มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 81 กระบี่ที่อยู่ในกล่อง
เรือกระบี่ของยอดเขาปี้หูรั้งอยู่ที่ทะเลตะวันตกเป็นเวลาหลายวัน ด้วยนิสัยที่ละเอียดรอบคอบของเฉิงโหยวเทียนแล้ว ไม่มีทางที่จะเกิดความผิดพลาดใดๆ อย่างแน่นอน ตัวเขาเองก็ได้ค้ นหาดูสมบัติของสำนักกระบี่ซีไห่ไปเป็นจำนวนมากแล้ว แต่กลับไม่พบร่องรอยของกระบี่พรหมจรรย์เล่มนั้น เห็นได้ชัดว่ามีปัญหา
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่บนเกาะนั้นกี่วัน แล้วก็ไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีอะไรถึงปิดบังได้แม้กระทั่งชิงเอ๋อร์ แต่ข้ารู้ว่ามันอยู่ในมือเจ้า”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ตอนนี้นักพรตไป๋ไม่สืบ แต่สักวันนางจะต้องคิดถึงเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะมอบหรือไม่มอบ? ดังนั้นเจ้าก็เลยหนีมา”
นี่เป็นคำพูดที่แทงใจดำ แล้วก็เป็นการคาดคะเนที่มีเจตนาร้ายอย่างมาก
ถงเหยียนดึงสายตากลับมา จากนั้นเริ่มเล่นหมากล้อมกับตัวเองต่อ มิได้กล่าวอะไร
“กระบี่เล่มนั้นเป็นของข้า เป็นของข้ามาโดยตลอด” จิ๋งจิ่วกล่าว
เมื่อนานมาแล้ว นักพรตเต้าหยวนพาตัวเขาจากเมืองเจาเกอมายังชิงซาน
หลังจากนั้นอีกหลายปี นักพรตเต้าหยวนถูกหนานชวีลอบโจมตีจนเสียชีวิต ก่อนตายเขาได้ฟันต้นไม้แห่งเต๋าของหนานชวี ชิงเอากระบี่พรหมจรรย์มา แล้วมอบมันให้จิ๋งจิ่ว
เมื่อสามร้อยปีก่อน จิ๋งจิ่วมอบมันให้แก่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เพิ่งจะสูญเสียบิดาของตัวเองไปเพื่อเป็นการปลอบใจ แล้วก็ถือเป็นการเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ให้แก่เขาด้วย
เขาไม่ได้พูดผิด กระบี่พรหมจรรย์เป็นของเขามาโดยตลอด ตอนนี้หนานชวีตายแล้ว อย่างนั้นมันก็ยิ่งควรจะเป็นของเขา หากเป็นเมื่อก่อนในตอนที่บนกระบี่พรหมจรรย์ยังมีตราประทับอยู่ เขา าไหนเลยต้องมาถามถงเหยียน เพียงแต่เมื่อครั้งนั้นตอนที่เผยไป๋ฟ่าสังหารซีหวังซุน กระบี่พรหมจรรย์ได้ถูกหลอมขึ้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ตราประทับก็เลยหายไป
อาจเป็นเพราะฟังออกถึงท่าทีที่อยู่ในน้ำเสียงที่เรียบเฉยของจิ๋งจิ่ว ถงเหยียนจึงเงยหน้าขึ้นกล่าวถามว่า “แล้วข้าจะได้ประโยชน์อะไร?”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “วิชาลับของยอดเขาทั้งเก้า เจ้าเลือกได้ตามสบาย”
ถงเหยียนกล่าวว่า “ข้าฝึกวิชาเต๋า”
วิชาเต๋าที่ดีที่สุดบนโลกล้วนแต่อยู่ที่สำนักจงโจว สำนักชิงซานเองก็ยอมรับในจุดนี้
ถงเหยียนกล่าวต่อว่า “….ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อข้าเป็นศิษย์ชิงซานแล้ว สิ่งเหล่านี้มันก็เป็นสิทธิ์ที่ข้าควรจะได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
……
……
เมืองไห่โจวในตอนนี้ซบเซาเป็นอย่างมาก บนถนนมองไม่เห็นผู้คนเดินไปเดินมา ร้านหม้อไฟที่อินซานและประมาจารย์สำนักเสวียนอินเคยกินก็ปิดร้านเช่นเดียวกัน
ถึงแม้การต่อสู้ระหว่างสำนักบำเพ็ญพรตจะอยู่บนท้องฟ้า แต่คลื่นที่หลงเหลือเหล่านั้นก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างบนโลกมนุษย์
เฉิงโหยวเทียนนั่งอยู่บนป้อมประตูเมือง มองดูกล่องที่ลูกศิษย์ส่งมาให้กล่องนั้น คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย
ภายในกล่องมีไข่มุกเม็ดใหญ่อยู่เม็ดหนึ่ง ล้ำค่าเป็นอย่างมาก แต่เขายังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดทางสำนักถึงให้ความสำคัญกับมันถึงเพียงนี้ ถึงขนาดให้ตัวเองนำมันส่งกลับไปยังชิงซานด้วย ยตัวเอง?
