มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 88 ถอนใจหนึ่งครั้งฆ่าหนึ่งคน (2)
ในช่วงเวลาหลายวันหลังจากนั้น บรรยากาศริมทะเลสาบหลีหมิงยิ่งตึงเครียด เหล่าลูกศิษย์ของสำนักเสวียนหลิงยิ่งเพิ่มความระมัดระวัง แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดการสังหารได้
ไม่ว่าจะในเรือนพัก หรือว่าบนเกาะที่อยู่ในทะเลสาบ ทุกที่ล้วนแต่มีคนตาย ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ตายล้วนแต่เป็นคนสำคัญในสำนักเสวียนหลิง
สมณะแก่มองดูจิ๋งจิ่วพลางถอนใจไม่หยุด
ต่อให้สมณะหนุ่มจะไร้เดียงสาเพียงใด แต่ในเวลานี้เขาก็เข้าใจแล้ว เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ หลายวันนี้เห็นๆ อยู่ว่าจิ๋งจิ่วไม่ได้ออกไปไหน แล้วเขาทำได้อย่างไร
สีหน้าของจิ๋งจิ่วค่อนข้างขาวซีด เขาเดินกลับไปในห้องเพื่อทำสมาธิพักผ่อน
อาต้ารู้ว่าเขาใช้ปราณกระบี่ไปเป็นจำนวนมาก รู้สึกสงสาร จึงไม่ได้ปีนขึ้นบนนอนบนหัวของเขา
สมณะหนุ่มมองดูประตูที่ปิดอยู่บานนั้น ก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้ากลุ้มใจว่า “อาจารย์ พวกเราถือว่าช่วยคนร้ายหรือเปล่าขอรับ?”
……
……
ข่ายพลังทำงาน ทะเลสาบหลีหมิงถูกปิด ทุกคนต่างรู้ว่ามือสังหารที่น่ากลัวผู้นั้นไม่มีทางมาจากด้านนอก หากแต่แอบซ่อนตัวอยู่ในแขกเหรื่อที่มาร่วมงานชุมนุม
แต่ปัญหาก็คือมือสังหารผู้นั้นร้ายกาจเกินไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีใครมองเห็นเงาร่างของเขา แต่กระทั่งร่องรอยก็ไม่เหลือทิ้งเอาไว้แม้แต่นิดเดียว
กระดิ่งที่ห้อยเอาไว้ทั่วทั้งผืนป่า ภูเขา มุมหลังคาและยอดไม้เหล่านั้นมิได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา ผู้อาวุโสและเหล่ายอดฝีมือของสำนักเสวียนหลิงเหล่านั้นตายไปอย่างเงียบๆ
ภายในคืนก่อนที่แปลกประหลาดที่สุด เห็นๆ อยู่ว่าผู้อาวุโสสองคนของสำนักเสวียนหลิงยืนอยู่คนละฝั่งของทะเลสาบหลีหมิง แต่ทั้งสองกลับตายแทบจะในเวลาเดียวกัน
ผู้คนต่างรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก ในใจคิดว่าหรือนักฆ่าจะไม่ได้มีเพียงคนเดียว? หรือว่าการเคลื่อนไหวของนักฆ่าคนนั้นจะแปลกประหลาดจนยากจะคาดคะเนได้ขนาดนี้
การคาดเดาที่แปลกประหลาดพิสดารขึ้นทุกวันและการที่มีคนตายไม่หยุดทำให้ลูกศิษย์จำนวนมากต่างหวาดกลัว แต่สำหรับบางคนในสำนักเสวียนหลิงแล้ว นี่กลับเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก
ภายในสำนักเสวียนหลิงมีคนเป็นจำนวนมากที่สนับสนุนเจ้าสำนักเฉินมาโดยตลอด เพียงแต่ก่อนหน้านี้เป็นเพราะอำนาจบารมีของเหล่าไท่จวิน แล้วก็ยังผู้อาวุโสเหล่านั้นที่จัดการเรื่องราวต่า างๆ ด้วยความแข็งกร้าว พวกเขาจึงไม่กล้าก้าวออกมา ตอนนี้ผู้อาวุโสเหล่านั้นล้วนแต่ตายไปแล้ว แล้วยังจะมีใครที่สามารถหยุดยั้งคลื่นใต้น้ำภายในสำนักเสวียนหลิงไม่ให้ไหลทะลักออกมาบน พื้นได้ล่ะ?
กลางดึกคืนหนึ่ง ผู้อาวุโสที่มีสถานะสำคัญภายในสำนักคนหนึ่งมายังหอเด็ดดาวเพื่อขอเข้าพบเหล่าไท่จวิน
“พวกเราต่างรู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ขอท่านได้โปรดคลายข่ายพลัง แล้วปล่อยเจ้าสำนักออกมาด้วยเถอะ”
เสียงของเหล่าไท่จวินยังคงราบเรียบไม่มีอารมณ์ใดๆ “ตอนนี้สำนักเสวียนหลิงถูกคนนอกบุกเข้ามารังแกถึงที่ พวกเจ้ายังจะช่วยคนนอกพวกนั้นอีกหรือ?”
ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวเสียงทุ้มต่ำและไม่มีทีท่าว่าจะถอยแม้แต่น้อย “เจ้าสำนักแต่งเข้ามายังทะเลสาบหลีหมิงมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว นางจะเป็นคนนอกได้อย่างไร?”
……
……
เมื่อผู้อาวุโสเหล่านั้นถูกฆ่า สุดท้ายขั้วอำนาจทั้งสองฝ่ายภายในสำนักเสวียนหลิงก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
แต่ทุกคนต่างรู้ว่าเหล่าไท่จวินไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้แบบนี้อย่างแน่นอน
เหล่าผู้บำเพ็ญพรตที่มาเข้าร่วมงานชุมนุมใจกระจ่างรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้น แล้วก็เฝ้ารอคอยจุดจบของเรื่องราวอย่างอยากรู้อยากเห็น
เหอปู้มู่และลูกศิษย์ของยอดเขาซื่อเยวี่ยสามคนต่างก็นั่งอยู่ในโถงใหญ่ พูดคุยกับคนรู้จักของสำนักต้าเจ๋อและสำนักจิ้งจง คล้ายกำลังดูเรื่องสนุกอยู่จริงๆ
จั๋วอวี๋สื่อแห่งสำนักต้าเจ๋อและจ่างสื่อแห่งจิ้งจงต่างคิดว่าเขากำลังใช้วิธีนี้มาพิสูจน์ว่าชิงซานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองกำลังเ เตรียมทำอะไรอยู่
รุ่งเช้าวันที่สี่ ในที่สุดเรื่องนั้นก็เกิดขึ้น
เสียงกระดิ่งดังขึ้นที่ริมทะเลสาบหลีหมิง พลังวิญญาณในฟ้าดินปั่นป่วนขึ้นมา เกิดเป็นน้ำวนที่ไร้รูปร่างจำนวนนับไม่ถ้วน
ผู้บำเพ็ญพรตไร้สำนักที่สภาวะค่อนข้างต่ำต้อยบางคนทนรับการเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณไม่ไหว สีหน้าขาวซีด พุ่งออกไปอาเจียนที่ริมทะเลสาบ
เสียงกระดิ่งดังขึ้น ข่ายพลังห่อหุ้มเรือนพักหลังเล็กหลังหนึ่งเอาไว้
ลูกศิษย์สำนักเสวียนหลิงหลายสิบคนล้อมเรือนพักหลังนั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีใครที่จะออกไปจากที่นี่ได้
เหล่าไท่จวินถือไม้เท้าเดินเข้ามา ค่อยๆ เดินไปตรงหน้าเรือนหลังเล็ก
ผู้บำเพ็ญพรตจากสำนักต่างๆ ที่ได้ทราบข่าวก็รีบเดินทางมา สำนักเสวียนหลิงไม่มีทีท่าว่าจะปิดบังพวกเขา ปล่อยให้พวกเขายืนอยู่รอบๆ
ประตูเรือนถูกเปิดออก สมณะหนุ่มผู้นั้นมองดูกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอก อดรู้สึกตกใจไม่ได้ เขากล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส นี่ท่าน…”
เหล่าไท่จวินไม่ได้สนใจเขา นางเดินเข้าไปในเรือน แล้วก็ไม่ได้มองดูสมณะแก่ผู้นั้นแม้แต่นิดเดียว หากแต่เดินไปตรงหน้าสมณะที่สวมหมวกลี่เม่าผู้นั้น
“เจ้าเป็นเหมือนอย่างที่เล่าลือกันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นกระบี่หรือว่าคนก็ล้วนแต่รวดเร็ว คิดไม่ถึงว่ากระทั่งกระดิ่งประจำตัวของข้าก็ไม่สามารถรับรู้ได้ล่วงหน้า”
นางมองสมณะรูปนั้นพลางกล่าว “แต่เจ้าดูถูกสำนักเสวียนหลิงของข้าเกินไป”
จริงอยู่ที่กระบี่ที่สังหารคนริมทะสาบหลีหมิงในช่วงหลายวันมานี้นั้นรวดเร็วอย่างน่าประหลาด แต่เมื่อฆ่าคนเยอะเข้า สุดท้ายก็ต้องทิ้งร่องรอยอะไรบางอย่างเอาไว้
ข่ายพลังของสำนักเสวียนหลิงได้ลดขนาดขอบเขตลงตามร่องรอยที่ทิ้งเอาไว้เหล่านั้น สุดท้ายในตอนที่กระบี่เล่มนั้นสังหารคนอีกครั้งเมื่อคืนนี้ มันได้ถูกกระดิ่งประจำตัวของเหล่าไท ท่จวินรับรู้เข้า
