มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 116
ตอนที่ 116 เส้นชีวิตของข้า!
ฉินเยว่สูดหายใจลึกก่อนจะมองไปที่หยางเย่ “น้องชาย บอกพี่หญิงสิ นอกจากสามารถควบคุมสัตว์อสูรราชัน เจ้าสามารถเข้าใจเจตเจ้านงแห่งดาบที่แท้จริงแล้วใช่หรือไม่?”
เปลือกตาหยางเย่กระตุก เจตจํานงแห่งดาบเป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขา และยังไม่เคยใช้แม้แต่ครั้งเดียวดังนั้นสตรีผู้นี้ทราบได้อย่างไร?
ฉินเยว่ทราบคําตอบทันทีเมื่อเห็นท่าทีของหยางเย่ เช่นนั้นนางจึงหัวเราะลั่นออกมาก่อนจะเอ่ยคํา ” เช่นนั้นน้องชายก็สามารถเข้าถึงเจตจํานงแห่งดาบในตํานานได้จริงสินะ ฮ่าฮ่า! น้องชายเจ้าช่างมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมโดยแท้จริง!”
” ท่านทราบได้ยังไง?” หยางเย่กล่าวด้วยเสียงต่ํา
“เพราะวิชาดาบและปราณดาบของเจ้าทั้งเฉียบคมและหนักแน่น ยิ่งกว่านั้นเจ้ายังควบคุมมันได้อย่างไม่สมบูรณ์ ทําให้ร่องรอยของมันเล็ดลอดออกมาเมื่อใช้วิชาดาบและปราณดาบ”ฉินเยว่กล่าว
“เพราะเหตุนี้เองสินะ!” หยางเย่เข้าใจในทันที อันที่จริงเขาก็ทราบปัญหานี้เช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขมันได้ เพราะถึงแม้จะเข้าใจเจตจํานงแห่งดาบ ก็ไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์สิ่งนี้ทําให้เขาต้องปวดหัวอย่างหนัก
หยางเยเก็บปัญหานั้นไว้ก่อนจะมองไปที่ฉินซี่เยว่ ” คําอธิบาย ข้าต้องการคําอธิบาย มิเช่นนั้นข้าจะทําทุกวิถีทางเพื่อสังหารท่าน”
ฉินซี่เยว่หาได้สนจิตสังหารของเขาไม่ นางเดินอย่างช้า ๆ ไปหาหยางเย่ก่อนจะยื่นมือไปอยู่ใกล้หน้าอกของเขาจากนั้นนางปิดตาลง
หยางเย่ขมวดคิ้ว ถึงแม้สตรีผู้นี้ไม่คิดจะโจมตี เขาก็ต้องทําท่าทีระมัดระวัง ขณะที่คิดจะถอยหลังฉินเยว่เปิดตาขึ้น ดวงตานางเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดขณะที่เส้นใยสีแดงและสีดําพุ่งออกมาจากมือเข้าไปในตัวหยางเย่
ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันที และไม่ลังเลที่จะชักดาบออกไปฟันฉินที่เยว่ แต่ขณะที่ดาบกําลังจะถึงคออยู่ไม่กี่นิ้ว นางได้กระอักเลือดออกมาก่อนที่ร่างจะล้มลงไปกับพื้น
หยางเย่รีบเก็บดาบและอุ้มนางไว้ก่อนจะตรวจร่างกายของตนเอง เส้นปราณสีดําและแดงก่อนนี้ขดอยู่รอบหัวใจเขา ดังนั้นพลังปราณล้ําลึกในร่างกายจึงเริ่มโคจรไปทําลายพวกมันแต่เมื่อพลังปราณทองคํากําลังจะแตะเส้นใยทั้งสองสี ฉินเยว่ที่อยู่บนแขนเขากระตุกในทันใดนางดูเหมือนจะทรมานอย่างมาก แม้แต่ใบหน้าที่บอบบางก็เริ่มบิดเบี้ยว
หยางเย่รู้สึกตกตะลึง เขารีบหยุดสิ่งที่ทําอยู่ในร่างกาย ทันทีที่หยุดกระทํา ร่างของฉันช่เยว่ก็หยุดกระตุกไม่นานนางเปิดตาขึ้นพร้อมเผยรอยยิ้มน่าสงสารให้หยางเย่
“มันคืออะไร?” หยางเย่เอ่ยถามอย่างจริงจัง
“เส้นจิตวิญญาณทั้งสองของข้า” มุมปากของนางเผยถึงความโศกเศร้า “เมื่อข้าฝากฝังเส้นจิตวิญญาณไว้ที่เจ้าแล้ว เช่นนั้นเมื่อไหร่ที่เจ้าเห็นว่าข้ามีเจตนาร้ายหรืออะไรทํานองนั้นเจ้าก็จะสัมผัสมันได้เป็นคนแรก ยิ่งกว่านั้นเจ้ายังสามารถควบคุมความเป็นความตายของของข้าได้ตลอดเวลา….ตอนนี้เจ้าเชื่อใจข้าแล้วหรือยัง?”