นี่คือไข่มุกที่ศิษย์ยอดเขาปี้หูหาเจอจากในเศษซากของสำนักกระบี่ซีไห่ หลังทำหมายเลขเสร็จก็ถูกวางไว้ในเรือกระบี่ จนกระทั่งในเวลานี้ถึงจะถูกหยิบออกมา
คิดไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปคิด เฉิงโหยวเทียนขี่กระบี่บินขึ้นฟ้า
ครั้งนี้ไข่มุกเม็ดนั้นไม่จำเป็นต้องเดินทางเป็นหมื่นลี้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องแอบซ่อนอยู่ในท้องปลาแล้วค่อยให้ตระกูลกู้หาวิธีส่งเข้าไปในชิงซานอีก
หลังจากนั้นหลายวัน กล่องที่บรรจุไข่มุกเม็ดนั้นก็ถูกส่งกลับไปถึงชิงซาน มันถูกส่งขึ้นไปยังยอดเขาซั่งเต๋อก่อน แล้วค่อยถูกหยวนฉวี่อุ้มกลับมายังยอดเขาเสินม่อ
จิ๋งจิ่วนั่งอยู่ริมหน้าผา รับเอากล่องใบนั้นมา ก่อนจะเปิดมันออกต่อหน้าหยวนฉวี่และผิงหย่งเจียที่มองดูอย่างอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเห็นไข่มุกเม็ดใหญ่ที่เปล่งประกายเย็นยะเยือกออกมาเม็ดนั้นและรับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณของฟ้าดินที่แอบซ่อนอยู่ด้านใน ผิงหย่งเจียก็อดรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาไม่ได้ เขามองดูอัก กขระที่แกะสลักเอาไว้บนกล่อง พลางกล่าวทอดถอนใจว่า “โชคดีที่บนกล่องมีข่ายพลัง ไม่อย่างนั้นถ้าพลังวิญญาณไหลออกมาด้านนอก จะต้องมีพวกมารชั่วเข้ามาแย่งแน่ๆ “
หยวนฉวีมองดูเขาพลางยิ้มเย้ยหยัน กล่าวว่า “อาจารย์อาเฉิงโหยวเทียนเป็นคนส่งมันกลับมาด้วยตัวเอง ใครหน้าไหนจะกล้าดีเข้ามาแย่ง?”