สมณะที่สวมหมวกลี่เม่าผู้นั้นก้มศีรษะ ไม่ได้กล่าวกระไร
ผู้บำเพ็ญพรตสำนักต่างๆ ที่อยู่ด้านนอกเรือนต่างตื่นเต้น ในใจคิดว่าหากหมวกลี่เม่าใบนี้ถูกถอดออก มันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
จั๋วอวี๋สื่อจากต้าเจ๋อและจ่างสื่อจากจิ้งจงต่างมองไปทางเหอปู้มู่ พบว่าสีหน้าเขาค่อนข้างตึงเครียด ในใจส่งเสียงดังตึกๆ รู้ว่าสำนักชิงซานเป็นคนทำจริงๆ ด้วย
เหล่าไท่จวินมองดูสมณะหนุ่มที่สวมหมวกลี่เม่าผู้นั้น ในใจคิดถึงการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดของอีกฝ่ายและข่าวลือที่ถูกพูดถึงในโลกแห่งการบำเพ็ญพรตในช่วงสองปีมานี้พลางสูดหาย ยใจลึกๆ
“สหายธรรมจิ๋งจิ่ว เจ้าไม่บำเพ็ญเพียรอยู่ที่ชิงซาน แต่กลับแต่งตัวเป็นพระของวัดกั่วเฉิงมาแอบอยู่ที่นี่ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผู้บำเพ็ญพรตสำนักต่างๆ พากันส่งเสียงฮือฮา!
สมณะที่สวมหมวกลี่เม่าผู้นั้นคือจิ๋งจิ่วจากชิงซานอย่างนั้นหรือ!
ทำไมเขาต้องมาฆ่าคนที่สำนักเสวียนหลิงด้วย?
ผู้คนต่างคิดถึงคำพูดที่เหอปู้มู่พูดเมื่อหลายวันก่อน พบว่าเรื่องราวดูสมเหตุสมผล
—หลายปีมานี้ยอดเขาเสินม่อมีแขกมาเยือนเพียงแค่สามคน ถงเหยียน ไป๋เจ่าและเต๋อเซ่อเซ่อที่เป็นคุณหนูของสำนักเสวียนหลิง
ตอนที่ถงเหยียนไปเยือนยอดเขาเสินม่อ จิ๋งจิ่วยังถูกขังอยู่ในที่ราบหิมะ นี่ก็หมายความว่าแขกที่เขาต้อนรับด้วยตัวเองนั้นมีเพียงไป๋เจ่าและเต๋อเซ่อเซ่อเพียงแค่สองคนเท่านั้น
ทั่วทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญพรตต่างรู้ถึงความสัมพันธ์ของจิ๋งจิ่วกับไป๋เจ่า ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับเต๋อเซ่อเซ่อเป็นอย่างไรก็คงพอจะรู้ได้ เต๋อเซ่อเซ่อเกิดเรื่อง เขาจะไม่มาได้ อย่างไร?
……
……
เมื่อได้ยินคำพูดของเหล่าไท่จวิน เหอปู้มู่ก็หรี่ตาเล็กน้อย มือที่ไพล่อยู่ด้านหลังสั่นขึ้นมาเบาๆ
เขามิใช่ว่าตื่นเต้น แล้วก็มิใช่หวาดกลัว หากแต่ทำการร่ายเคล็ดกระบี่เอาไว้และแจ้งให้หลินอิงเหลียงและศิษย์ยอดเขาซื่อเยวี่ยที่เหลือเตรียมตัวลงมือ
ศิษย์ทั้งสามคนนี้สภาวะไม่สูงสุด หลินอิงเหลียงที่มีสภาวะแข็งแกร่งที่สุดก็เพิ่งจะอยู่แค่เพียงขั้นมิประจักษ์ พวกเขารู้ว่าทันทีที่เปิดศึกกัน เกรงว่าคงจะเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน แ แต่ไหนเลยจะมีเวลาไปคิดมากขนาดนั้นได้
ภายใต้การจับตามองของทุกคน สมณะรูปนั้นยกมือขวาขึ้นมาถอดหมวก เปิดเผยใบหน้าของตัวเอง
เมื่อเห็นใบหน้านั้น เหอปู้มู่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ในใจกลับรู้สึกผ่อนคลาย เคล็ดกระบี่ที่มือขวาร่ายเอาไว้ก็คลายออกด้วย
ภายในเรือนเงียบสงัด
บรรยากาศค่อนข้างกระอักกระอ่วน
ใบหน้าของสมณะรูปนั้นดูงดงาม แต่มิได้สมบูรณ์แบบ
เช่นนั้นเขาก็ย่อมไม่ใช่จิ๋งจิ่ว
เหอจานมองดูเหล่าไท่จวินพลางกล่าวถามอย่างจริงจังว่า “ข้าเป็นสมณะของวัดกั่วเฉิง เหตุใดถึงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้?”