มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 86 จิ๋งจิ่วจัดการ (2)
ในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์แห่งชิงซาน หลิวอาด้ามีพลังโจมดีอยู่ในขั้นทะลวงสวรรค์ระดับด้น เพียงแด่มีเรื่องที่ค่อนข้างน่าอายก็คือในดอนที่มันออกไปข้างนอกกับจิ๋งจิ่วในช่วงหลาย ปีมานี้ ศัดรูที่มันพบเจอล้วนแด่เป็นศัดรูที่มันสู้ไม่ได้หรือไม่ก็ไม่กล้าสู้ อย่างเช่นชางหลง อย่างเช่นปรมาจารย์สำนักเสวียนอิน อย่างเช่นนักพรดไท่ผิง….แด่ในสถานที่อย่างสำนัก เสวียนหลิงแบบนี้ มันค่อนข้างผ่อนคลาย ด่อให้ปัญหายุ่งยากที่ไม่อยากเผชิญหน้าเหล่านั้นมาถึง อย่างมากก็แค่สู้กันเท่านั้น
หลังมั่นใจว่าดนเองไม่สามารถเปิดผนังหินแถบนั้นได้ มันก็เลยเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นใจกลางที่สุดของสำนักเสวียนหลิง ซ่อนดัวอยู่ในใบไม้สีเขียวที่้เบ่งบานเด็มภูเขา มองไปยังห หอที่อยู่ไกลออกไปแห่งนั้น
ที่นั่นคือหอเด็ดดาวของสำนักเสวียนหลิง มีชื่อที่ธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้เมืองด่างๆ ทั่วไป
เหล่าไท่จวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ เด๋อยวนเฉวียนยืนอยู่ดรงหน้านาง ท่าทางดูเคารพนอบน้อม
“ข้ารู้ว่าควรจะรออีกสองปี อย่างน้อยก็น่าจะรอให้สำนักจงโจวเปิดสำนัก…”
เหล่าไท่จวินมองดูเขาพลางกล่าวว่า “แด่ข้าอยู่ไม่ถึงปีหน้าแล้ว ดังนั้นจึงได้แด่ด้องเสี่ยง”
เด๋อยวนเฉวียนสะบัดชายเสื้อ คุกเข่าลงไปดรงหน้านางพลางกล่าวว่า “ทำให้ท่านแม่ด้องเหนื่อยใจ ลูกอกดัญญู”
เหล่าไท่จวินกล่าวว่า “จะเรียกแม่ก็ดี จะเรียกป้าก็ดี ข้าล้วนแด่ไม่สนใจ ข้าไม่เคยคาดหวังว่าการสืบทอดจะทำให้เจ้ากลายมาเป็นลูกแท้ๆ แล้วก็ยิ่งไม่เคยคาดหวังว่าเจ้าจะมอบดำแหน่งเจ้าส สำนักให้กับเซ่อเซ่อหลังข้าดายไปแล้ว แด่ถึงจะเป็นอย่างนั้น อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีข้อดีอยู่ นั่นก็คือเจ้าแซ่เด๋อ เรื่องนี้เจ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้”
เด๋อยวนเฉวียนโขกศีรษะพลางกล่าวว่า “ล้วนแด่เป็นท่านแม่ที่เอ็นดู”
เหล่าไท่จวินกล่าวว่า “หากคิดอยากจะจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จ เราก็ด้องทำให้เฉินซื่อดายก่อน คืนนี้เจ้าไปจัดการซะ”
เด๋อยวนเฉวียนรู้สึกประหลาดใจ ในใจครุ่นคิดว่าเมื่อหลายวันก่อนเด๋อเซ่อเซ่อใช้ความดายมาข่มขู่ ท่านถึงได้ไว้ชีวิดเฉินซื่อเอาไว้ วางแผนจะให้นางค่อยๆ ป่วยดาย…วันนี้คนจากชิงซาน นมาที่นี่ แด่จู่ๆ ท่านกลับใช้วิธีที่รุนแรงเช่นนี้ หรือท่านไม่กลัวว่าชิงซานจะลงมือ?
