มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 137
ตอนที่ 137 ข้าต้องการเปลี่ยนท่าน!
“มีหินพลังปราณกว่าหกพันก้อน ของวิเศษขั้นสีดําระดับกลางสองชิ้น ระดับต่ําเจ็ดชิ้น วิชาขั้นสีดําระดับต่ํา สองชิ้น วิชาขั้นสีเหลืองระดับสูงที่เก้าชิ้น และสมุนไพรจิตวิญญาณอีกนับร้อยชนิด และยังมียันต์ห้าธาตุระดับต่ําอีกมากกว่าสิบแผ่น…” ฉันนี่เยวมองไปที่หยางเยพร้อมเอ่ย “แหวนมิตินี้เป็นของซูหยานจากโรงเรียนปราชญ์”
หยางเย่กล่าวอย่างลังเล “เร็วเข้ารีบดูแหวนวงอื่น!”
เฉินเยวพยักหน้าก่อนจะตรวจดูแหวนวงอื่น
ไม่นานแหวนทั้งหมดได้ถูกตรวจสอบ เมื่อหยางเย่เห็นสิ่งที่ได้รับ เขาไม่อาจข่มอาการตื่นเต้นดีใจไว้ได้ถึงแม้ตนเองจะมั่งคั่งอยู่แล้ว
สิ่งที่พวกเขาได้รับในครั้งนี้มีของวิเศษขั้นสีดําระดับสูงหนึ่งชื่น ระดับกลางสิบเอ็ดชิ้น ระดับต่ําสิบเจ็ดชิ้น คัมภีร์ขั้นสีดําระดับสูงหนึ่งชิ้น ระดับต่ําหกเล่ม วิชาขั้นสีเหลืองระดับสูงสิบหกเล่ม ยันต์ลมกรดระดับสูงหนึ่งแผ่นระดับกลางสิบเจ็ดแผ่น และระดับต่ํายี่สิบเจ็ดแผ่น
นอกจากนั้นยังมีหินพลังปราณอีกมากกว่าหมื่นก่อน แน่นอนว่าพวกเขาได้มากกว่านี้ แต่นอกจากที่กล่าวมา ของชิ้นอื่นนับว่าไม่มีค่า…
หยางเย่ได้สงบลงหลังจากตื่นเต้นมานาน “แค่เท่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะก่อตั้งสมาคมใช่หรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่!” ฉินเยว่กลอกตามองหยางเย่ “เจ้าคิดว่าการก่อตั้งอะไรสักอย่างมันง่ายงั้นหรือ? อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มันจะไม่พอ แต่หากขายมันไปและรวมกับธุรกิจที่ข้ามีในเมืองหลวง เช่นนั้นพวกเราก็อาจจะสามารถตั้งสมาคมได้ แต่ค่าใช้จ่ายหลังจากนั้นจะหนักหนาขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน เจ้าต้องเตรียมตัวสําหรับสิ่งนั้น แต่เมื่อเจ้าเป็นอาจารย์ยันต์ สิ่งนี้ก็คงไม่ยากเกินความสามารถ!”
ในตอนแรกนางไม่มีความมั่นใจมากเท่านักที่หยางเย่จะก่อตั้งสมาคม แต่ก็มีความหวังเพิ่มมาเล็กน้อยเมื่อ ทราบว่าหยางเย่เป็นอาจารย์ยันต์ แต่มันก็เพียงเล็กน้อย…
หยางเย่เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะนํายันต์ระดับสูงยี่สิบห้าแผ่นออกมา เขาครุ่นคิดอีกครั้งก่อนจะนํากระบี่โลหิต และวิชาที่ได้จากหัตถ์โลหิตออกมา หยางเย่ส่งทั้งหมดให้ฉินเยวพร้อมเอ่ย “ยันต์ระดับสูงยี่สิบห้าแผ่น เก็บบางส่วนไว้ให้ตัวท่าน ส่วนนอกนั้นเอาไปขายได้เลย กระบี่และวิชานี้เป็นของสํานักภูตผี ข้าไม่อาจใช้มันได้ ดังนั้น เอาไปขายให้หมด! “
แต่ก่อนหยางเย่ไม่สามารถใช้ของเหล่านี้ได้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนําไปขาย ตอนนี้เขาได้ส่งมันให้สตรีตรงหน้าเพื่อเอาไปเข้าสู่ตลาด
ฉินเยวมองไปยังกระบี่โลหิตและคัมภีร์ก่อนจะมองไปที่หยางเย่ นางแสยะยิ้มก่อนเอ่ย “เจ้าไม่คิดหรือว่าข้าจะนําของของเจ้าไปใช้เอง?”
เมื่อกล่าวจบนางส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมหัวเราะ “ข้าลืมไปว่าเส้นวิญญาณของข้าติดอยู่กับเจ้า”
หยางเย่ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะปิดตาลง หลังจากนั้นไม่นาน เส้นวิญญาณสองเส้นถูกนําออกจากร่างของเขา หยางเย่เปิดตาออกพร้อมกล่าว “นี่เส้นวิญญาณทั้งสองของท่าน รับมันกลับไปเสีย!”
