มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 7.1
ตอนที่ 7 อันดับของศิษย์นอกสำนัก 1
ณ ลานฝึกยุทธ์
หยางเย่เดินคู่กายกับผู้อาวุโสเชียน แม้จะเป็นยามดึก แต่ด้วยแสงสว่างจากหินแสงจันทร์รอบข้าง ลานฝึกยุทธ์จึงสว่างราวกับยามเช้า
ไม่นาน ผู้อาวุโสเชียนหยุดชะงักมองไปยังหยางเย่ “หยางเย่ เจ้ารู้สึกไม่พอใจที่ข้าลดขั้นเจ้าเป็นศิษย์แรงงานหรือไม่?”
หยางเย่ส่ายหัวพร้อมกล่าว “ผู้อาวุโสเชียน หากไม่เพราะท่าน น้องสาวและมารดาของข้าคงตกไปอยู่ในมือพวกตระกูลหลิวเป็นแน่ ข้ารู้สึกไม่พอใจ ทว่านั่นเป็นความรู้สึกต่อตัวข้าเอง ยามนั้น ข้าไม่อาจเป็นไปตามที่ผู้อาวุโสคาดหวัง ทั้งยังทำให้ท่านถูกเย้ยหยันจากผู้อื่น ข้าต่างหากที่ทำให้ผู้อาวุโสเชียนผิดหวัง!”
หยางเย่ไม่ลืมฉากที่บรรดาผู้อาวุโสนอกสำนักเย้ยหยันเขากับผู้อาวุโสเชียน เมื่อไม่สามารถเป็นผู้ใช้พลังปราณล้ำลึกได้ภายในปีที่แล้ว เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสนอกสำนักต่างหยอกล้อพวกเขาว่า “จอมห่วย” ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเรียกผู้อาวุโสเชียนว่าเจ้าเฒ่าตาฝ้าฟางนำสวะมายังสำนักดาบราชัน
กล่าวได้ว่าเขาเป็นตัวตลกท่ามกลางเหล่าศิษย์นอกสำนัก เป็นเพราะเขาเอง ผู้อาวุโสเชียนจึงกลายเป็นตัวตลกท่ามกลางบรรดาผู้อาวุโสนอกสำนัก
เมื่อได้ยินหยางเย่เอ่ยเช่นนั้น ผู้อาวุโสเชียนแตะไหล่เขาพร้อมกล่าว “ดี เรื่องมันผ่านไปแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องไปคิดถึงมันอีก ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจ้าเป็นผู้ใช้พลังปราณล้ำลึกห้าธาตุ ทั้งยังเป็นพลังปราณทองคำ มา มุ่งสู่ยอดเขานอกสำนักกัน ข้าอยากจะคืนตำเหน่งศิษย์นอกสำนักให้เจ้า แล้วมาดูกันผู้ใดยังกล้าเรียกเจ้าว่าสวะ!”
“ผู้อาวุโสเชียน ข้าอยากจะเข้าร่วมทดสอบนอกสำนักอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ข้าจะแสดงความแข็งแกร่งให้พวกเขาทราบว่าข้าไม่ใช่สวะ ท่านรับรู้สิ่งนี้ดีที่สุดในสำนักดาบราชัน!” หยางเย่กล่าวอย่างจริงจังเมื่อมองไปยังผู้อาวุโสเชียน หากเขาครอบครองพลังปราณห้าธาตุจริงก็คงตามผู้อาวุโสเชียนไปยังยอดเขานอกสำนักแล้ว แต่ปัญหาคือ พลังปราณทองคำนั้นเป็นของจริงหรือ? เขายังไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ความลับเกี่ยวกับตันเถียนน้ำวน!
ผู้อาวุโสเชียนชะงักเมื่อได้ยินคำกล่าว จากนั้นเริ่มหัวเราะออกมา “ดีมาก ดีมาก ข้าชอบความทะเยอทะยานของเจ้า”
สำนักดาบราชันสามารถรับศิษย์นอกสำนักได้สองวิธี อย่างแรกคือเหล่าผู้อาวุโสภายนอกเลือกศิษย์ของตนเองได้สามคน อย่างที่สองคือสอบเข้าสำนัก มันคือวิธีรับศิษย์มาตรฐานของสำนักดาบราชัน ผู้ใดที่เข้าสู่ระดับหกของขั้นปราณมนุษย์ก่อนอายุสิบเจ็ด ผู้นั้นจะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบ
ความแข็งแกร่งกับสถานะของศิษย์นอกสำนักที่ผ่านการทดสอบนั้น จะเหนือกว่าบรรดาศิษย์ที่ถูกเลือกผ่านเหล่าผู้อาวุโส เนื่องจากการทดสอบนั้นเข้มงวดอย่างมาก ไม่เพียงแค่ความแข็งแกร่ง ยังต้องมีความสามารถในการเข้าถึงพลังและพรสวรรค์โดยธรรมชาติ
กล่าวได้ว่าในอดีตเขาเข้ามาเป็นศิษย์นอกสำนักโดยวิธีทางลัด สถานะยามนั้นจึงอ่อนด้อยที่สุดในสำนักดาบราชัน
ผู้อาวุโสเชียนครุ่นคิดชั่วขณะ จากนั้นหยิบถุงเล็กออกมาจากกระเป๋า เขาส่งให้หยางเย่พร้อมกล่าว “มันเป็นการดีที่เจ้ามีความทะเยอทะยาน มีหินพลังปราณและยาเกราะพลังปราณสิบเม็ดในนี้ หินพลังปราณสามารถทำให้เจ้าดูดกลืนพลังปราณไวขึ้น ส่วนยาเกราะพลังปราณสามารถป้องกันเส้นลมปราณบาดเจ็บ”
หยางเย่เกิดอาการลังเลขณะมองถุงยาก่อนจะรับและกล่าวอย่างจริงจัง “ผู้อาวุโสเชียน อย่ากังวลเลย ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอีกต่อไป” เขาไม่ปฏิเสธความหวังดีของผู้อาวุโส เนื่องจากเขายังไม่มีทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง มิเช่นนั้นความเร็วในการบ่มเพาะพลังตอนนี้ มันอาจเป็นเป็นไปได้ยากในการเข้าสู่ระดับหกของขั้นปราณมนุษย์ก่อนอายุสิบเจ็ดปี
ผู้อาวุโสยิ้มพร้อมพยักหน้า “ข้าเชื่อว่าความไวในการบ่มเพาะพลังของผู้ครองพลังปราณห้าธาตุรวดเร็วอย่างมาก ข้าไม่ทราบว่าเจ้ามีปัญหาใดเมื่ออดีต แต่ดูเหมือนปัญหานั้นจะไม่มีอีกต่อไป จงฝึกฝนและตั้งใจเพื่อเป็นหนึ่งในสิบอันดับของการทดสอบ และแสดงให้พวกเขารู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นสวะ!” หลังกล่าวเสร็จ น้ำเสียงของผู้อาวุโสเชียนแฝงไปด้วยโทสะ แม้เขาจะเป็นผู้มีอารมณ์สุขุม แต่ยามนึกถึกสายตาของเหล่าผู้อาวุโสนอกสำนักท่านอื่น มันยังทำให้รู้สึกโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย
“สิบอันดับแรก?” หยางเย่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ทำไมกัน? เจ้าไม่มั่นใจในความสามารถที่มีหรือ?” ผู้อาวุโสกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หยางเย่ส่ายหัว เขาจะไร้ซึ่งความมั่นใจได้ยังไง? เป้าหมายสูงสุดไม่เพียงแค่เป็นศิษย์นอกสำนัก แต่มันคือการเป็นศิษย์ในสำนัก อดีต เขาไม่กล้าแม้จะคิดที่จะเข้าเป็นศิษย์ในสำนัก แต่บัดนี้การครอบครองพลังน้ำวนลึกลับในจุดตันเถียน ประกอบกับการฝึกฝนอย่างหนัก เขาเชื่อว่าตนเองสามารถเข้าเป็นศิษย์ในสำนักได้ไม่ยาก “แน่นอน ข้าต้องเป็นศิษย์นอกสำนักก่อนจะมีคุณสมบัติเพียงพอจะทดสอบเป็นศิษย์ในสำนัก!”
หยางเย่คิดไตร่ตรองอย่างหนักอยู่ชั่วครู่ ก่อนเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสเชียน ข้ามีบางสิ่งอยากถามท่าน!”
“มันคือสิ่งใดกัน?” ผู้อาวุโสพูดด้วยความใคร่รู้
หยางเย่บอกผู้อาวุโสเชียนเกี่ยวกับพวกตระกูลหลิวในเมืองทักษิณภิรมณ์ แต่เดิมเขาตั้งใจจะจัดการตระกูลหลิวด้วยความสามารถของตนเอง แต่ยามนี้ ความแข็งแกร่งของเขาไม่เพียงพออีกต่อไปและต้องใช้เวลา เช่นนั้น ความไว้วางใจเดียวคือผู้อาวุโสเชียน
ผู้อาวุโสเชียนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “หากข้าจำไม่ผิด หลิวชิงอวี่แห่งตระกูลหลิวเข้าเป็นศิษย์นอกสำนักแล้ว นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลหลิวถึงกล้าขัดคำเตือนข้าและเล็งครอบครัวเจ้าอีกครั้ง!”
“หลิวชิงอวี่?”
เมื่อได้ยินหยางเย่เอ่ยนามอีกครั้ง ผู้อาวุโสเชียนจึงกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “เขาคือศิษย์จากตระกูลหลิวที่เข้าเป็นศิษย์นอกสำนักไม่นาน หลังจากได้อันดับสามในการทดสอบเข้าสำนัก เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนในการบ่มเพาะพลังจนอยู่ในอันดับยี่สิบเก้าของสำนัก หากให้เดา ผู้อาวุโสภายในเริ่มจับตามองเขาแล้ว”
“อันดับที่ยี่สิบเก้า?” ท่าทางหยางเย่ดูจริงจังเช่นกัน