มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 101
ตอนที่ 101 กรรมตามสนอง
หยางเย่ไม่ปล่อยให้ชีวิตของชิงเสวียตกอยู่ในอันตรายไปมากกว่านี้ เขาถลาลงไปช่วยนางอย่างรวดเร็ว ขณะที่เจียงเหว่ยกําลังจะลงมือ หยางเย่ได้พุ่งมาอยู่ตรงหน้า เขารีบใช้เท้าขวาดีดตัวพุ่งไปยังด้านหลังเจียงเหว่ย
หยางเย่ไม่ลดความเร็วแม้แต่น้อย เขาพุ่งไปปรากฏตรงหลังของเจียงเหว่ย จากนั้นชักดาบออกไปแทง
เขาลงมืออย่างรวดเร็วและรุนแรงในทันทีที่มีโอกาส
หยางเย่หาได้ใช่คนกระหายเลือดไม่ เขาต้องโจมตีเพราะไม่มีทางเลือก เนื่องจากคนทั้งสี่นี้ตั้งใจจะสังหารทุกคนที่เพื่อปิดปาก และยังต้องช่วยชิงเสวีย ดังนั้นเขาจึงไม่อาจมีเวลามากพอจะตัดสินใจ
เมื่อไม่มีเวลาตัดสินใจ จึงเป็นการดีที่สุดที่จะโจมตีเช่นนั้น
ท่าที่เจียงเหว่ยเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ห่างจากชิงเสวียเพียงสามเมตร เขาไม่ลังเลที่จะหันไปแทงหอกกลับ
เคล้ง
ข้อมือของหยางเย่พลิกเล็กน้อยขณะหอกพุ่งมา จากนั้นได้ออกแรงใช้กระบวนท่า แทง” ในวิชาดาบพื้นฐานและเล็งไปที่อกของเจียงเหว่ย
ท่าที่เจียงเหว่ยเปลี่ยนไปเมื่อเห็นหยางเย่แทงดาบมา พลังของหยางเย่แข็งแกร่งเกินไป มันแข็งแกร่งจนหอกในมือของเขาแทบจะหลุดมือ ยังไม่ทันจะหายจากอาการตกใจ ดาบของหยางเย่ก็ได้แทงเข้าไปที่หน้าอกราวกับงูฉก
โชคดีที่เจียงเหว่ยไม่ใช่คนเชื่องช้า เขารีบดีดตัวออกจากพื้นไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีของหยางเย่ แต่ทันใดนั้น หยางเย่รีบใช้ก้าววายุตามไปติด ๆ ร่างของเขาพุ่งไปรวดเร็วอย่างมาก ไม่นานดาบของเขาพุ่งตรงไปยังหน้าอกของเจียงเหว่ย
ฉึก!
เจียงเหว่ยก้มมองรูบนหน้าออกด้วยสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อและตกตะลึง เราถูกจะต้องตายแบบนี้งั้นหรือ? เรายังมีเคล็ดวิชาและไพ่ตายมากมายที่ยังไม่ได้ใช้
เขาต้องการจะเห็นหน้าผู้ที่สังหารแต่ก็ไม่สามารถทําได้ เพราะสติที่มีอยู่ได้เลือนลางจนแทบจะ หายใจไม่ไหว และตายลงในที่สุด
ชิงเสวียมองหยางเย่พร้อมหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง ดวงตาที่คลอน้ำตาได้เปิดออก “ยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ถูกสังหารง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
หยางเย่พยักหน้าให้ชิงเสวียเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังหกคนที่หนีไป กล่าวให้ถูกต้องคือเหลืออยู่ห้าคน หนึ่งในพวกเขาศิษย์ของสถาบันการต่อสู้คนหนึ่งถูกสังหารไปเรียบร้อยแล้ว
เวลานี้การต่อสู้ของทุกคนหยุดลง พวกเขามองไปที่หยางเย่ ศิษย์ของสถาบันการต่อสู้ และสํานักจันทราชะงักไปในตอนแรก จากนั้นพวกเขาเผยอาการดีใจเมื่อเห็นหยางเย่ปรากฏตัว
ขณะมองไปที่หยางเย่ ฉวนหมิงแสดงอาการเคร่งขรึมขึ้นมา เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนแอบซ่อนอยู่ในเงามืด และไม่คาดคิดว่าเจียงเหว่ยจะถูกสังหารโดยการโจมตีของหยางเย่ ถึงแม้การโจมตีนั้นจะธรรมดา แต่ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ก็นับว่าสูง
หากชายผู้นี้เข้าร่วมกับอีกคนที่เหลือและชิงเสวีย มันจะกลายเป็นการต่อสู้แบบเจ็ดต่อสาม หากเป็นเช่นนั้นเขาเองก็ไม่มั่นใจว่ากลุ่มของเขาจะสามารถเอาชนะได้หรือไม่!
