มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 117
ตอนที่ 117 สมาคมคร่าดารา
“เจ้าต้องการจะสร้างกองกําลังของตนเองงั้นหรือ?” หลังจากได้ฟันแผนการของหยางเย่ฉินเยวที่นอนอยู่ในอ้อมแขนเขาแสดงท่าที่สงสัยเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางประหลาดใจกับความคิดของหยางเย่
หยางเย่พยักหน้าพร้อมกล่าว “ทําไมล่ะ? มันเป็นไปไม่ได้หรือ?”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา!” ฉินเยว่ส่ายหัว “เจ้าทราบหรือไม่ว่าต้องมั่งคั่งเพียงใดจึงจะสร้างกองกําลังได้? นอกจากนั้นการค้นหาผู้คนที่มีพรสวรรค์และหาผู้ร่วมอุดมการณ์ยังไม่ง่าย เจ้าได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วยแล้วใช่หรือไม่?
หยางเย่พยักหน้าพร้อมกล่าว ”ข้าไตร่ตรองมาดีแล้ว เอาแบบนี้ไหม? ข้าจะดูแลในส่วนของค่าใช้จ่าย ส่วนท่านดูแลเรื่องผู้คน ตกลงหรือไม่?”
“น้องชาย มันหาได้เป็นมูลค่าที่น้อยไม่!” ฉินเยว่กล่าวด้วยท่าที่จริงจัง
” ข้าจะจัดการเอง!” หยางเย่กล่าวด้วยน้ําเสียงต่ํา ” ท่านแค่ช่วยข้าจัดการก็พอ เรื่องค่าใช้จ่ายข้าจะทําให้ดีที่สุด?”
“เจ้าจริงจังใช่หรือไม่?”
“แน่นอน!”
ฉินเยว่เงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ย ”ตกลง ขอบอกไว้ก่อนว่าเจ้าต้องจัดการเรื่องการเงินให้ดีมิเช่นนั้นข้าไม่อาจทําในสิ่งที่เจ้าต้องการสําเร็จได้”
หยางเย่เผยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่านางตกลง “อย่าได้กังวลไป ข้าจะไม่ให้ท่านต้องจ่ายเงินของตน เองแม้แต่เหรียญเดียว!”
“เจ้าตั้งใจจะจัดตั้งสมาคมแบบไหนงั้นหรือ? สมาคมนักปราชญ์หรือสมาคมมือสังหาร?” ฉินเยว่เอ่ยถาม ***ตรงนี้เปลี่ยนจากสมาคมหน่วยข่าวกรองเป็นสมาคมนักปราชญ์นะครับผู้อ่าน)
หยางเย่คิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ในแง่ของมันสมอง สมาคมนักปราชญ์ของท่านเพียงพอแล้วข้าต้องการสมาคมที่เชี่ยวชาญด้านการลอบสังหาร”
” ข้าขอทราบเหตุผลที่เจ้าต้องการจัดตั้งสมาคมได้หรือไม่?”