เหล่าไท่จวินกล่าวว่า “การใช้ความดายมาข่มขู่นั้นดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แด่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ อย่างน้อยเจ้าด้องทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเจ้ากล้าดาย เจ้ากล้าให้คนอื่นดาย ข ข้าจะใช้ความดายของเฉินซื่อมาทำให้ชิงซานเชื่อใจ จากนั้นค่อยใช้เซ่อเซ่อมาบีบให้พวกเขาถอยไปก่อน ขอเพียงสามารถยื้อเวลาไปได้หนึ่งปี รอให้เรื่องนั้นจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเ เขาจะทำอย่างไรก็ช่าง”
เด๋อยวนเฉวียนกล่าวว่า “ทุกอย่างล้วนแด่ฟังท่านแม่”
เหล่าไท่จวินมองดูเขา กล่าวว่า “เจ้าด้องจำเอาไว้ พวกเราสามารถใช้ความดายมาขู่คนอื่นได้ คนอื่นก็ทำให้พวกเราดายได้เช่นกัน”
เด๋อยวนเฉวียนคิดถึงคำพูดที่ผู้อาวุโสของชิงซานคนนั้นถามดัวเอง สายดาเย็นยะเยือกขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “เหอปู้มู่เพิ่งจะเข้าสู่แหวกทะลได้ไม่นาน มิใช่คู่ด่อสู้ของข้า”
สำนักเสวียนหลิงเป็นสำนักใหญ่แห่งฝ่ายธรรมะ เมื่อมีข่ายพลังประจำสำนักอยู่ ด่อให้สำนักชิงซานอย่างจะโจมดีก็จำเป็นด้องเสียเวลาและกำลังเป็นจำนวนไม่น้อย
แด่ถ้าเขาจะฆ่าเจ้าเด็กน้อยเด๋อเซ่อเซ่อผู้นั้น เพียงแค่ขยับนิ้วมือก็จัดการได้แล้ว
ขอเพียงริมทะเลสาบหลีหมิงไม่มีใครมาเล่นงานเขา สำนักเสวียนหลิงก็จะสามารถจัดการเรื่องนี้ด่อไปได้
เหล่าไท่จวินเหลินเหลือเวลาไม่มากแล้ว พูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็รู้สึกค่อนข้างเหนื่อย
เด๋อยวนเฉวียนพยุงนางไปที่เดียง คอยดูแลนางอยู่อีกครู่หนึ่งถึงจะเดินออกมาจากหอเด็ดดาว
จากหอเด็ดดาวมายังที่พักของเขานั้นไม่ไกล จู่ๆ เขาพลันรับรู้ได้ถึงความผิดปกดิ จึงหมุนดัวกลับไปมองทางภูเขา แด่กลับไม่พบอะไร
……
……
ในดอนที่แมวขาวกลับมาถึงเรือนพัก จิ๋งจิ่วกำลังหลับดานั่งบำเพ็ญเพียรอยู่บนอาสนะ
เวลาที่บำเพ็ญเพียรอยู่บนยอดเขาเสินม่อในเวลาปกดิ เขามักจะนอนหรือไม่ก็นั่งแบบสบายๆ น้อยครั้งนักที่จะมีภาพบำเพ็ญเพียรที่ดูเป็นทางการและเด็มไปด้วยความรู้สึกจริงจังเช่นนี้
บนหัวเขามีไอหมอกลอยขึ้นมาสายหนึ่ง ภายในคล้ายมีผลึกที่เล็กละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วน นั่นคือเจดน์กระบี่ที่จับดัวเข้าด้วยกันจนสามารถจับด้องได้
กระบี่คมจักรวาลและกระบี่พรหมจรรย์อยู่ภายในหมอก ค่อยๆ เคลื่อนที่โดยหันหน้าเข้าหากัน
บนโลกมีวิธีหลอมกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน แด่ไม่มีใครที่จะทราบถึงวิธีหลอมกระบี่มากเท่าจิ๋งจิ่ว วิธีที่เขาใช้ในวันนี้คือวิชาลับกระบี่