หยางเย่ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ สตรีตรงหน้ามอบเส้นชีวิตให้เขา มันราวกับว่าเขาได้กุมชะตาชีวิตนางไว้แล้ว!
หยางเย่รีบเอ่ยถาม ” เหตุใดท่านถึงทําเช่นนี้?”
ครั้งนี้เขาไม่สามารถคาดเดาว่านางคิดอะไรอยู่ได้!
” ก่อนหน้านี้ เจ้าปฏิเสธที่จะไม่ร่วมมือกับข้าเพราะไม่เชื่อใจ ตอนนี้ชีวิตข้าอยู่ในกํามือเจ้าแล้วดังนั้นพวกเราสามารถร่วมมือกันได้แล้วใช่หรือไม่?” น้ําเสียงของนางดูเหนื่อยล้าอย่างมาก
“มันคุ้มค่างั้นหรือ?”
“ถึงมันจะไม่คุ้มแล้วข้ามีหนทางอื่นงั้นหรือ? หากไม่ร่วมมือกับเจ้า เช่นนั้นมารดาข้าก็ต้องถูกสังหารโดยหลานชายแน่นอน นางมีหนทางรอดเพียงอย่างเดียวคือข้าต้องร่วมมือกับเจ้า” ฉินเยว่กล่าวด้วยน้ําเสียงเศร้าโศก
” ทั้งหมดที่ท่านทําไปก็เพื่อนมารดาสินะ!” หยางเย่เข้าใจในทันที เรื่องราวทั้งหมดที่นางทําไม่ใช่เพราะความปลอดภัยของตนเอง แต่เพื่อความปลอดภัยของมารดา เมื่อนึกได้เช่นนั้นสถานการณ์เช่นนี้ก็คล้ายกับสิ่งที่เขาเคยเจอ และของนางเองดูเหมือนจะเลวร้ายพอกัน
“เจ้าคิดว่าพี่หญิงชอบเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ?” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าฉินเยว่ก่อนเอ่ย “น้องชายถึงแม้เจ้าจะร้ายกาจและหน้าตาไม่เลว แต่ยังไงเจ้าก็เป็นเพียงแค่ น้องชาย” เท่านั้นพี่หญิงชอบชายชาตรีและไม่สนเด็กน้อยเช่นเจ้าหรอก!”
หยางเยส่ายหัว เขาไม่คิดจะสนทนาสิ่งใดด้วยนอกจากนํายันต์รักษาระดับสูงแปะไว้ที่ตัวนาง “ข้ามอบยันต์รักษาระดับสูงนี้ให้ท่านเพราะเห็นว่าท่านตั้งใจจะช่วยมารดา แต่ข้าคงต้องบอกว่าจะไม่เข้าร่วมสถาบันจักรพรรดิและแผนของท่าน เข้าใจหรือไม่?”
ถึงแม้สตรีผู้นี้ตั้งใจทิ้งชีวิตทั้งหมดให้หยางเย่ เพื่อทําให้เขาหวั่นไหว แต่ไม่ว่ายังไงหยางเย่ก็ยังไม่คิดจะร่วมมือ เพราะมารดาของเขาเองยังคงทนทรมานอยู่ที่ราชวังบุปผา!