แมวขาวมองดูเขาพลางยิ้มเย้ยหยัน ในใจครุ่นคิดว่าเจ้าจะไปรู้อะไร
จิ๋งจิ่วหยิบเอาไข่มุกเม็ดนั้นออกมา ก่อนจะโยนไปให้แมวขาวเล่น มือซ้ายออกแรงเล็กน้อย เจตน์กระบี่พวยพุ่งออกมา ทำลายข่ายพลังที่วางเอาไว้บนกล่อง
เสียงแคร่กดังขึ้น กล่องไม้แตกกระจายเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นกระบี่เล่มหนึ่งที่แอบซ่อนอยู่ด้านใน
จิ๋งจิ่วคีบกระบี่เล่มนั้นขึ้นมา รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากในกระบี่ กล่าวว่า “ฝีมือวางข่ายพลังของถงเหยียนไม่เลวเลย”
กล่องใบนี้แอบซ่อนอยู่ในห้องสมบัติบนเกาะเซ่าหมิงมาโดยตลอด มันสามารถหลบซ่อนการรับรู้ของอินซานมาได้ แสดงให้เห็นว่าข่ายพลังที่วางเอาไว้บนกล่องไม่เพียงแต่ไม่เลว แต่เรียกได้ว ว่าดีอย่างมาก
ในเวลานี้หยวนฉวี่และผิงหย่งเจียถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขามองดูกระบี่บินที่เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดาเล่มนั้น ต่างคนต่างเหม่อลอยก่อนกล่าวว่า “นี่มันกระบี่อะไรขอรับ?”
จิ๋งจิ่วกล่าว “กระบี่พรหมจรรย์”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ หยวนฉวี่และผิงหย่งเจียยิ่งตกตะลึงเป็นอย่างมาก
แมวขาวเอาไข่มุกเม็ดนั้นวางตั้งไว้บนรอยแตกริมหน้าผา จากนั้นเอาจักจั่นเหมันต์วางขึ้นไปบนไข่มุก
ผิวไข่มุกเรียบลื่นเป็นอย่างมาก จักจั่นเหมันต์ยากจะยืนให้มั่นคงได้ มันลื่นไหลลงมาตลอดเวลา
ทุกครั้งที่มันไหลตกลงมาด้านล่าง แมวขาวจะยื่นอุ้งเท้าไปดึงมันกลับขึ้นไป
“ท่านเตรียมจะเอากระบี่นี้ให้ใคร?” เจ้าล่าเยวี่ยกล่าว
ในอดีตตอนที่อยู่เมืองกุ้ยอวิ๋น นางเคยใช้กระบี่เล่มนี้แทงทะลุร่างกายของลั่วไหวหนาน ความทรงจำฝังลึก
แมวขาวได้ยินคำพูดนี้ก็หันหน้ามองไปเช่นกัน
เสียงตุบดังขึ้นเบาๆ จักจั่นเหมันต์ตกลงบนพื้น หงายท้องชี้ึ้ขึ้นฟ้า
นี่เป็นคำตอบที่ใครๆ ต่างก็อยากรู้
กระบี่มิคำนึงให้เจ้าล่าเยวี่ย
กระบี่ไร้อัตตาอยู่ที่หลิ่วสือซุ่ย เปิดเผยตัวออกมาตอนอยู่ที่ทะเลตะวันตก
กระบี่คมจักรวาลให้กู้ชิง
แมวไม่ใช้กระบี่
ตอนนี้ยอดเขาเสินม่อเหลือเพียงหยวนฉวี่กับผิงหย่งเจียเพียงสองคนเท่านั้น
พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง ต่างสบตากัน มองเห็นความรู้สึกยินดีอย่างคลุ้มคลั่งในดวงตาอีกฝ่าย
จากนั้นคล้ายมีน้ำเย็นถังหนึ่งสาดใส่พวกเขา
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ไม่ได้ให้พวกเจ้า”
หยวนฉวี่และหยวนฉีจิงต่างส่งเสียง ‘อ้อ’ ออกมา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไร
จิ๋งจิ่วโบกมือเพื่อบอกให้ทุกคนแยกย้าย
หยวนฉวี่และหยวนฉีจิงเดินเข้าไปในตำหนัก พูดคุยอะไรกันเสียงเบาๆ
จิ๋งจิ่วนั่งลงริมหน้าผา มองดูขอบฟ้าที่อยู่ไกลออกไป เท้าแกว่งไปแกว่งมา
เพียงแต่ขาของเขาไม่ยาวพอ ดังนั้นจึงแตะไม่ถึงทะเลเมฆ
“อย่างน้อยสายตาในการเลือกลูกศิษย์ของเจ้าก็ดีกว่านักพรตไท่ผิงนัก มีอะไรต้องเศร้าใจล่ะ”
แมวขาวใช้กระแสจิตปลอบเขา
จิ๋งจิ่วมิได้สนใจมัน เขายังคงมองดูขอบฟ้าอย่างเงียบๆ
ริมหน้าผาเงียบสงัด
ความเงียบมักจะหมายถึงความหม่นหมองเศร้าใจ
จักจั่นเหมันต์ถูขาไปมาอย่างระมัดระวัง ส่งเสียงที่แผ่วเบาออกมาเพื่อเตือนทุกคนว่าตนเองยังอยู่ในท่าหงายท้องนะ
มันย่อมต้องสามารถพลิกตัวกลับมาได้ แต่มันไม่แน่ใจว่าในเวลานี้ตัวเองควรจะหงอยท้องเพื่อปลอบให้จิ๋งจิ่วสบายใจหรือเปล่า ดังนั้นมันกำลังรอคำชี้แนะ
แมวขาวยื่นอุ้งเท้าไปพลิกตัวมันกลับมา ในใจคิดว่าเจ้าไม่ใช่แมว นี่เจ้าจะทำอะไร?
