอกับปัญหายุ่งยากและศัตรูที่แข็งแกร่ง แต่เขาออกมาจากชิงซานครั้งนี้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เช่นนั้นเขาย่อมไม่ไปหาเรื่องพวกศัตรูที่แข็งแกร่งเหล่านั้น เมื่อไม่มีใครพบเห็นตัวเขาก็ย่อมไม่มีปัญหายุ่งยาก
หลังจากนั้นหลายวันเขาก็เดินออกมาจากในทะเลสาบ น้ำไหลลงมาจากหมวกลี่เม่าและเสื้อผ้า เปียกโชกพื้นทรายที่อยู่ใต้เท้า
ที่นี่คือชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบต้าเจ๋อที่อยู่ห่างออกมาหลายร้อยลี้ ในน้ำตื้นๆ มีต้นอ้อเล็กสีเขียวขึ้นหนาทึบ ด้านหน้าคือป่าทึบ ไม่มีร่องรอยผู้คน
จิ๋วจิ่วขยับความคิด เพลิงกระบี่ลุกไหม้ออกมาจากในร่างกาย เผาน้ำทะเลสาบที่อยู่บนร่างกายจนแห้งอย่างรวดเร็ว แต่เขากลับลืมไปว่าตัวเองยังใส่หมวกลี่เม่าอยู่
หมวกลี่เม่าสลายกลายเป็นควัน ใบหน้าของเขาเปิดเผยออกมา
นกนางนวลทรายหลายสิบตัวบินกลับมาจากบนทะเลสาบ เตรียมจะกลับมายังรังที่อยู่ในดงอ้อ ทันใดนั้นพลันเห็นตัวเขาที่อยู่บนหาดทราบ จึงตกใจจนปลาที่คาบอยู่ในปากร่วงตกลงมา
จิ๋งจิ่วยื่นมือไปตัดต้นอ้อเล็ก ก่อนจะถักมันเป็นหมวกอย่างง่ายๆ ด้วยมือข้างเดียวเหมือนตอนที่ถักเปียให้เจ้าล่าเยวี่ย จากนั้นสวมมันไปบนหัว
ร่างเขาหายไปในป่า
ไม่มีใครรู้ว่าเขามาที่นี่ แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะไปที่ไหน ต่อให้เป็นพวกผีที่อยู่ในชิงซานก็ไม่รู้