” ข้าไม่ต้องการสิ่งใดมากมาย ขอเพียงเจ้าช่วยเหลือข้าเล็กน้อย ตกลงหรือไม่?” ฉินเยวมอง ไปที่หยางเยู่ด้วยแววตาอ้อนวอน
“ช่วยเหลืออะไร?” หยางเย่ขมวดคิ้วขณะเอ่ยถาม
“ยอมรับว่าได้หนีไปกับข้า หรือกล่าวคือรับข้าเป็นคนรัก แน่นอนว่าเพียงแค่ในนามเท่านั้น!”ฉินเยว่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หยางเย่ขมวดคิ้วแน่นก่อนเอ่ยถาม “มันช่วยเหลือท่านได้ยังไง?”
“เจ้าโง่นี่!” ฉินเยว่กลอกตามองหยางเย่ “ด้วยพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของเจ้า ในอนาคตเจ้าจะต้องมีชื่อเสียงเลื่องลือแน่นอนโดยเฉพาะเมื่อโลกประจักษ์ว่าเจ้าสามารถเข้าถึงเจ ตจํานงแห่งดาบได้เวลานั้นมันจะทําให้คนทั้งโลกตกตะลึงอย่างมากและรวมกับความจริงที่ข้าเป็นคนรักของเจ้าผู้ที่ไม่อยู่นสํานักใด ราชวงศ์จะต้องถามข้าเพื่อดึงเจ้ามาร่วมด้วยแน่นอนเมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาจะเชิดชูข้า และมารดาข้าก็สามารถมีสถานะที่ดีขึ้นได้!”
” ทุกสิ่งที่ท่านกล่าวมาล้วนเป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งนั้น แล้วข้าล่ะ?” หยางเย่เอ่ยถาม เขาหาได้ใช่คนโง่พอที่จะเป็นคนดี และสิ่งที่สําคัญที่สุดคือประโยชน์ที่มีความเป็นธรรมพอจะทําเช่นนั้น
ฉินเยว่พลิกมือขวา จากนั้นม้วนกระดาษและตราคําสั่งสีดําปรากฏขึ้นบนมือ นางส่งมันให้หยางเย่ก่อนกล่าว “เจ้าได้รับสิ่งตอบแทนอยู่แล้ว อย่างแรกคือข้ามีสมาคมข่าวกรองในจักรวรรดิต้าฉินและมันนี่คือรายชื่อที่ตั้งของสมาคมเหล่านั้น พวกเขาจะฟังคําสั่งเจ้าทันทีที่แสดงตราคําสั่งนั้นนอกจากนั้นข้ายังมีธุรกิจมากมายในจักรวรรดิต้าฉิน ถึงแม้พวกมันไม่ใช่ธุรกิจใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่เล็กเช่นกัน เจ้าสามารถใช่มันได้ทั้งหมด
อย่างที่สองหากพวกเราสามารถแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ ถึงแม้หลานชายข้าจะปกครองจักรวรรดิตอนนี้ แต่เขาก็หาได้ใช่จักรพรรดิไม่ ตราบใดที่เจ้ารับว่าเป็นคนรักของข้า เช่นนั้นพวกเขาจะยอมรับว่าเป็นเรื่องใหญ่ในจักรวรรดิต้าฉิน กล่าวคือเจ้าไม่ต้องเผชิญหน้ากับจักรวรรดิต้าฉินแต่เผชิญหน้ากับหลานชายข้าเพียงคนเดียว ยิ่งกว่านั้นบรรดาองค์ชายทั้งหลายยังจะสนับสนุนพวก จากเงามืด แน่นอนว่าเงื่อนไขทั้งหมดต้องใช้ความสามารถและความแข็งแกร่งที่เจ้ามี ส่วนอย่างที่ สาม…”
เมื่อกล่าวถึงอย่างที่สาม ฉินเยว่เผยรอยยิ้มโปรยเสน่ห์พร้อมกล่าว ”น้องชาย อย่างที่สามคือเจ้าจะมีโฉมงามอย่างพี่หญิงอยู่ข้างกาย ถึงแม้พวกเราจะเป็นคนรักเพียงแค่นามภายนอกแต่หากเจ้าสามารถตามพี่หญิงทัน เช่นนั้นบางอย่างระหว่างเราก็สามารถเกิดขึ้นจริงได้!”