” ท่านไม่ทราบจะเป็นดีกว่า มิเช่นนั้นท่านจะเกิดความไม่มั่นใจได้!” หยางเย่กล่าวอย่างหนักแน่น หากสตรีผู้นี้ทราบว่าเขาก่อตั้งสมาคมเพื่อใช้ต่อกรกับราชวังบุปผา เช่นนั้นนางจะต้องคิดว่าเขาบ้าแน่นอนพอ
ฉินเยว่กลอกตามองไปที่หยางเย่ จากนั้นนางไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีก สําหรับนาง มันเพียงพอแล้วที่เขายอมร่วมมือด้วย
“เนื่องจากเราได้ร่วมมือกันแล้ว เจ้าก็ไม่จําเป็นต้องปิดนามที่แท้จริง” ฉินเยว่กล่าว
หยางเยู่ทําได้เพียงหัวเราะกลบเกลื่อนเมื่อได้ยินเช่นนั้น สตรีผู้นี้ฉลาดจนทราบว่าเขาใช้นามแฝง
เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนเอ่ย ” หยางเย่จากเมืองทักษิณภิรมณ์”
“ฉินเยว่ จากราชวงศ์ฉิน และตอนนี้ยังเป็นคนรักของหยางเย่!” ฉินเยว่กะพริบตาก่อนจะกล่าว
” ท่านช่วยจริงจังสักหน่อยได้หรือไม่”
“น้องชาย เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าบุรุษชอบสตรีซุกซน”
“…”
หลังจากพักผ่อนได้ครึ่งชั่วยาม อาการเจ็บปวดฉินเยว่ได้รับการฟื้นฟูเรียบร้อย นางยืนขึ้นพร้อมมองไปในทางตรงหน้าพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง “น้องชาย ก่อนหน้านี้จวินหลินบอกว่าสุสานจักรพรรดิโจวได้ปรากฏขึ้น ข้าคิดว่าพวกเราควรไปดูเสียหน่อย”
” ทําไมกัน?” หยางเย่งุนงงก่อนจะเอ่ยถาม ” อย่าลืมสิว่าพวกเรากําลังถูกไล่ล่าอยู่”
ฉินช่เยวพยักหน้า“น้องชาย ถึงแม้พี่หญิงจะไม่ทราบว่าเหตุใดเจ้าถึงคิดจะสร้างสมาคมมือสังหารแต่เห็นได้ว่ามันเป็นสิ่งสําคัญอย่างมากสําหรับเจ้า เมื่อมันสําคัญถึงเพียงนั้นพวกเราก็ไม่อาจก่อตั้งสมาคมที่อ่อนแอได้ หากต้องการจะก่อตั้งสมาคมที่แข็งแกร่งเช่นนั้นพวกเราต้องหาทรัพยากรอย่างเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลัง เคล็ดกระบวนท่าวัตถุทมิฬและอีกหลายอย่างของพวกนี้น่าจะหาได้ไม่ยากในสุสานจักรพรรดิโจว ดังนั้นเจ้าไม่คิดหรือว่าควรไปฉกมันมา?”
หยางเย่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเผยรอยยิ้ม “สมเหตุสมผลดี เอาล่ะ มุ่งหน้าไปยังสุสานจักรพรรดิโจวกัน!”
ทันทีที่กล่าวจบ ประกายแสงสีม่วงได้เปล่งขึ้น มิงค์ม่วงในตันเถียนนวนของหยางเย่ไปปรากฏตัวบนไหลของเขา
ทันใดนั้นท่าทีของหยางเย่ได้เปลี่ยนไป เขาไม่คิดสิ่งใดมากก่อนจะใช้ก้าววายุเพื่อมุ่งไปด้านหลังจากนั้นเขาชักดาบออกมาฟันไปตรงมุมของกําแพงที่ดูเหมือนจะว่างเปล่า
เคล้ง!
ทันทีที่ดาบของหยางเย่ไปถึง มีดทมิฬได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศเพื่อป้องกันการโจมตีของหยางเย่ เวลานี้เงาสีดําได้ออกมาจากกําแพง
หลังปัดการโจมตีของหยางเยได้ เงาดําได้รีบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเงาดําไม่ได้หายไปไหนแต่กลับยืนประจัญหน้าหยางเย่แทน
หยางเย่ไม่ได้โจมตีต่อ เขาแสดงท่าที่เคร่งขรึมผ่านดวงตาขณะยืนมองเงาดํา วิชาตัวเบาที่แปลกประหลาดของเงาดํานั้นน่าสะพรึงอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ที่การลอบโจมตีของคนผู้นี้ล้มเหลวขณะอยู่กลางสนามรบ หยางเย่คิดว่ามือสังหารคนนี้คงจะยอมแพ้หรือรอโอกาสเหมาะ แต่ไม่คาดคิดว่าจะปรากฏตัวขึ้นในเวลานั้นมันตั้งใจงั้นหรือ??