ทันใดนั้นยางเย่เผยรอยยิ้มพร้อมกล่าว ” พวกท่านจัดการเรื่องกันต่อเถอะ ข้ามาเพื่อช่วยคนที่รู้จักเท่านั้น”
หากศิษย์พวกนั้นไม่ทิ้งชิงเสวีย เช่นนั้นเขาก็ไม่ลังเลที่จะร่วมสู้ด้วย มันดีที่จะมีสหายเพิ่มขึ้นและหยางเย่เข้าใจพวกเขาดีที่ช่วยเหลือศิษย์สํานักอื่น แต่หลังจากที่เห็นว่าพวกเขาเมินเฉยต่อชิงเสวีย หยางเย่จึงได้ละทิ้งความคิดที่จะเข้าร่วมกับพวกเขา แน่นอนเพราะเขาไม่ต้องการเป็นสหายกับคนเห็นแก่ตัวเหล่านี้
เมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว ท่าทีของทุกคนเปลี่ยนไปทันที ส่วนคนที่มอบยันต์ลมกรดให้คนอื่นรีบกล่าว “น้องหญิงชิงเสวีย ข้าผิดพลาดเองเมื่อตะกี้นี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะขอให้สหาย เจ้าช่วยเหลือพวกเรา สถาบันการต่อสู้ของเราจะรู้สึกขอบคุณอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นทั้งสามจากโรงเรียนปราชญ์ยังแข็งแกร่งเกินไป พวกเจ้าทั้งสองไม่สามารถต่อกรมันได้แน่ ความหวังเดียวของพวกเราคือร่วมมือกัน!”
ชิงเสวียขมวดคิ้ว ถึงแม้นางอยากเห็นพวกเขาตาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคํากล่าวนั้นสมเหตุสมผล ดังนั้นจึงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะมองไปที่หยางเย่ ตอนนี้นางต้องการได้ยินความคิดเห็นของเขา
เมื่อเห็นท่าทีของชิงเสวียเป็นเช่นนั้น ทุกคนโดยรอบจึงหันไปมองหยางเย่ แม้กระทั่งราชันหมีด้วย อันที่จริงมันกําลังมองไปยังมิงค์ม่วงที่อยู่บนไหล่ของหยางเย่มากกว่า
หยางเย่เข้าใจความคิดของชิงเสวีย เขาพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงออกว่าไม่ต้องกังวล หลังจากนั้นเขาหันไปมองคนจากสถาบันการต่อสู้พร้อมกล่าว ” หากเจ้ามีความคิดนี้ตั้งแต่ก่อนทิ้งนางไว้ เช่นนั้นข้าคงเข้าร่วมไปด้วยแล้ว แต่ตอนนี้มันสายเกินไป”
ใบหน้าพวกเขากลายเป็นซีดเผือดทันที่ ฉวนหมิงเองก็ได้หัวเราะอย่างเย็นเยือก เขามองไปที่หยางเย่ครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งไปยังกลุ่มคนทั้งห้า
ฉวนหมิงทราบดีว่าชายผู้นี้มีความมั่นใจในความสามารถของตนเองสูง หรืออาจจะมีไพ่ตายเก็บซ่อนไว้ แต่ฉวนหมิงหาได้สนใจไม่ หลังจากที่สังหารทั้งห้าคนนี้แล้ว เช่นนั้นเขาจะหันกลับมาจัดการสองคนนี้
หลังจากมองไปยังคนพวกนั้นที่กําลังต่อสู้กันอยู่ ชิงเสวียหันไปกล่าวเสียงเบา “พวกเราควรหนีหรือไม่?”
