มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 110
ตอนที่ 110 ถึงเวลาแสดงพลังของเจ้าแล้ว!
ราชันหมาป่าหยุดชะงัก ทั้งหยางเย่และสตรีชุดเงินที่นั่งอยู่ด้านหลังต่างมีท่าที่ดูเคร่งขรึมขณะมองไปตรงหน้า
มีบางอย่างที่มากมายมหาศาลอยู่ที่นั่น มันไม่ใช่ผืนหญ้าแต่เป็นสัตว์อสูร ระดับขั้นของสัตว์อสูรทมิฬพวกนั้นไม่ได้สูงนัก พวกมันเป็นเพียงสัตว์อสูรราชันระดับสามหรือสี่ ขนาดของพวกมันไม่ได้ใหญ่โต แต่จํานวนต่างหากที่น่าสะพรึง กองทัพมหาศาลตรงหน้ามีอย่างน้อยหนึ่งแสนตัวขึ้นไปและยังเพิ่มขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด
ยังโชคดีที่พวกมันไม่ได้เริ่มเข้าโจมตีหยางเย่และสตรีชุดเงินก่อน หากเป็นเช่นนั้นถึงแม้จะมีราชันหมาป่าอยู่เขาก็ต้องหนีเอาชีวิตรอด
“มันคือฝูงมดเขี้ยวเหล็ก!” สตรีชุดเงินกล่าวด้วยเสียงต่ำขณะมองพวกมัน
เปลือกตาหยางเย่กระตุก เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสัตว์อสูรตัวนี้ ถึงแม้ระดับพลังพวกมันจะต่ำ แต่ด้วยจํานวนมหาศาลของพวกมัน แม้กระทั่งสัตว์อสูรบางชนิดในขุนเขาไม่สิ้นสุดก็ไม่กล้ารุกรานพวกมัน พวกมันไม่ใช่สายพันธุ์ที่เน้นคุณภาพ แต่เน้นจํานวนเพื่อเอาชนะ
“ดูเหมือนเจ้าสัตว์อสูรจิตวิญญาณจะทราบว่าพวกเราคิดอะไรอยู่ ดังนั้นมันจึงส่งมดเขี้ยวเหล็กมาขัดขวาง!” ทันใดนั้นสตรีชุดเงินได้กล่าว “น้องชายหยุดคิดเรื่องที่จะไปเสีย หากไม่มีวิธีผ่านเข้าไป เช่นนั้นพวกเรายังสามารถหนีไปทางอื่นได้ พวกข้างหลังเราอยู่ห่างไม่ถึงสิบลมหายใจแล้ว!”
เมื่อสัมผัสได้ว่ากองทัพข้างหลังอยู่ใกล้ขึ้นทุกที หยางเย่สุดหายใจลึกก่อนจะมองไปที่มิงคีม่วง “สหาย ถึงเวลาแสดงพลังของเจ้าแล้ว!”
ทันทีที่กล่าวจบ หยางเยลูบหัวราชันหมาปา มันเข้าใจทันทีก่อนจะเห่าหอนพร้อมพุ่งเข้าไปยังฝูงมดตรงหน้า
หยางเย่ยังจําเหตุการณ์ที่สหายตัวจ้อยไล่พวกนกรัตติกาลไปในวันนั้นได้ ไม่ว่ายังไงจํานวนของฝูงมดเขียวเหล็กก็ไม่ได้น้อยไปกว่าฝูงนกเลย
ท่าทีของสตรีชุดเงินเปลี่ยนไปทันที นางแทบจะกระโจนลงจากหลังหมาป่า ”เขารนหาที่ตายหรือไง?”