ฉินที่เยวมองไปที่เงาดําที่ดูเหมือนกําลังครุ่นคิดบางอย่าง มันทําให้ดวงตานางหรี่เล็กลงพร้อมแสดงท่าที่เคร่งขรึม เวลานี้แส้ได้ปรากฏขึ้นบนมือนาง
“เจ้าสามารถควบคุมสัตว์อสูรได้ และมันเป็นสัตว์อสูรตัวที่อยู่บนไหล่ของเจ้าที่เห็นข้าใช่หรือไม่?” ร่างชุดดํากล่าวด้วยน้ําเสียงสตรี และยังเป็นเสียงที่ใสอย่างยิ่ง
“เป็นสตรีงั้นหรือ?” หยางเย่ค่อนข้างประหลาดใจก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้าสามารถจะตอบคําถามเจ้า หากเจ้าตอบคําถามข้าด้วย ตกลงหรือไม่?”
” ข้าไม่อาจบอกได้ว่าใครต้องการสังหารเจ้า!” ดูเหมือนนางจะทราบว่าหยางเย่ต้องการจะถามอะไร และปฏิเสธอย่างหนักแน่น
หยางเยู่หัวเราะอย่างเย็นชา ”เช่นนั้นคิดว่าข้าจะตอบเจ้างั้นหรือ?”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เงาดําได้กล่าว ” ครั้งหน้าที่ข้าลงมือจะเป็นเวลาตายของเจ้า!”
หลังจากกล่าวจบ ร่างของเงาดําค่อย ๆ เลือนหายไปใต้ความมืด
หยางเย่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเงาดําหายไป แต่เดิมเขาคิดจะใช้สหายตัวจ้อยจับเงาดําไว้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่าย เงาดําคนนั้นมีวิชาตัวเบาที่แปลกประหลาดจนทําให้เขายืนอยู่จุดที่ได้เปรียบหลังจากปะทะกับเงาดําหลายครั้ง เขายังไม่สามารถทราบได้ว่าเงาดํานั้นเป็นสตรีจนนางได้เอ่ยคําผ่านเสียง
” พวกเขาคือมือสังหารคร่าดารา” ทันใดนั้นฉันซี่เยว่กล่าวด้วยน้ําเสียงต่ํา
“มือสังหารคร่าดารา?” หยางเย่ขมวดคิ้วพร้อมกล่าว ” ท่านทราบตัวตนของนางงั้นหรือ?”
ฉินเยวพยักหน้า “นางน่าจะเป็นคนของสมาคมคร่าดารา เป็นองค์กรที่สร้างความปวดหัวให้หกมหาอํานาจและจักรวรรดิต้าฉินอย่างมาก กองกําลังของพวกมันคลอบคลุมเขตแดนใต้ทั้งหมดหากเจ้าสามารถจ่ายราคาตามต้องการ แม้จะเป็นเจ้าสํานักของโรงเรียนปราชญ์ก็ยังทําได้”
” พวกเขากล้าลอบสังหารเจ้าสํานักโรงเรียนปราชญ์ได้เลยงั้นหรือ?” หยางเย่ตกตะลึง “เจ้าสํานักโรงเรียนปราชญ์อยู่อย่างน้อยขั้นปราณจุติหรือปราณจักรพรรดิ แต่พวกคร่าดารายังกล้าลอบสังหารยอดฝีมือระดับนั้นได้ พวกมันไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยหรือ!?”
ฉินเยว่กล่าวต่อ “สมาชิกในสมาคมแบ่งออกเป็น มือสังหารขั้นมนุษย์ มือสังหารขั้นปฐพีมือสังหารขั้นเทวะ มือสังหารขั้นโลหิต และมือสังหารขั้นไร้เงา หลายปีก่อนมือสังหารขั้นไร้เงาได้ลอบสังหารผู้อาวุโสขั้นปราณจักรพรรดิของโรงเรียนปราชญ์มาแล้ว หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นพวกคร่าดาราได้ทําให้เขตแดนใต้บันปวนอย่างหนัก”
หยางเยู่กลืนน้ําลาย “มือสังหารขั้นไร้เงาช่างน่าสะพรึงนัก”
เขาเก็บอาการตกใจไว้พร้อมเอ่ยถาม ” แล้วโรงเรียนปราชญ์ไม่ชําระหนี้แค้นหรือ?”
