มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 24.2
ตอนที่ 24 สหายลึกลับตัวจ้อย 2
ทันใดนั้นเงาสีม่วงพุ่งออกมาจากป่าทึบในระยะสามร้อยเมตร เงาสีม่วงนั้นรวดเร็วอย่างมาก ไม่สิ มันกล่าวได้ว่าแปลกยิ่งนัก เพราะเงาสีม่วงมันเคลื่อนที่ในพริบตาทุกครั้งที่ก้าว
ขณะมองไปยังฉากที่แปลกประหลาดตรงหน้า หยางเย่รู้สึกมึนงงเล็กน้อย เขารีบกลั้นหายใจและพยายามไม่ขยับตัว
เงาสีม่วงเคลื่อนที่จากระยะสามร้อยเมตรมาถึงหยางเย่อยู่ช่วงสองลมหายใจ โชคดีที่เงาสีม่วงไม่หยุดตรงเขาพร้อมพุ่งผ่านไป
หยางเย่ถอนหายใจโล่งอกออกมา ทันใดนั้นเงาสีม่วงที่อยู่ด้านหลังเขาสามสิบเมตรหยุดชะงัก ไม่นานมันมาปรากฏกายตรงหน้าทันที
ร่างกายหยางเย่ถึงกับแข็งทื่อ เมื่อมองไปยังสิ่งนี้… สิ่งมีชีวิตตัวจ้อยที่ปรากฏตรงหน้าเขา หยางเย่ไม่กล้าขยับตัว เขาเกรงว่าจะไปกวนสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยนี้ และมันอาจจะสังหารเขาได้
มันคือตัวมิงค์ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ทั้งยังดูค่อนข้างน่ารักมากทีเดียว ทั้งตัวมันเป็นสีม่วง ร่างกายที่เพรียวยาว แขนขาสั้น หูตั้ง และหางเล็กจ้อยแกว่งไปมาด้านหลัง ยิ่งกว่านั้นมันมีเครื่องหมายดอกบัวโลหิตอยู่กลางหน้าผาก
ตัวมิงค์สีม่วงหยุดชะงักกลางอากาศขณะที่ตามองไปยังหยางเย่ มันกระพริบตาปริบดูน่ารักอย่างยิ่ง แต่ในระยะสายตาที่มีชีวิตชีวาและน่ารักคู่นั้น หยางเย่ไม่กล้าที่จะหายใจรุนแรง เพราะความว่องไวของเจ้ามิงค์ม่วงทำให้หยางเย่หวาดกลัวยิ่งนัก มันเป็นความว่องไวที่แม้กระทั่งยอดฝีมือขั้นปราณราชันก็ไม่มี!
จากนั้นไม่นาน มิงค์ม่วงขมวดคิ้วราวกับมนุษย์ มันเดินสองก้าวไปใกล้หยางเย่ ทันใดนั้นมันใช้จมูกที่เล็กดมตัวของเขา เมื่อสังเกตว่ามีบางสิ่งที่ถูกใจ มิงค์ม่วงตาเปิดกว้าง ถึงแม้หยางเย่จะไม่รู้ภาษาสัตว์ เขาก็ทราบว่ามิงค์น้อยตัวนี้กำลังมีความสุขอยู่ เพราะท่าทางของมิงค์ตัวจ้อยนั้น คล้ายคลึงกับท่าทางที่หยางเย่ดีใจในวันที่ได้เป็นผู้ใช้พลังปราณล้ำลึก
มิงค์ม่วงดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ดีจากตัวหยางเย่ มันใช้จมูกดมไม่หยุด ใบหน้าที่เล็กกลมนั้นแสดงอาการมึนเมาออกมา
เมื่อหยางเย่กำลังจะหนี มิงค์ม่วงตรงหน้ากลายเป็นประกายแสงสีม่วงพุ่งเข้าอกเขา การกระทำของมิงค์ม่วงทำให้หยางเย่สับสนไปหมด
ต่อมาหยางเย่รีบตรวจสอบร่างกาย เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกาย หยางเย่บ่นพึมพำราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ “เป็น… เป็นได้ยังไงกัน? มันเป็นไปได้ยังไง?”