ไม่ว่าใครต่างก็มองออกว่าอารมณ์ของจิ๋งจิ่วไม่ดี ทั้งยังรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่กลับไม่สามารถปลอบโยนได้
“อย่าเศร้าไปเลย”
แมวขาวมองดูติ่งหูของเขาที่ถูกหนานชวีตัดไป “อย่างไรเสียหูของเจ้ามันก็กาง ตัดออกไปหน่อยกลับยิ่งน่าดู ถ้าให้ดีก็ตัดข้างนั้นออกไปหน่อยนึงด้วย จะได้เท่ากัน”
มันคิดอยู่ในใจ เพราะอย่างไรเสียข้าก็ตัดไม่ได้อยู่แล้ว นอกเสียจากเจ้าจะตัดเอง หรือว่าเจ้าจะให้เจ้าล่าเยวี่ยดึงมันทุกวัน?
ในขณะที่มันกำลังคิดเช่นนี้ เจ้าล่าเยวี่ยก็ยกมือขึ้นมาลูบติ่งหูของจิ๋งจิ่วที่ขาดไปอย่างแผ่วเบา ในดวงตาที่สีขาวและสีดำแบ่งแยกอย่างชัดเจนของนางไม่ได้มีความเยือกเย็นเหมือนอย ย่างในเวลาปกติ หากแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกปวดใจ
สิ่งที่ทำให้นางปวดใจย่อมมิใช่ติ่งหู หากแต่เป็นเรื่องอื่น
สีหน้าของจิ๋งจิ่วค่อยๆ ดูอ่อนโยนขึ้น น่าจะถูกลูบจนรู้สึกสบาย
เขายื่นมือไปลูบศีรษะแมว
แมวขาวเองก็รู้สึกสบาย ยื่นอุ้งเท้าไปโอบจักจั่นเหมันต์มาไว้ในอ้อมอก
สายลมเย็นสบายพัดผ่านหน้าผา แม้นจะไม่มีเท้ายื่นลงไป แต่ทะเลเมฆก็กระเพื่อมขึ้นมาเบาๆ
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ข้าจะเก็บตัว”
เจ้าล่าเยวี่ยรู้ว่าทำไมเขาถึงจะเก็บตัว จึงกล่าวว่า “ข้าก็เหมือนกัน”
……
……
ก่อนที่ทุกคนบนยอดเขาเสินม่อจะเก็บตัว ฟางจิ่งเทียนก็ได้เริ่มเก็บตัวแล้ว
เขาอยู่ในขั้นแหวกทะเลระดับสูงสุด มีหวังที่บรรลุทะลวงสวรรค์ หากครั้งนี้เก็บตัวเพื่อบรรลุสภาวะ เช่นนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไรเขาจะออกมา
เหล่าลูกศิษย์ของยอดเขาซีไหลต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย ส่วนเหล่าผู้อาวุโสที่รู้สาเหตุเหล่านั้นต่างพากันนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
หลังจากนั้น นักพรตกว่างหยวนก็เริ่มเก็บตัว เจ้าแห่งยอดเขาอวิ๋นสิงก็เริ่มเก็บตัวเช่นกัน ยอดฝีมือของแต่ละยอดเขาทยอยเก็บตัว ศิษย์ของยอดเขาเหลี่ยงว่างอย่างกั้วหนานซานก็เริ่มเก ก็บตัว สุดท้ายกระทั่งหนานว่างและเหล่าศิษย์ผู้หญิงของยอดเขาชิงหรงก็เริ่มเก็บตัวเช่นกัน