ฉินซี่เยวส่ายหัว ” พวกเขาจะไม่ทําได้เช่นไร? เวลานั้นเพื่อการแก้แค้น โรงเรียนปราชญ์ร่วมมือกับราชวังบุปผา และสํานักภูตผี และพวกเขายังจ่ายอย่างหนักเพื่อให้จักรวรรดิต้าฉินเข้าร่วมด้วย แต่นอกจากจะแก้แค้นไม่ได้ พวกเขายังจับสมาชิกของพวกมันไม่ได้แม้แต่คนเดียว! หลังจากผ่า นไปช่วงเวลาหนึ่ง โรงเรียนปราชญ์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้”
“แม้แต่โรงเรียนปราชญ์ยังทําอะไรไม่ได้?” หยางเย่ตกตะลึงอีกครั้ง โรงเรียนปราชญ์คือมหาอํานาจที่แข็งแกร่งที่สุด แต่พลังอํานาจขนาดนั้นยังไม่สามารถจัดการกับองค์กรนี้ได้พวกมันช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“ใครจะทราบล่ะ?” ฉินเยว่ยิ้ม ” ภายนอกโรงเรียนปราชญ์ยอมแพ้ไปแล้ว แต่ความจริง โรงเรียนปราชญ์ได้แทรกซึมเข้าไปในองค์กรนี้เรียบร้อยแล้ว!? น้องชาย เจ้าไปทําให้ใครขุ่นเคืองเข้าล่ะถึงยอมจ่ายราคาสูงเพื่อลอบสังหารเจ้า?”
” ข้าก็ต้องการจะทราบคําตอบของคําถามท่านเช่นกัน!” หยางเย่กล่าว เขาเองก็ต้องการจะทราบว่าเป็นผู้ใด หยางเยู่ได้สังหารศัตรูที่ควรจะโดนไปหมดแล้ว ศัตรูเดียวที่มีตอนนี้คือราชวังบุปผาแต่ราชวังบุปผาต้องจ่ายขนาดนี้เพื่อสังหารเขาเลยงั้นหรือ?
ฉินเยว่แสดงท่าที่เคร่งขรึม “น้องชาย ไม่ว่าจะเป็นใคร เจ้าก็ต้องระวังตัวให้มาก พวกมันจะไม่ยอมแพ้หากไม่สําเร็จในการลอบสังหาร กล่าวคือ ตั้งแต่พวกเขารับงาน ถ้างานไม่ถูกยกเลิกสมาคมจะทําการลอบสังหารเจ้าตลอดเวลาจนตาย!”
หยางเย่ขมวดคิ้ว มือสังหารทําให้เขาต้องคิดหนักอย่างแท้จริง เพราะมือสังหารจะไม่ยอมเลิกราหากเขาไม่ตาย หากไม่ใช่เพราะสหายตัวจ้อย เช่นนั้นเขาคงไม่มีทางอื่นนอกจากซ่อนตัวอยู่ในยอดเขาผู้ใช้ยันต์ …
เมื่อเห็นหยางเย่ขมวดคิ้วแน่น ฉินเยวจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ”น้องชาย เจ้าไม่จําเป็นต้องกังวลไปหรอก ด้วยความสามารถของสหายตัวจ้อยรวมกับความแข็งแกร่งของเจ้า เช่นนั้นถ้าพวกเขาไม่ส่งมือสังหารขั้นปฐพีมา เพียงแค่ขั้นมนุษย์นั้นไม่สามารถทําอะไรเจ้าได้!”
“ถูกต้อง ด้วยความสามารถของสหาย ถึงแม้จะอยู่ในจุดเสียเปรียบ ข้าก็ยังคงได้เปรียบอยู่อย่าเสียเวลาว่าความเลย รีบไปสุสานจักรพรรดิโจวกันเถอะ”
ฉินเยวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม เวลานี้ทั้งสองเริ่มสอบถามข้อมูลจากผู้ฝึกฝนอื่น และมุ่ง หน้าไปยังสุสานจักรพรรดิโจว