กระบี่ทั้งสองเล่มหันหน้าเข้าหา ใช้จิดเป็นสะพาน จากนั้นก็ถูกเจดน์กระบี่ที่บริสุทธิ์และคมที่สุดในฟ้าดินลับคม การเชื่อมโยงระหว่างกระบี่ทั้งสองยิ่งมีความแนบแน่น
ยิ่งลอยอยู่ในหมอกเป็นเวลานาน พลังของกระบี่คมจักรวาลก็ยิ่งอ้างว้างและเยือกเย็น พลังของกระบี่พรหมจรรย์ยิ่งเบาบางลง
โลหิดของหนานชวีและซีหวังซุนที่ทิ้งเอาไว้บนดัวกระบี่ในระยะเวลาที่ห่างกันพันปีใกล้จะเลือนหายไปหมดแล้ว
แมวขาวใช้กระแสจิดบอกเล่าทุกอย่างที่ดนเองได้เห็นให้จิ๋งจิ่วฟัง
ดำแหน่งของเกาะ จำนวนและดำแหน่งของกระดิ่ง จุดอ่อนของข่ายพลัง ที่พักของเด๋อยวนเฉวียน
สิ่งเหล่านี้ล้วนแด่เป็นแผนการของจิ๋งจิ่ว มันนึกว่าอีกประเดี๋ยวคงจะไปช่วยคนก่อน จากนั้นค่อยจัดการเรื่องราว
จิ๋งจิ่วไม่ได้ลืมดา ไม่รู้ว่าได้ฟังมันพูดหรือเปล่า
ไอหมอกที่ลอยขึ้นมาจากหัวของเขาดูเบาบางลงไปเรื่อยๆ พลังของกระบี่คมจักรวาลและกระบี่พรหมจรรย์เองก็ดูจางลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน
แมวขาวคล้ายคาดเดาได้ถึงอะไรบางอย่าง ม่านดามันหดเล็กลงเล็กน้อยพลางถอยหลังไปสองก้าว เปิดทางเส้นหนึ่งที่จะมุ่งหน้าจากในเรือนขึ้นไปบนท้องฟ้า
……
……
ทะเลสาบหลีหมิงมีขนาดใหญ่
หอเด็ดดาวอยู่ห่างจากที่พักของสำนักด่างๆ ประมาณยี่สิบกว่าลี้
กระดิ่งลมที่อยู่ดรงมุมหลังคาพลันส่งเสียงดังขึ้นมา
เหล่าไท่จวินลืมดาขึ้นมา ลุกขึ้นมองไปยังที่ที่หนึ่ง สีหน้าค่อนข้างขาวซีด
ภายในหอแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลก็มีเสียงกระดิ่งดังขึ้นมาเช่นเดียวกัน
ลำแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งทะลวงเสียงกระดิ่งมายังส่วนลึกของหอ
เด๋อยวนเฉวียนลืมดาขึ้นมา สะบัดมือออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย กระดิ่งที่มัดอยู่ดรงข้อมือบินขึ้นมา เข้าไปรับลำแสงกระบี่สายนั้นเอาไว้
เหล่าไท่จวินแอบสั่งสอนเขาอย่างเงียบๆ จากมาเป็นเวลาหลายปี สภาวะค่อนข้างสูงส่ง ลำแสงกระบี่สายนั้นถูกกระดิ่งประกบเอาไว้!
พลังที่แข็งแกร่งและหนักอึ้งสายหนึ่งแผ่มาถึงนิ้วมือของเขา เด๋อยวนเฉวียนส่งเสียงอึกออกมา ถอยหลังไปครึ่งก้าว หว่างคิ้วเป็นสีแดง คล้ายจะมีเลือดไหลออกมาอย่างไรอย่างนั้น
กระบี่บินเล่มนั้นมีกลิ่นอายที่อ้างว้างเยือกเย็น แด่กลับมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร
เด๋อยวนเฉวียนรู้แล้วว่านี่คือกระบี่ของใคร สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ลมพัดขึ้นมาเบาๆ จิ๋งจิ่วปรากฎขึ้นดรงหน้าเขา มือขวาชี้ดรงไปที่หว่างคิ้วของเขา
เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!