ถูกต้อง สหายตัวจ้อยมันเข้าไปในร่างกาย ยิ่งกว่านั้นมันพุ่งเข้าไปยังตันเถียนน้ำวนของหยางเย่ ก่อนหน้านี้เขาเพ่งกระแสจิตไปในร่างกาย ข้างในนั้นมีมิงค์ม่วงคลอเคลียกับตันเถียนน้ำวน ใบหน้าเล็กจ้อยของมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็ทำท่างุนงงและท้ายสุดก็ตื่นเต้นอีกครั้ง
มิงค์ม่วงดูท่าทางตื่นเต้นอย่างมาก มันกระโดดโลดเต้นอย่างไม่หยุดหย่อนในตันเถียนน้ำวน ดูราวกับทหารรับจ้างได้เจอสมบัติล้ำค่า
ทันใดนั้น หยางเย่เปิดตาขึ้นก่อนจะมองตรงไปด้านหน้า เงาทมิฬปรากฏออกมาจากป่าที่หนาทึบ เมื่อเห็นเงาทมิฬปรากฏ หยางเย่กลืนน้ำลายพร้อมความสับสนในหัว เพราะร่างสีดำมันกำลังบินอยู่กลางอากาศ มันบินโดยไม่ใช้พลังขับเคลื่อนภายนอก
หยางเย่ไม่ทราบว่าต้องอยู่ขั้นไหนถึงจะบินได้โดยไม่ใช้พลังภายนอก ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือขั้นปราณราชันหรือขั้นปราณจิตวิญญาณก็ไม่สามารถทำได้ หรืออาจเป็นพลังที่เหนือกว่าขั้นจิตวิญญาณ พลังปราณขั้นจุติ
เงาทมิฬบินอย่างรวดเร็วผ่านตรงหน้าหยางเย่ไป มันมีร่างสีดำทึบพร้อมพลังปราณดำทมิฬรอบกาย เส้นใยสีดำที่โคจรรอบตัวราวกับงูพิษที่พร้อมจะกลืนกินศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
ร่างเงาทมิฬยังไม่หยุด มันลอยผ่านไปในเส้นทางอย่างรวดเร็ว
ในอีกด้านหนึ่ง ใบหน้าหยางเย่ซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด เหตุเพราะเงาทมิฬที่จ้องมองมา สายตาที่น่ากลัวทำให้ราวกับตกอยู่ในนรก ความรู้สึกหวาดกลัวถาโถมเข้าร่างกาย มันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถจะต้านทานได้แม้แต่น้อย
‘ไม่นะ!’ การที่ไม่กล้ามองเงาทมิฬ มันบังเกิดความอัปยศขึ้นในใจหยางเย่ เขาคำรามเสียงต่ำออกมาพร้อมเงยหน้ามองไปยังเงาทมิฬที่หายไป เขารวบรวมความกล้าพร้อมกล่าว “ข้าตายเสียดีกว่าต้องมาหวาดกลัว ดาบของศิษย์สำนักดาบราชันยอมแตกดีกว่างอ และศิษย์สำนักดาบราชันยอมตายดีกว่าทนอัปยศ!” มันเป็นคำกล่าวของผู้ก่อตั้งสำนักดาบราชันที่ปรากฏขึ้นในหัวของหยางเย่!
หลังจากกล่าวจบ ความรู้สึกหวาดกลัวในจิตใจเขาหายไปหมดสิ้น
ขณะเดียวกันดาบในมือเขาเริ่มสั่นอย่างรุนแรง มันส่งเสียงคำรามดังก้องไปทั่วก่อนจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง
ในอีกด้านหนึ่ง ดวงตาหยางเย่ปิดลง หลังจากกล่าวคำจบ เขาเข้าสู่สภาวะที่แปลกประหลาด
หยางเย่ไม่รู้ตัวเมื่อเข้าสู่สภาวะนี้ มันไม่ใช่แค่ดาบที่แตกออก แม้กระทั่งต้นไม้รอบด้านยังสั่นคลอนราวกับเกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้น
หากปรมาจารย์ทั้งเจ็ดหรือเจ้าสำนักดาบราชันมาอยู่ตรงนี้ พวกเขาคงทราบว่าหยางเย่อยู่ในสถานะไหน มันคือสภาวะที่ผู้คนจำนวนมากในสำนักดาบราชันถวิลหา มันคือการเข้าถึงจิตวิญญาณแห่งดาบ หนึ่งร้อยปีมานี้ยังไม่เคยมีใครในสำนักดาบราชันเข้าถึงได้
ชิ้ง!
ทันทีที่หยางเย่เข้าสู่สภาวะนี้ เสียงตัดอากาศดังก้องไปทั่ว เงาทมิฬที่ทะยานหายไปได้หันกลับมาในทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่น่าหวาดกลัวแผ่พุ่งออกมา หยางเย่ละทิ้งสภาวะที่เป็นอยู่ตอนนี้พร้อมเรียกสติคืน
เมื่อเรียกสติได้แล้ว เงาทมิฬได้ปรากฏกายตรงหน้าหยางเย่ราวกับภูตผี