หยางเยู่ไม่สนใจผลประโยชน์อย่างที่สามพร้อมกล่าว “ท่านตรงไปตรงมากับข้า ทั้งยังมอบเส้นพลังชีวิตให้ ทั้งหมดเพียงเพราะเจตจํานงแห่งดาบของข้าใช่หรือไม่?”
ฉินเยว่เปิดเผยอย่างชัดเจนก่อนจะพยักหน้า “ถูกต้อง หากน้องชายไม่มีเจตจํานงแห่งดาบเช่นนั้นพี่หญิงคงไม่มอบชีวิตทั้งหมดให้เป็นแน่ เพราะถึงแม้ความแข็งแกร่งของเจ้าจะร้ายกาจเพียงใด แต่หากปราศจากเจตจํานงแห่งดาบ เจ้าก็ไม่สามารถยิ่งใหญ่ได้ เพราะในสถาบันจักรพรรดิความแข็งแกร่งเช่นเจ้านั้นมีมากมาย แต่ที่เหนือกว่าทั้งหมดคือเจ้ามีเจตจํานงแห่งดาบ ตามที่ข้าทราบ นอกจากปรมาจารย์ซุยที่สามารถเข้าถึงเจตจํานงแห่งดาบได้เมื่อร้อยปีก่อน ก็ไม่มีผู้ใดในสํานักดาบราชันสามารถเข้าถึงได้อีก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยางเย่เงียบไปชั่วครู่ เขาคิดแค่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อช่วยเหลือมารดามาตลอดแต่มันหาได้ใช่เรื่องที่ง่ายดาย เพราะถึงแม้จะไปถึงขั้นปราณจุติ เขาก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับมหาอํานาจอย่างราชวังบุปผาได้เห็นได้ชัดว่าเขาต้องสร้างกองกําลังของตนเองเพื่อทําเช่นนั้น
แผนการแรกที่จะใช้สัตว์อสูรราชันนั้นนับว่าเยี่ยม แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ เพราะนอกจากความสามารถในการต่อสู้แล้ว อย่างอื่นนับว่าไม่มีประโยชน์
คํากล่าวของนางไปกระตุ้นต่อมสนใจเข้า โดยเฉพาะสมาคมหน่วยข่าวกรอง เพราะหยางเย่เองก็ต้องจัดตั้งกองกําลังในโลกมนุษย์เช่นกัน
การก่อตั้งอํานาจของตนเองขึ้นนั้นเป็นสิ่งยากมาก แต่หยางเย่ก็มั่นใจในความสามารถของตนเองว่าจะทําสําเร็จ เพราะเขาคืออาจารย์ยันต์ ตราบใดที่ตนเองมีความมั่งคั่งเพียงพอ เช่นนั้นการก่อตั้งสมาคมของตนเองก็หาได้ใช่เรื่องที่ยากไม่
เขาขาดเพียงแค่คนที่มีความสามารถ หากเป็นเช่นนั้น ฉินนี่เยว่ไม่เหมาะสมกับงานนี้งั้นหรือ?ถึงแม้จะไม่ได้รับสิ่งสนับสนุนจากราชวงศ์ แต่นางก็สามารถใช้สมาคมหน่วยข่าวกรอง และธุรกิจบางอย่างได้ ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องสงสัยในความสามารถของนาง!
สําหรับความไว้วางใจ ตอนนี้นางได้มอบเส้นชีวิตให้หยางเย่ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไปกล่าวคือมันไม่ใช่เรื่องยากอีกที่จะเริ่มสร้างกองกําลัง
เมื่อนึกเช่นนั้น หยางเย่สูดหายใจลึกก่อนจะเอ่ย!