แม้ว่าความสามารถของหยางเย่จะร้ายกาจ แต่ทั้งสามจากโรงเรียนปราชญ์ก็ร้ายกาจเช่นกัน เพราะหลังจากที่จัดการกับทั้งห้าเรียบร้อย เขาจะต้องหันมาจัดกันกับพวกเขาแน่นอน และมันไม่ง่ายที่จะเอาตัวรอด
“หนี?” หยางเยส่ายหัวพร้อมกล่าว “ชิงเสวีย อย่าลืมว่ามีหมีพสุธานั่งดูพวกเราอยู่ เจ้าคิดว่ามันจะปล่อยเราไปง่าย ๆ งั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิงเสวียหันไปดูราในหมีที่อยู่ด้านหลัง ขณะมองไปยังราชันหมีพสุธาที่ตัวโตราวกับภูเขาลูกเล็ก ชิงเสวียหัวเราะอย่างขมขื่น อันที่จริงพวกเขาถูกบังตาอยู่ด้วยสิ่งที่กําลังทํา หากทุกคนร่วมมือกันสู้กับราชันหมี เช่นนั้นบางทีอาจจะมีชีวิตรอดได้ แต่ตอนนี้”
ชิงเสวียทําได้เพียงส่ายหัวพร้อมหัวเราะอย่างขมขึ้น หลังจากนั้นนางหันไปมองหยางเย่ด้วยแววตาที่ซับซ้อนปรากฏผ่านดวงตา “ข้าขอโทษที่ลากเจ้ามาตกอยู่สถานการณ์เช่นนี้”-
ขณะหยางเย่มองดูการต่อสู้ตรงหน้าที่รุนแรงและสยอดสยอง เขาได้ยินชิงเสวียเอ่ยเช่นนั้นจึงได้ตอบกลับ “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ทําอะไรมากมาย”
ขณะมองไปที่รอยยิ้มที่สดใสของหยางเย่ ชิงเสวียก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย หลังจากนั้นใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงอย่างไร้ซึ่งเหตุผล
จากนั้นไม่นานนางเงยหน้ามองหยางเย่ เวลานี้หยางเย่กําลังมองดูการต่อสู้ในสนามรบอยู่
ชิงเสวียไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเสน่ห์ของเขานั้นน่าดึงดูดยิ่งนัก เสน่ห์นี้หาได้ใช่รูปลักษณ์ไม่ หากเป็นเพราะรูปลักษณ์ หยางเย่ก็เปรียบได้เหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่เสน่ห์ของเขาคือความเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ ถึงแม้ข้อดีทั้งสองอย่างนั้นไม่ได้มีผลต่อคนอื่นมากนัก แต่มันก็มีผลกับนาง
นางกําเนิดมาในตระกูลที่มีชื่อเสียง และความฉาวโฉในตระกูลก็แทบไม่ต่างจากวังหลวงเท่าไหร่ การเติบโตขึ้นมาในสังคมเช่นนั้นทําให้นางได้เข้าใจหลักการหลายอย่าง ว่าบางที่ไม่ควรลังเลเมื่อต้องตัดสินใจ
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ติดต่อกันมาก แต่นางก็ทราบดีถึงความเด็ดเดียวและหนักแน่นของหยางเย่ นางหาได้ปฏิเสธไม่ว่ามีความรู้สึกที่ดีต่อหยางเย่
กล่าวโดยง่ายคือ แม้จะมีรูปลักษณ์น่าเกลียด แต่หากมีความแข็งแกร่งมากพอ คนผู้นั้นก็จะดูมีเสน่ห์บางอย่างในตัวขึ้นมา โดยเฉพาะในเขตแดนใต้ที่ความแข็งแกร่งถูกยอมรับโดยทุกคน