ขณะที่นางกําลังลังเลว่าจะอยู่ต่อหรือกระโดดลงจากหลังหมาปา มิงค์ม่วงที่เคยยืนอยู่บนไหล่หยางเย่ก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฝูงมดแล้ว
ภายใต้สายตาที่งงงวยของนาง แรงกดดันมหาศาลก็ได้พวกพุ่งออกมาจากร่างกายมิงค์ม่วงทันทีที่แรงกดดันมหาศาลถูกปล่อยออกมา ฝูงมดเขี้ยวเหล็กสัมผัสได้ว่าพวกมันกําลังเจอกับศัตรูตัวฉกาจเข้าแล้ว จากนั้นพวกมันจึงถอยหลังกลับไปราวกับคลื่นทะเล ฉากตรงหน้านั้นยิ่งใหญ่ตระการตาอย่างมาก
มันเหมือนตอนที่สหายตัวจ้อยไล่พวกนกรัตติกาล ฝูงมดเขี้ยวเหล็กเริ่มหันไปโจมตีกันเองเพื่อจะหนีเอาตัวรอด กล่าวได้ว่าพวกมันกําลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต!
ขณะมองฉากตรงหน้า ดวงตาของสตรีชุดเงินด้านหลังหยางเย่เปิดกว้างพร้อมอาการตกตะลึงบนใบหน้า ฉากนี้ทําให้นางตกตะลึงอย่างแท้จริง “มดเขี้ยวเหล็กพวกนั้นมีนับแสนตัว ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณก็ต้องหลีกเลี่ยงพวกมัน! แต่พวกมันกลับหนีอย่างไม่คิดชีวิตเพียงเพราะเจ้าตัวจ้อยนั้นขยับกรงเล็บไม่กี่ครั้งงั้นหรือ? ยิ่งกว่านั้นมันยังเข่นฆ่ากันเองเพื่อเอาชีวิตรอดด้วย? หรือนั่นคือแรงกดดันทางสายเลือดของมังกรในตํานาน?
มิงค์ม่วงพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นพวกมดเขี้ยวเหล็กหนีกันอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นมันกลับไปอยู่บนไหล่ของหยางเย่อีกครั้งก่อนจะใช้หัวคลอเคลียใบหน้าเขา มันราวกับว่ากําลังขอคําชมที่ทําผลงานสําเร็จ!
หยางเย่ยื่นมือไปลูบหัวสหายตัวจ้อยพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าทําได้เยี่ยมมาก สําหรับรางวัลนะหรือ… อันที่จริงทุกอย่างที่เป็นของข้าก็คือของเจ้าอยู่แล้ว ถูกต้องทุกอย่างของเจ้าก็เป็นของข้าเช่นกัน!”
ทันทีที่กล่าวจบใบหน้าของหยางเย่แดงเล็กน้อย สหายตัวจ้อยนั้นมั่งคั่งกว่าหยางเย่มาก มันจึงเหมือนเขาแทบไม่ได้ให้สิ่งใดมันนอกจากใช้ประโยชน์
แต่มิงค์ม่วงมองไปที่หน้าท้องหยางเย่ จากนั้นมันรีบพยักหน้า มันไม่ได้ต้องการสิ่งใด เพราะทั้งหมดที่มันต้องการคือตันเถียนน้ำวนภายในตัวหยางเย่เท่านั้น
“น้องชาย มันเป็นสัตว์อสูรประเภทไหนกัน?” นางไม่อาจคลายความสงสัยได้ก่อนจะเอ่ยถาม
หยางเย่หันไปมองพร้อมกล่าว ” ท่านคิดว่าข้าจะบอกงั้นหรือ?”
สตรีชุดเงินกัดเม้มริมฝีปากและไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีก นางแค่มองไปยังมิงค์ม่วงบนไหล่หยางเย่และคิดที่จะลองสัมผัสดู แต่ก็เกรงว่ามันจะโกรธ ดังนั้นจึงหยุดความคิดนั้นไว้
”เป็นไปได้ยังไง?” ชายหนวดโค้งเกิดความสงสัยอย่างมากเพื่อเห็นฝูงมดถอยร่นราวกับคลื่นทะเล ฝูงมดเขียวเหล็กถูกส่งไปขัดขวางมนุษย์ทั้งสอง และสัตว์อสูรราชันตามคําสั่งของเขา หากกล่าวอย่างมีเหตุผล แม้มนุษย์ทั้งสองจะเป็นยอดฝีมือขั้นจิตวิญญาณ ฝูงมดก็ยังไม่คิดจะถอยหนี้แน่นอน
แต่ตอนนี้พวกมันกลับถอยหนีราวกับว่าเจอจักรพรรดิสัตว์อสูร สิ่งนี้ทําให้ชายหนวดโค้งงุนงงอย่างมาก
” หมานจือ เหตุใดสัตว์อสูรราชันของอาณาจักรสัตว์อสูรถึงยอมให้มนุษย์ขี่ได้?” ห่างจากกองทัพสัตว์อสูร ชายเกราะทองได้หันไปมองชายหนวดโค้งพร้อมถามอย่างสงสัย
ถึงแม้พวกเขาจะเกลียดชังกันราวน้ำกับไฟ แต่ตอนนี้ทั้งสองก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือสตรีชุดเงิน หากนางหนีไปได้ ทั้งสองจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจกันเองไปโดยปริยายและสงบศึกไว้ชั่วครู่ แน่นอนว่าหลังจากได้ตัวสตรีชุดเงินแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสงครามได้ เพราะด้านหนึ่งต้องการให้นางตาย ส่วนอีกด้านต้องการให้นางมีชีวิต
ชายหนวดโค้งนามหมานจือหันไปมองอย่างเย็นชาพร้อมกล่าว “อาจเป็นเพราะมนุษย์คนนั้นใช้วิชาลับบางอย่างควบคุมสัตว์อสูรราชัน มิเช่นนั้นด้วยความภาคภูมิใจของพวกมัน คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะยอมเป็นพาหนะให้มนุษย์ เมื่อข้าจับตัวมันได้แล้ว ข้าจะทรมานมันจนตาย! จากนั้นจะแขวนศพมันไว้ตรงเหวมรณะเพื่อใช้เตือนพวกมนุษย์!”
ชายเกราะทองเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถามอีกครั้ง “หมานจือ เจ้าไม่คิดว่ามนุษย์ผู้นั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีร่างกายมนุษย์บ้างหรือ?”
ความคิดนี้ได้ปรากฏในหัวเขามาก่อนแล้วเมื่อเห็นราชันหมาป่า แต่ก็รู้สึกว่ามันไร้สาระ เพราะเขาเองก็ได้กลิ่นของมนุษย์จากการที่ได้พบกันในครั้งแรก
เปลือกตาหมานจือกระตุกเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดเช่นนั้นมาก่อนเพราะชายหนุ่มตรงหน้ามีกลิ่นมนุษย์ชัดเจน แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินชายเกราะทองด้านข้างกล่าวเช่นนั้น ความคิดนี้ก็เป็นไปได้เช่นกัน!
“หากเป็นสัตว์อสูรที่มีกายมนุษย์จริง เช่นนั้นการควบคุมสัตว์อสูรราชัน การไล่เหยี่ยวทมิฬบนท้องฟ้า และการทําให้ฝูงมดเขี้ยวเหล็กถอยร่นก็คงพอสมเหตุสมผล
แต่หากเขาเป็นสัตว์อสูรที่มีกายมนุษย์ แล้วเหตุใดเขาถึงมีกลิ่นมนุษย์ที่ชัดเจน? ยิ่งกว่านั้นทําไมเขาต้องช่วยสตรีผู้นั้นด้วย? เป็นไปได้ไหมว่าจะมีมือที่สามเข้ามาแทรกแซง?”
เมื่อนึกได้เช่นนั้น เปลือกตาหมานจือกระตุกอยู่หลายครั้งก่อนจะคํารามไปยังกองทัพสิงโตเพลิงกัมปนาทรอบตัว เขาสงสัญญาณให้เร่งความเร็วขึ้น เพราะไม่ว่ายังไงสตรีผู้นั้นก็ต้องตาย มิเช่นนั้นหากนางทําลายแผนการของหัวหน้าได้ เขาจะต้องรับโทษตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
เมื่อเห็นกองทัพสิงโตเร่งความเร็ว ชายเกราะทองเองก็เร่งความเร็วเช่นกัน ไม่ว่าชายหนุ่มคนนั้นจะเป็นสัตว์อสูรหรือมนุษย์ เขาก็ต้องส่งองค์หญิงกลับกลับจักรวรรดิต้าฉินหรืออาณาจักรสัตว์อสูรอย่างปลอดภัย มิเช่นนั้นเขาคงไม่สามารถรักษาตําแหน่งในการเป็นองครักษ์ได้
“นี่ อีกไกลแค่ไหนกว่าพวกเราจะถึงโบราณสถาน?” หยางเย่เอ่ยถาม ถึงแม้พวกเขาจะไล่ฝูงมดเขี้ยวเหล็กไปแล้ว แต่พวกทหารกับสัตว์อสูรข้างหลังไม่ได้ไปไหน ทั้งยังเพิ่มความเร็วกันขึ้นมาอีก หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาคงถูกตามทันในไม่ช้า เพราะที่นี่มันเป็นโลกของสัตว์อสูร
“ประมาณหนึ่งชั่วยามจากที่นี่!” นางกล่าวอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
ใบหน้าหยางเย่มีดดําเมื่อยินเช่นนั้น ท่านไม่เคยไปที่นั่นงั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่ ถ้าไม่ใช่เพราะ…” นางหยุดกล่าวอย่างฉับพลัน
ถึงแม้นางจะไม่กล่าวต่อ หยางเย่ก็พอจะเดาเหตุผลได้ สตรีผู้นี้คงวางแผนจะหนีมาตั้งแต่แรก แต่แผนการต้องเปลี่ยนไปเมื่อเขาปรากฏตัว หากเขาไม่อยู่ที่นั่น สตรีผู้นี้คงหนีไปทางอื่นที่ไม่ใช่โบราณสถานนี้แน่นอน แต่ตอนนี้นางขอให้เขามุ่งไปยังโบราณสถานนั้น มันจะเป็นสิ่งใดอีกนอกจากการทําเพื่อเอาชีวิตรอด
เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยางเย่จับดาบในมือแน่น เขาไม่ใช่คนที่จะถูกใช้ประโยชน์จากใคร แม้จะเป็นสตรีก็ตาม หากเป็นไปได้คงสังหารนางทิ้งไปแล้ว เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมาใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือดึงเข้าสู่หายนะเช่นนั้น!
ทันใดนั้นสตรีชุดเงินได้เอ่ยขึ้น “น้องชาย เจ้าคิดจะตีข้าอีกแล้วหรือ?”
หยางเย่สูดหายใจลึกเพื่อข่มจิตสังหารในหัว ” พวกเรามาคุยกันอย่างจริงจังหน่อยได้หรือไม่?”
สตรีชุดเงินระงับรอยยิ้มพร้อมกล่าว “เกี่ยวกับอะไร?”
หยางเย่กล่าว ” พวกเราไม่เคยมีความขัดแย้งใดต่อกัน ดังนั้นข้าขอถามท่านหน่อย ท่านคิดว่ามันถูกต้องแล้วงั้นหรือที่ผลักข้าเข้าไปในวังวนของสงครามระหว่างพวกเจ้า? ข้าจะไม่โวยวายเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ท่านตั้งใจจะใช้ข้าเพื่อให้พาท่านไปยังโบราณสถานนั้น เจ้าคิดว่ามันถูกต้องงั้นหรือ?”
หยางเย่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปทางนั้น ไม่ว่าจะสถานะหรือความแข็งแกร่งของนาง มันก็เป็นเหตุผลที่ทําให้เขาระงับการกระทําพวกนั้นไว้ แน่นอนว่าถ้าไม่มีพวกสัตว์อสูรหรือทหารม้าอยู่ด้านหลัง เขาคงไม่ลังเลที่จะใช้หมาป่าทั้งสองตัวขย้ำนางทิ้งแน่นอน