ทุกคนต่างเข้าใจว่านี่เป็นเพราะอะไร
สำนักชิงซานในตอนนี้เรียกได้ว่าทั่วทั้งใต้หล้าไร้ผู้ต่อกร แต่ในท้องฟ้ามักจะมีเมฆดำปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่งเสมอ
สักวันหนึ่งฝนฤดูใบไม้ผลิก็จะตกลงมา
หนานว่างเก็บตัว ยอดเขาชิงหรงเองก็ไม่ได้ตามหาสายฟ้าในหน้าร้อน ลมในฤดูใบไม้ผลิ หิมะในฤดูหนาว แล้วก็ยิ่งไม่อยากเห็นฝนในฤดูใบไม้ผลิ ข่ายพลังชิงซานเปิดทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้ ต่างอะไรกับการปิดสำนักเลย
หมู่ยอดเขาเงียบสงัดเป็นอย่างมาก แต่มันไม่เหมือนกับสุสาน เพราะว่าไม่มีความวังเวง ในส่วนที่ลึกที่สุดของความเงียบมีพลังสายหนึ่งกำลังสะสมพลังอย่างช้าๆ
……
……
ในฤดูร้อนหลังจากนั้นอีกสองปี จิ๋งจิ่วเดินออกมาจากถ้ำ
จากธรรมเนียมในการเก็บตัวของยอดเขาเสินม่อ ในเวลานี้เจ้าล่าเยวี่ย หยวนฉวี่และผิงหย่งเจียควรจะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ครั้งนี้เขาจะไปทำเรื่องบางอย่างด้วยตัวเอง จึงไม่ได้ทำให้พวกเรา รู้ตัว
เขาแผ่จิตจำแนกออกไปดูสถานการณ์บนยอดเขา ฝูงวานรมีวานรที่เกิดใหม่ขึ้นมาจำนวนหนึ่ง แล้วก็มีวานรที่ตายไปจำนวนหนึ่ง ม้าที่กินหญ้าอยู่ตรงเนินเขาตัวนั้นยังคงกระปรี้กระเป่าอยู่
แมวขาวนั่งง่วงอยู่ริมผา จักจั่นเหมันต์งีบหลับอยู่บนหัวของมัน ไข่มุกเม็ดโตเม็ดนั้นไม่รู้ว่ากลิ้งตกไปที่ไหนแล้ว
หยวนฉวี่ยังคงพยายามจะบรรลุสภาวะขั้นคเนจร สภาวะของผิงหย่งเจียต่ำต้อยกว่า แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มีกระบี่ สภาวะของเขายังคงยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของเขา นั้นไม่เลวเลยจริงๆ
จิตจำแนกแห่งกระบี่ของเขาลอยเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ พบว่าพลังวิญญาณของเจ้าล่าเยวี่ยเต็มเปี่ยม เจตน์กระบี่ควบคุมตัวเอง อยู่ในช่วงสำคัญของการบรรลุขั้นคเนจรระดับสูงแล้ว จึงรู สึกตกใจเล็กน้อย
ตอนอยู่ที่วัดกั่วเฉิง ในระหว่างที่นางไล่สังหารนักพรตไท่ผิงได้พยายามฝืนบรรลุสภาวะขั้นคเนจรระดับกลาง ที่เพิ่งจะผ่านมากี่ปีเอง?