แต่ในตอนนี้ หยางเย่ไม่ได้ตระหนักถึงความคิดของสตรีด้านข้าง เขาคิดเพียงแค่ว่าควรทําอย่างไรต่อไป เพราะการต่อสู้ตรงหน้าใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ศิษย์ทั้งสองจากสํานักจันทราได้ถูกสังหารเรียบร้อย เหลือเพียงแค่สามคนจากสถาบันการต่อสู้ในส่วนของโรงเรียนปราชญ์ หาได้มีผู้ใดตายไม่ และพวกเขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าศิษย์ทั้งสามของสถาบันการต่อสู้จะถูกจัดการในไม่ช้า และหลังจากนั้นพวกโรงเรียนปราชญ์จะเข้ามาจัดการหยางเย่และชิงเสวียแน่นอน แต่หยางเย่หาได้หวาดกลัวไม่ เขากําลังครุ่นคิดว่าจะใช้วิธีใดจัดการทั้งสามให้สิ้นซาก
ศิษย์โรงเรียนปราชญ์ตั้งใจจะฆ่าคนปิดปาก แน่นอนว่าหยางเย่เองก็คิดเช่นเดียวกัน เขาสังหารหนึ่งในศิษย์ของโรงเรียนปราชญ์ไปแล้ว หากทั้งสามกลับไปเล่าเรื่องให้โรงเรียนปราชญ์ฟัง เช่นนั้นจะต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน เขาไม่ต้องการเผชิญน้ากับพวกผู้อาวุโสหลังจากสังหารศิษย์ของพวกเขา หยางเย่ชอบยุติปัญหาที่จะเกิดให้เร็วที่สุดมากกว่า
ในโลกนี้มีหลายเหตุการณ์ที่ทั้งถูกหรือผิด กล่าวคือ ผู้ใดที่มีอํานาจมากกว่าย่อมถูกเสมอ
“ศิษย์น้องชิงเสวีย ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ข้าและสถาบันการต่อสู้จะตอบแทนอย่างงามแน่นอน!” ชายคนหนึ่งในสนามรบถูกฉวนหมิงไล่ต้อนจนถึงจุดที่เกือบจะถูกสังหาร เขาตะโกนเรียกชิงเสวียและหยางเย่หลายครั้ง เวลานี้ศิษย์ทั้งสามของสถาบันการต่อสู้กําลังตกที่นั่งลําบากโดยแท้จริง หากชิงเสวียและชายลึกลับไม่ยื่นมือเข้าช่วย พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
ชิงเสวียและหยางเย่ดูเหมือนจะทําเป็นไม่ได้ยินสิ่งใด และพวกเขามองดูอย่างเย็นชา
กรรมตามสนองคือสิ่งใด? ตอนนี้มันเห็นได้อย่างชัดเจน หากเขายื่นยันต์ลมกรดให้ชิงเสวียก่อนหน้า เช่นนั้นแม้หยางเย่จะไม่ช่วย นางก็จะเข้าไปช่วยแน่นอน แต่โชคร้ายที่เขาไม่ได้ทําเช่น
“ชิง…” ชายคนนั้นตั้งใจจะขอความช่วยเหลืออีกครั้ง แต่ครั้งนี้หัวของเขากระเด็นออกจากบ่าพร้อมเลือดที่พุ่งไปบนอากาศ เสียงของเขาถูกขัดหายไปทันที
ทันที่ที่เขาถูกสังหาร ชายทั้งสองจากสถาบันการต่อสู้ก็ตกอยู่ในอาการผวา และถูกสังหารในไม่ช้า
หลังจากสังหารทุกคนเรียบร้อย ฉวนหมิงและศิษย์อีกสองหันไปมองหยางเย่และชิงเสวีย