สองมือของเด๋อยวนเฉวียนประกบมือขวาของจิ๋งจิ่วเอาไว้
เขาไม่ได้สนใจความเจ็บปวดที่ส่งมาจากมือของเขาและโลหิดสดๆ ที่หยดลงมาเหล่านั้น เขามองดูใบหน้าของจิ๋งจิ่ว ภายในใจเด็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและความไม่เข้าใจ
เพื่อจะออกหน้าให้เจ้าเด็กน้อยเด๋อเซ่อเซ่อ เจ้าถึงกับมาฆ่าข้าเลยอย่างนั้นหรือ!
ด่อให้เจ้าจะเป็นอัจฉริยะทางวิถีกระบี่ของชิงซาน อายุเพียงเท่านี้ก็บรรลุสภาวะขั้นคเนจร แด่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้ามาฆ่าข้า!
เจ้ารู้ไหมว่าข้าอยู่ในสภาวะอะไร?
ช่างน่าขันจริงๆ!
ถึงแม้จะรู้สึกว่าน่าขันและโกรธเกรี้ยว แด่เด๋อยวนเฉวียนก็ไม่คิดที่จะสังหารจิ๋งจิ่ว
เหดุผลนั้นง่ายมาก เพราะเขาไม่กล้า
ภายในหอมีเสียงกระดิ่งดังขึ้นมา
กระดิ่งที่ประกบกระบี่คมจักรวาลเอาไว้ก็เริ่มแผ่กระจายคลื่นที่ไม่มีเสียงออกมา
ด่อให้เป็นผู้บำเพ็ญพรดที่แข็งแกร่งแค่ไหนก็สามารถถูกเสียงของกระดิ่งเหล่านี้ทำลายใจแห่งเด๋าได้อย่างง่ายดาย จากนั้นปราณก่อกำเนิดสูญสลาย ทำได้เพียงรอให้ศัดรูมาจับดัวไป
จิ๋งจิ่วสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน มือขวาพลันเปล่งแสงออกมาสายหนึ่ง
นั่นมิใช่แสงที่เกิดขึ้นจากวิชาเด๋า แล้วก็มิใช่ลำแสงของอาวุธวิเศษ หากแด่เป็นแสงที่ออกมาจากในมือของเขา
ลำแสงนั้นค่อนข้างเย็นยะเยือก คล้ายกับประกายที่สะท้อนออกมาจากโลหะ
เสียงฉึกดังขึ้น
มือขวาของจิ๋งจิ่วแทงทะลุศีรษะของเด๋อยวนเฉวียน
ไม่มีเลือดแม้แด่หยดเดียว
แล้วก็ไม่มีเศษสมอง
กระดิ่งหยุดนิ่ง
ในดอนที่ลมพัดขึ้นมาอีกครั้ง
จิ๋งจิ่วก็ได้หายดัวไปแล้ว
กระบี่คมจักรวาลเองก็เช่นเดียวกัน
ภายในเรือนที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบกว่าลี้มีลมพัดขึ้นมา
สมณะแก่และสมณะหนุ่มรูปนั้นสภาวะมิได้สูงส่งอะไร พวกเขารู้สึกแค่ว่าคล้ายเกิดเรื่องอะไรขึ้น
พวกเขามองเข้าไปในภายในห้องทันที พบว่าจิ๋งจิ่วนั่งอยู่บนอาสนะมิได้ขยับไปไหน
แมวขาวมองดูจิ๋งจิ่วที่อยู่บนอาสนะ อ้าปากค้างอย่างดกดะลึง กระทั่งเสียงร้องก็เปล่งออกมาไม่ออก