พรสวรรค์ระดับนี้ ในสำนักชิงซานตอนนี้น่าจะมีเพียงจัวหรูซุ่ยเท่านี้ที่พอจะทัดเทียมกับนางได้
ตอนที่อยู่ในงานชุมนุมแสวงมรรคา จัวหรูซุ่ยได้ผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน เจตน์กระบี่ค่อยๆ แหลมคม ช่วงสองสามปีนี้ก็ใกล้จะก้าวข้ามประตูบานนั้นได้แล้ว
ไม่รู้ว่าหลังจากหลิ่วสือซุ่ยรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่เรือนอี้เหมาจนหายดีแล้ว เขาจะไล่ตามทั้งสองคนได้ทันหรือไม่
เมื่อคิดถึงว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ขยันบำเพ็ญแและบรรลุสภาวะได้รวดเร็วขนาดนี้ จิ๋งจิ่วรู้สึกว่าตัวเองก็ควรจะรีบเช่นเดียวกัน จึงตัดสินใจที่จะบรรลุสภาวะในช่วงหลายวันนี้
ก่อนจะบรรลุสภาวะ เขายังมีเรื่องบางเรื่องต้องจัดการ
เขาไปยังยอดเขาซั่งเต๋อ ลอยตามแสงอาทิตย์ลงไปยังด้านล่างบ่อน้ำ
ซือโก่วลืมตามองดูเขา ในดวงตาเผยให้เห็นสายตาชื่นชม
เขาพยักหน้า เดินเข้าในส่วนลึกของคุกกระบี่
เขากับเสวี่ยจีสบตากันอีกครั้งอยู่ชั่วครู่หนึ่ง โดยมีอุโมงค์และเจตน์กระบี่เป็นชั้นๆ แล้วก็ประตูบานนั้นคั่นกลาง
หลังจากนั้นเขาไปยังยอดเขาซ่อนเร้น มั่นใจว่าฟางจิ่งเทียนยังคงเก็บตัวอยู่ ไม่ได้ถูกซือโก่วแอบปล่อยตัวออกมา แล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าถงเหยียนที่กำลังเก็บตัวอยู่เช่นกันก็มีทีท่าว่าจะบรรลุสภาวะเช่นกัน
สำนักชิงซานไม่มีพลังเต๋าของเขาอวิ๋นเมิ่งคอยช่วยเหลือ แล้วก็ไม่มียาวิเศษให้ใช้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของถงเหยียนกลับมิได้ช้าลงเลยแม้แต่น้อย
เขาออกไปจากเขาเร้นลับ กลับมาทางเดิม
หยวนฉีจิงรอคอยเขาอยู่ตรงริมบ่อน้ำ
จิ๋งจิ่วถามเขาว่า “อาการบาดเจ็บหายดีแล้ว?”
หยวนฉีจิงไม่ได้สนใจเขา
ยอดคนขั้นทะลวงสวรรค์คนหนึ่ง ต่อให้ถูกหนานชวีลอบโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส ขอเพียงต้นไม้แห่งเต๋าไม่ล้มลง เก็บตัวบำเพ็ญเพียรสองปีก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีได้
สายตาของเขามองไปยังร่างกายของจิ๋งจิ่ว กล่าวว่า “ได้”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ข้าได้เสมอ”
หยวนฉีจิงส่งเสียงเหอะออกมา
จิ๋งจิ่วรู้ว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร
ไม่ว่าผู้บำเพ็ญพรตคนไหนได้มาเห็นความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของจิ๋งจิ่วก็ต้องเกิดความรู้สึกพ่ายแพ้กันทุกคน
ต่อให้เป็นคนอย่างหยวนฉีจิงก็ตาม ต่อให้เขาเห็นมาแล้วสองครั้งก็ตาม
เขารู้สึกไม่เข้าใจจริงๆ การบำเพ็ญเพียรมิใช่การเทน้ำมัน มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าทำจนคล่องแคล่วแล้วจะสามารถทำได้เร็วขึ้น เป็นไปได้อย่างไรที่แต่ละครั้งจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ?