มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 112
ตอนที่ 112 สามี!
หยางเย่ตกตะลึงอย่างมากเมื่อเดินเข้าไปยังโบราณสถานราชวงศ์ชางที่อยู่ใต้ดิน มันเป็นกําแพงขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขา กําแพงมีขนาดสูงถึงสามร้อยเมตร และความกว้างนั้นไม่สามารถเห็นอย่างชัดเจนได้ ไม่ว่าในกรณีใด ซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่นี้ใหญ่โตกว่าเมืองทักษิณภิรมณ์ถึงสิบเท่า!
ถึงแม้มันจะอยู่ใต้ดิน แสงสว่างข้างใต้นี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมมาก แน่นอนว่ามันหาได้ใช่แสงอาทิตย์ไม่ มันคือแสงจากศิลาแสงจันทร์ และยังมีแสงเล็ดลอดออกมาจากศิลาแปลกประหลาดมากมายคล้ายศิลาแสงจันทร์
พื้นผิวของผนังยังถูกปกคลุมไปด้วยยันต์ลึกลับมากมาย ถึงแม้ยันต์เหล่านี้จะหมดประสิทธิภาพไปแล้ว แต่ความหนาแน่นและรูปร่างของพวกมันก็ทําให้หยางเย่ตกตะลึงอย่างยิ่ง เพราะพวกมันคือค่ายกลยันต์ที่ปกคลุมทั่วทั้งเมือง เพียงแค่นึกถึงก็ทําให้ตกตะลึงแล้ว! ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูยิ่งใหญ่เกินไปเมื่อมองผ่านสายตา
“ตามที่คาดไว้ราชวงศ์ก่อนหน้านี้ เมื่อเปรียบเทียบกับจักรวรรดิต้าฉิน มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันแม้แต่น้อย!” สตรีชุดเงินถอนหายใจขณะยืนอยู่ด้านนอกเมือง
หยางเย่ได้สติกลับมาเมื่อได้ยินคํากล่าวจากนาง เขาถอนสายตาจากกําแพงใหญ่ไปดูทางเข้าเมืองที่ไม่มีประตูตั้งอยู่ “รีบเข้าไปกัน!”
ถึงแม้ต้องการจะศึกษากําแพงเมืองหลวงของราชวงศ์ชางมากเพียงใด เขาก็ไม่ลืมว่ามียอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณกําลังตามหลังมา
สตรีชุดเงินพยักหน้าก่อนจะรีบตามเขาเข้าไป
ในชั้นใต้ดินหมานจือและชายเกราะทองยืนเผชิญหน้ากันอยู่ตรงประตูทางเข้า เวลานี้ท่าทีของพวกเขาดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ด้วยระดับพลังของพวกเขา แต่เดิมมันง่ายมากที่จะจับยอดฝีมือขั้นปราณมนุษย์และปราณราชัน แต่ทั้งสองก็ไม่สามารถทําได้ พวกเขาทําได้แค่ยืนมองทั้งสองเข้าไปยังโบราณสถานราชวงศ์ชาง!
แน่นอนว่าถ้าไม่มีราชันหมาป่า เช่นนั้นทั้งสองคนคงถูกจับไปแล้วแม้ว่าจะใช้ยันต์ลมกรดก็ตาม แต่ด้วยความรวดเร็วของราชันหมาปา จึงทําให้พวกเขารอดพ้นเงื้อมมือจากยอดฝีมือทั้งสอง
ราชันหมาป่าในแง่ของกําลังนั้นด้อยกว่าสิงโตเพลิงกัมปนาทเล็กน้อย แต่ในด้านความเร็วมันมากกว่าหลายเท่า รวมกับที่หยางเย่และสตรีชุดเงินเป็นผู้หนีก่อน ทําให้พวกเขาไม่ทราบว่าจะไปที่ไหนในตอนแรก ดังนั้นยอดฝีมือทั้งสองจึงจนปัญญา
ขณะมองไปยังทางเข้าของซากปรักหักพัง ชายเกราะทองเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองลูกน้องด้านหลัง “ผู้ที่อยู่ขั้นปราณราชันก้าวมาข้างหน้า!”
บรรดาองครักษ์ถูกเกณฑ์มาในเวลาสุดท้ายก่อนออกเดินทาง แม้กระทั่งเขาเองก็เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับพรรคพวกมาเท่าไหร่
เมื่อได้ยินชายเกราะทองกล่าว ทหารม้าทั้งห้าคนเดินออกมาตรงหน้าพร้อมอาชาวายุ
ชายเกราะทองมองไปที่พวกเขาพร้อมเอ่ย “พวกเจ้าทั้งห้าคนตามข้าเข้าไป ส่วนที่เหลือเฝ้าระวังอยู่ตรงนี้ และปฏิบัติตามคําสั่งของรองแม่ทัพฉือ นอกจากนั้นส่งม้าเร็วไปแจ้งให้องค์จักรพรรดิทราบกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่”
ทันทีที่กล่าวจบ ชายเกราะทองหันไปมองหมานจือก่อนจะนําทหารทั้งห้าตามเข้าไปในซากปรักหักพัง
ถึงแม้มันจะอันตรายที่ต้องลงไป เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะมันจะไม่เป็นอะไรมากหากสตรีชุดเงินตาย แต่หากนางหนีไปกับใครสักคน ก็มีแต่ความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่ เพราะราชวงศ์มักจะสนใจเรื่องหน้าตาชื่อเสียงมากกว่าสิ่งใด!
เมื่อเห็นชายเกราะทองนําทหารตามลงไป หมานจือเองก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปเช่นกัน เขาหันไปส่งเสียงคํารามให้กองทัพสิงโตด้านหลังก่อนเดินเข้าไป ปัจจุบันเขาไม่สนใจสตรีผู้นั้นอีกแล้วแต่สนใจแค่ชายหนุ่มลึกลับแทน มันคงไม่เป็นอะไรหากชายหนุ่มคนนั้นเป็นสัตว์อสูร แต่หากไม่ใช่ชายหนุ่มคนนั้นจะเป็นบุคคลลึกลับและน่าสะพรึงกลัวที่สุด
เพราะมนุษย์ที่มีวิธีควบคุมสัตว์อสูรนั้น ในอนาคตเขาจะต้องกลายเป็นหายนะต่ออาณาจักรสัตว์อสูรแน่นอน
บนถนนภายในเมือง หยางเย่และสตรีชุดเงินเดินเข้าไปพร้อมสีหน้าสงสัย เห็นได้ชัดว่าราชวงศ์ชางนั้นเฟื่องฟูอย่างมากเมื่อมองดูจากบ้านเมือง ยิ่งกว่านั้นหยางเย่ยังสงสัยอย่างมากว่า เหตุใดใต้ดินของเมืองถึงไม่หนาวเย็นและรกร้าง แต่มันกลับดูค่อนข้างคึกคักแทน
ถูกต้อง นอกจากใต้ดินนี้จะไม่หนาวเย็นและรกร้างอย่างที่จินตนาการไว้ มันยังมีผู้ฝึกฝนอาศัยขึ้นลงอยู่จํานวนไม่น้อย
หยางเย่ยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงดูพิเศษท่ามกลางยอดฝีมือเหล่านี้ เพราะหยางเย่อยู่เพียงขั้นปราณมนุษย์
ผู้ที่อ่อนแอมักจะถูกคุกคามได้โดยง่าย คํากล่าวนี้สมเหตุสมผลเสมอมา เพราะระหว่างทางที่อยู่ในนี้ เขาสังเกตเห็นสายตาที่มีเจตนาร้ายอยู่มาก และสายตาพวกนั้นต่างก็จ้องมองไปที่แหวนมิติของเขาอย่างกระหาย
โชคดีที่ดูเหมือนพวกเขาจะเกรงกลัวสตรีด้านข้าง มันจึงทําให้หยางเย่รอดพ้นจากการโจมตีของพวกเขาได้
เพราะสตรีข้างเขาได้ใช้เคล็ดวิชาบางอย่างปกปิดพลังตนเอง ทําให้ผู้คนรอบข้างไม่สามารถทราบได้ว่านางอยู่ขั้นปราณอะไร เมื่อพวกเขาจะไม่สามารถรับรู้ขั้นพลัง มันจึงทําให้พวกเขาเกรงกลัวนางมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ว่าจะเป็นคนโง่เขลาเพียงใด และเห็นได้ชัดว่าคนที่ลงมาที่นี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อนางสามารถปกปิดพลังตนเองได้ นั่นก็หมายความว่านางหาใช่คนธรรมดาไม่
ดังนั้น แม้คนพวกนี้จะสนใจแหวนมิติของหยางเย่ พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือทุ่มบ่าม
แน่นอนว่าหยางเย่ไม่ได้กลัวแม้แต่น้อยหากพวกเขาจู่โจม แต่มันก็เป็นการดีสุดที่จะไม่สร้างปัญหาเพิ่ม
“น้องชาย เจ้าต้องขอบคุณพี่หญิงแล้วนะตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะพี่หญิง เจ้าคงถูกแยกร่างไปแล้ว!” สตรีชุดเงินเผยรอยยิ้มยั่วยวนก่อนจะกล่าว ” พี่หญิงไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากยันต์ระดับสูงก่อนหน้านี้สักสองสามแผ่นจะได้หรือไม่?”
หยางเย่เม้มริมฝีปาก “นางยังไม่หายบ้าอีกหรือ? ไม่ว่ายังไงก็จะเอาเปรียบเราให้ได้เลยสินะ!?”
หยางเย่ไม่ใส่ใจสตรีชุดเงินแม้แต่น้อย เขาเร่งความเร็วเข้าไปยังส่วนลึกสุดของเมือง เวลานี้หยางเย่ไม่กังวลแล้วว่าจะถูกจับ เพราะเขาเองก็ไม่ทราบว่าตนเองอยู่ที่ไหน ถึงแม้ในเมืองนี้จะมีคนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะหาพวกเขาเจอ มันราวกับงมเข็มในมหาสมุทรโดยแท้จริง!
หลังจากวิ่งมาได้ชั่วครู่ หยางเย่ได้หยุดลงจากนั้นเขาหันไปมองสตรีชุดเงิน ”นี่ พวกเราหนีจากพวกสัตว์อสูรและทหารม้าได้แล้ว ดังนั้นท่านจะไปที่ไหนก็ไปเสีย อย่าตามข้ามาอีก เข้าใจหรือไม่?”
สตรีชุดเงินกําลังจะกล่าวบางอย่าง แต่ทันใดนั้นมีชายชุดดําสองคนเดินออกมาจากมุมถนน ทั้งสองอายุราวยี่สิบสามปี พวกเขามีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกันอย่างมากราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน สายตาทั้งสองมองไปยังแหวนมิติในมือหยางเย่ก่อนจะมองไปที่สตรีด้านข้างเขา ยิ่งกว่านั้นความปรารถนาและความโลภในดวงตาพวกเขายังแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจน
คิ้วของสตรีชุดเงินขมวดแน่นเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นสายตาพวกเขา ตอนแรกนางคิดจะสะบัดแม้ในมือ แต่ทันใดนั้นนางหันไปมองหยางเยพลางคิดบางอย่าง นางกลอกตาไปมาก่อนจะรีบไปหลบข้างหลังเขาก่อนจะแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาพร้อมกล่าว “สามีข้ากลัวจัง!”
หยางเย่จ้องมองสตรีชุดเงินอย่างโกรธเกรี้ยว ด้วยระดับพลังของนาง สตรีผู้นี้จําเป็นต้องกลัวคนชุดดําสองคนที่อยู่เพียงแค่ขั้นปราณสวรรค์งั้นหรือ? ดูเหมือนนางตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากเราอีกแล้ว!”
เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยางเยดึงนางเข้าไปในอ้อมกอด
สตรีชุดเงินชะงัก นางไม่คาดคิดว่าหยางเย่ที่สุภาพมาตลอดจะกระทําเช่นนี้ ขณะที่กําลังตกตะลึง หยางเย่ย่อตัวลงไปจุมพิตตรงริมฝีปากอันสวยงามของนาง หลังจากนั้นเขากล่าวอย่างสุภาพ “อย่าได้กังวลไป ไม่มีใครทําร้ายเจ้าได้หากข้าอยู่ที่นี่!”
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะไม่เอาเปรียบเมื่อมีคนมาเสนอให้เช่นนี้ สตรีชุดเงินมอบโอกาสนี้ให้เขาเอง ดังนั้นหยางเย่จึงไม่รอช้าที่จะรับมันไว้ หยางเย่หาได้ใช่นักบุญ และสตรีผู้นี้ยังหลอกใช้เขาถึงสองครั้ง ดังนั้นไม่ว่ายังไงนางก็ยังได้รับผลประโยชน์มากที่สุดอยู่ดี!
หลังจากสตรีชุดเงินหายจากอาการตกตะลึง ดวงตานางได้เผยถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างมากพลังปราณล้ำลึกในร่างเริ่มโคจรออกมาราวกับจะลุกเป็นไฟ
แต่ทันใดนั้นชายชุดดําร่างสูงได้เอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะ “น้องชายช่างโชคดีเสียจริงที่มีภรรยางดงามถึงเพียงนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามาในโบราณสถานราชวงศ์ชางงั้นหรือ?”
หยางเย่ยิ้มขณะมองสตรีชุดเงินที่กําลังโกรธเกรี้ยวอยู่ก่อนจะหันไปมองชายทั้งสอง ”แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า หม? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าทั้งสองคิดจะฉกแหวนมิติและเมียสุดสวยของข้าไปงั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นก็ลงมืออย่างตรงไปตรงดีกว่าหรือไม่? เหตุใดถึงไม่ทําเช่นนั้นล่ะ? มีจุดประสงค์ใดที่ต้องเสียเวลาอีกงั้นหรือ?”
ชายชุดดําทั้งสองชะงักไป ใครกันแน่ที่จะมาปล้นที่นี่??
หลังจากหายจากอาการตกใจ พวกเขาแสดงท่าที่โกรธเกรี้ยวอย่างมาก จากนั้นชายร่างสูงได้เอ่ยคํา “ไอ้หนู เจ้านี่มันสามหาวนัก!? พวกเราสองพี่น้องไม่คิดที่จะทําเช่นนั้น แต่เมื่อเจ้าแสดงท่าทียโสโอหัง พวกเราคงต้องสั่งสอนบทเรียนแทนพ่อแม่ของเจ้าเสียแล้ว! และทําให้…”
ขณะกล่าวยังไม่จบประโยค ประกายดาบก็ได้ตัดผ่านคอของชายชุดดําร่างสูง ไม่นานศีรษะเขาได้กระเด็นขึ้นฟ้าอย่างน่าสะพรึง