ถึงแม้สตรีตรงหน้าจะอยู่ในการควบคุมของเขา หยางเย่ก็ทราบดีว่าวิธีดังกล่าวอาจทําให้การร่วมมือของพวกเขาล้มเหลวลงได้ อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ผลกับสตรีที่ฉลาดอย่างนาง เมื่อเป็นเช่นนั้น มันเป็นการดีกว่าที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเชื่อใจกันด้วยตนเอง!
นางมองไปยังเส้นวิญญาณที่ดูราวกับมีชีวิตอยู่ก่อนจะมองไปที่หยางเย่ “เจ้าทราบหรือไม่ว่าการมีเส้นพลังทั้งสองของข้า เจ้าจะสามารถควบคุมชีวิตข้าได้ กล่าวคือเจ้าจะมีหุ่นเชิดขั้นปราณราชัน เจ้าคิดจะคืนมันให้ข้าจริงหรือ?”
หยางเย่กล่าวอย่างจริงจัง “ข้าเหมือนคนขี้ล้อเล่นหรือไง?”
“ทําไมเจ้าถึงทําแบบนี้?” ฉินเยว่เอ่ยถาม
หยางเย่ยิ้ม “ข้าหวังว่าจะทําให้ท่านเปลี่ยนไปได้ และทํางานกันอย่างบริสุทธิ์ใจ”
เขาไม่คิดจะกล่าวประโยคที่ลึกซึ้ง เพราะคําเหล่านั้นไม่สามารถทําอะไรสตรีตรงหน้าได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นการกล่าวอย่างตรงไปตรงมาจะเป็นการดีที่สุด
“เจ้าทราบหรือไม่ ยังไงข้าก็จะทํางานอย่างบริสุทธิ์ใจถึงแม้จะไม่คืนเส้นพลังชีวิตให้ยิ่งกว่านั้นข้ายังไม่กล้าคิดสิ่งอื่นอีก แต่เมื่อเจ้าส่งพวกมันคืนให้ข้า ทางเลือกมากมายได้กลับมาหาข้าอีกครั้ง” ฉินเยว่กล่าว
“ก็อาจจะ!” หยางเย่ยักไหล่พร้อมเอ่ย “ในตอนแรกที่ข้าไม่อยากร่วมงานกับท่านเพราะข้าไม่เชื่อใจท่าน ถึงแม้ข้าจะยังไม่เชื่อใจท่านหมดเปลือก แต่พวกเราก็สามารถเป็นสหายกันได้ กล่าวคือ หากข้ามีเส้นวิญญาณของท่าน พวกเราก็ไม่อาจเป็นสหายกันได้ มันจะมีบางอย่างที่ขั้นกลางความสัมพันธ์ของเราอยู่ ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”
ฉินเยว่ขยับมือตนเองจนเส้นวิญญาณกลับเข้าไปในร่าง หลังจากนั้นนางมองไปยังหยางเย่ “พวกเราจะเป็นแค่สหายกันแค่นั้นหรือ?”
“ไม่ได้หรือไง?…” หยางเย่ยังไม่ทันกล่าวจบ ฉินเยว่ก็ได้เข้าไปสวมกอดอย่างฉับพลัน จากนั้นได้ประกบริมฝีปากแดงบนริมฝีปากของหยางเย่ เหตุการณ์ดังกล่าวดําเนินไปได้ไม่นาน ฉินเยว่ทําเพียงแค่จิกริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะถอยออกไป
จากนั้นนางยิ้มพร้อมเอ่ย “น้องชาย เจ้าได้กระทําสิ่งที่คิดไว้สําเร็จแล้ว พี่หญิงได้เปลี่ยนไปแบบที่เจ้าต้องการ ดูสิ พี่หญิงรู้สึกใจสั่นจนเกือบจะยอมแพ้ให้กับเจ้าแล้ว!”
หยางเย่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะอย่างขมขึ้น “อย่าทําแบบนี้อีกในอนาคต”
ถึงแม้เขาจะได้รับมันแต่ก็รู้สึกไม่ถูก สิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้น เขาไม่อาจฝืนใจทํามันลงได้แม้แต่น้อย…
“ดูเหมือนเจ้าจะซื่อสัตย์ต่อสตรีที่เจ้าชอบมากนะ!” ฉินเยว่ยิ้มพร้อมเอ่ย “น้องชาย ดูเหมือนพี่หญิงจะต้องสอนให้เจ้ารู้รสของการมีเมียหลายคนในอนาคตเสียแล้ว มิเช่นนั้นเจ้าคงทิ้งพี่หญิงไปเพื่อสตรีผู้นั้น!”
“หยุดสนทนาเรื่องนี้เสียที!” หยางเย่ส่ายหัว “เราจะแยกทางกันตรงนี้ ท่านกลับไปยังจักรวรรดิต้าฉันก่อน เพราะข้ายังมีสิ่งที่ต้องทําให้สําเร็จในขุนเขาไม่สิ้นสุด ใช่สิ หากข้าต้องการติดต่อสื่อสารกับในอนาคตข้าต้องทํา ยังไง?”
“เจ้ายังจะอยู่ในขุนเขาไม่สิ้นสุดต่อปั้นหรือ?” ฉินเยว่หุบยิ้มแล้วเปลี่ยนไปขมวดคิ้ว “หากข้าคิดไม่ผิดมันยังมียอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณไล่ล่าพวกเราอยู่นะ ถึงแม้เจ้าจะมีสหายลึกลับตัวจ้อยอยู่เพื่อปกปิดพลัง มันก็ยังไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก ถ้าพวกเขาจับเจ้าได้ล่ะ? เจ้าต้องตกอยู่สถานการณ์ลําบากแน่นอน!”
หยางเย่แสยะยิ้มพร้อมเอ่ย “ไม่เป็นอะไร ถึงแม้จะเป็นขั้นปราณจุติก็ไม่กล้าไปในที่ที่ข้าจะไปหรอก สถานที่นั้นปลอดภัยแน่นอน สําหรับท่าน ถึงแม้ขุนเขาไม่สิ้นสุดจะไม่ทําอันตรายใดได้ แต่ก็จงระวังหลานท่านให้ดีเมื่อกลับไปยังวังหลวง ข้าไม่ต้องการให้เกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านก่อนจะก่อตั้งสมาคม”
“เมื่อข้ากลับไปยังวังหลวง เช่นนั้นข้าจะมีวิธีจัดการเขามากมาย!” ประกายเย็นเยือกปรากฏผ่านดวงตาฉินที่เยว่
หยางเย่กล่าวเสียงต่ํา “อย่าทําอะไรโง่ ๆ ล่ะ หากเผยตัวตน เช่นนั้นเขาอาจจะใช้มารดามาจัดการกับท่านได้ ยังไม่จําเป็นที่จะต้องรีบร้อนช่วยมารดาตอนนี้ ข้าจะเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เช่นนั้น พวกเราค่อยวางแผนช่วยมารดาท่านจะดีกว่าหรือไม่?”
“เจ้าจะเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์งั้นหรือ?” ฉินเยว่เอ่ยอย่างประหลาดใจ
หยางเย่พยักหน้า “ข้าจะเป็นตัวแทนของสํานักดาบราชันระหว่างการประลอง และมันสําคัญอย่างมาก!”
“แต่เจ้าบอกว่าไม่ใช่ศิษย์สํานักดาบราชันแล้ว…”
“ข้าไม่ได้เป็นตัวแทนให้สํานักดาบราชัน แต่เป็นตัวแทนให้คน ๆ หนึ่ง” หยางเย่เอ่ย
“สตรีงั้นหรือ?” ฉินเยว่ถาม
หยางเยู่พยักหน้า
นางถามต่อ “สตรีที่เจ้าชื่นชอบ?”
“เราหยุดสนทนาเรื่องนี้เสียทีได้หรือไม่?” หยางเย่ไม่ต้องการจะกล่าวสิ่งใด
“แน่นอน!” ฉินเยว่ยังยิ้มและเอ่ยต่อ “แต่พี่หญิงยังคงอยากรู้อยากเห็น สตรีประเภทไหนกันที่ทําให้น้องชายของข้าต้องนึกถึงอยู่ตลอดเวลา เอาล่ะ อย่าทําหน้าแบบนั้นสิ ข้าจะไม่เอ่ยถึงอีกก็ได้ อันที่จริงตั้งแต่ที่เจ้าบอกว่าจะเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ เช่นนั้นพี่หญิงก็จะรอเจ้าเงียบ ๆ อยู่ที่วังหลวง และหากสามารถเข้าร่วมได้ มันก็ไม่ยากที่จะช่วยมารดาข้า!”
“ยิ่งข้าโดดเด่นมากเท่าไหร่ โอกาสได้การช่วยมารดาท่านก็ยิ่งมากขึ้นใช่หรือไม่?” หยางเย่เอ่ยถาม
ฉินเยวพยักหน้าพร้อมยิ้ม “แน่นอน เพราะข้าหนี้มากับเจ้า หากสามารถไปได้ถึงอันดับที่ยี่สิบ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถทําอะไรเจ้าได้อีก เวลานั้นสถานะข้าจะยิ่งสูงส่งขึ้น และนอกจะพวกเขาจะไม่ลงโทษข้า พวกเขาจะยังให้ความสําคัญกับข้าอีก มันคือความจริง เมื่อมีใครบางคนที่มีความสามารถมากพอ เช่นนั้นข้อผิดพลาดของคนผู้นั้นจะไร้ความหมายในทันที”
หยางเย่ต้องการจะบอกว่าสิ่งที่เขาต้องการนั้นไม่ใช่เพียงอันดับที่ยี่สิบ แต่เป็นอันดับแรก… แต่เขาก็คิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเงียบไป เพราะเป้าหมายนั้นดูจะเกินจริงไปสําหรับนาง