มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 93
ตอนที่ 93 เคล็ดวิชายันต์เทวะ
ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่เทียบอันดับสวรรค์ หรือช่วยมารดา หยางเย่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝึกหนัก ดังนั้น หยางเย่จึงปรับเปลี่ยนการใช้เวลา การปรับเปลี่ยนนี้มีการศึกษาเกี่ยวกับยันต์ในตอนกลางวัน การฝึกฝนบ่มเพาะพลังในตอนบ่ายจนถึงดึก
หนึ่งเดือนให้หลัง หยางเย่สามารถเขียนยันต์พื้นฐานได้ทั้งหมด ยิ่งกว่านั้นทุกชนิดยังเป็นยันต์ระดับสูง
สิ่งนี้ทําให้หยางเย่และหลินชานตื่นเต้นอย่างมาก เมื่อเป็นเช่นนี้หลินชานจึงไม่ห้ามหยางเย่ที่ขอฝึกวิชาในช่วงกลางวัน ในความคิดของหลินชาน ตั้งแต่วิถีแห่งยันต์ของเขาพัฒนาขึ้น เขาก็ไม่สนแล้วว่าหยางเย่จะใช้เวลามากเท่าไหร่ในการบ่มเพาะพลัง
ในส่วนของเคล็ดลับกระบวนท่า หยางเย่เก่งขึ้นมากในเคล็ดวิชาเหล่านั้น โดยเฉพาะวิชาควบคุมดาบ และปฏิกิริยาโต้กลับ เขาเพิ่มพื้นที่การควบคุมจากหกเมตรเป็นสามสิบเมตร กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หยางเย่สามารถใช้ดาบได้ราวกับขยับแขนขาตนเองในระยะสามสิบเมตรได้
แต่มันก็ยังลําบากในการควบคุมดาบเพื่อโจมตี ท้ายที่สุดแล้วเขาต้องแยกสมาธิเป็นสองส่วนเพื่อทําให้ควบคุมดาบได้ง่ายขึ้น หยางเย่มีความมั่นใจในการใช้ดาบมากขึ้น เพราะเขาได้ฝึกวิชาดาบพื้นดาบจนเขาสามารถใช้มันได้ดั่งใจ
ส่วนวิชาดาบกระชากสวรรค์ส่วนที่หนึ่ง การชักดาบ หยางเย่ได้พัฒนามันเพิ่มอีกเล็กน้อย ปัจจุบันเสียงจากการชักดาบเบาจนราวกับเสียงหวี่ของแมลง หากไม่ตั้งใจฟังอย่างดีก็ไม่สามารถได้ยินแม้แต่น้อย!
ในส่วนเจตจํานงแห่งดาบ หยางเย่ทราบถึงผลจากเจตจํานงแห่งดาบและวิธีผสานมัน ถูกต้อง เขาสามารถใช้มันเพื่อเพิ่มผลของความสามารถในเคล็ดวิชาได้ หากเขาใช้เจตจํานงแห่งดาบเพิ่มพลังให้ปราณดาบ เช่นนั้นปราณดาบจะเพิ่มพลังได้ถึงเท่าตัว
ยิ่งกว่านั้น เจตจํานงแห่งดาบนอกจากจะสามารถสกัดกั้นคู่ต่อสู้ได้แล้ว มันยังมีผลกระทบต่อสัตว์อสูรทมิฬด้วย เขาได้ทดลองใช้มันกับหมาป่าสีเทา ทําให้ความแข็งแกร่งของมันลดลงสามในสิบส่วนภายใต้แรงกดดันของเจตจํานงแห่งดาบ แต่หยางเย่เองก็ยังคงสับสน เพราะเจตจํานงแห่งดาบของเขาดูจะไร้ผลกับสหายตัวจ้อย หรือกล่าวได้ว่าได้รับผลเพียงนิดเดียวเท่านั้น ไม่ว่าในกรณีใดก็ตามเมื่อใช้เจตจํานงดาบกับสหายตัวจ้อย ไม่เพียงแค่สหายตัวจ้อยจะไม่ได้รับผลแล้ว มันยังใช้พลังกดดันสะท้อนกลับไปหาหยางเย่ได้
นอกจากหยางเย่จะพัฒนาอย่างขึ้นอย่างมากแล้ว ยังมีผู้อื่นที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงอีกหนึ่งคือน้องสาวของเขา เสี่ยวเหยา พรสวรรค์ของเสี่ยวเหยานั้นน่าตกตะลึงอย่างมาก นางสามารถเข้าถึงขั้นพลังปราณมนุษย์ระดับสี่ได้เพียงแค่เดือนเดียว แน่นอนว่านางคงไม่สามารถทําได้หากปราศจากคําแนะนําจากหลินชาน เนื่องจากหลินชานได้รับปากเปาเอ๋อว่าจะรับเสี่ยวเหยาเป็นหลานบุญธรรม ในตอนแรกหลินชานไม่ตั้งใจจะรับ แต่เมื่อผ่านไปได้สองถึงสามวันเขาเริ่มเต็มใจมากขึ้น
ถึงแม้เสี่ยวเหยาจะขี้เล่นเล็กน้อย นางก็นิสัยดีกว่ามารน้อยเปาเอ๋อมาก ยิ่งกว่านั้นเสี่ยวเหยายังกตัญญูรู้คุณ นอกจากบ่มเพาะพลังทั้งวัน นางยังทําอาหารอร่อย ๆ ให้หลินชานทุกวันด้วย เช่นนั้น หลังจากทนทรมานจากมารน้อยเปาเอื้อมาหลายปี หลินชานรู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้นางมาเป็นหลานบุญธรรม
เนื่องการหลินชานชื่นชอบเสี่ยวเหยา เขาจึงทําการแนะนําเกี่ยวเหยาแทบทั้งวัน สําหรับทรัพยากรการบ่มเพาะพลัง เสี่ยวเหยาสามารถขอเท่าไหร่ก็ได้ ด้วยความมั่งคั่งของหลินชาน อย่าว่าแต่เสี่ยวเหยาคนเดียว จะเป็นเสี่ยวเหยาอีกหนึ่งหมื่นคนเขาก็ไม่สะดุ้งสะเทือน
เมื่อเห็นหลินชานชอบในนิสัยของเสี่ยวเหยา ความรู้สึกที่ดีของหยางเย่ก็แสดงให้เห็นได้ชัดขึ้น แต่เขาก็รู้สึกหดหูเล็กน้อยเมื่อประสบปัญหาในการบ่มเพาะพลัง และไปขอคําแนะนําจากหลินชาน หลินชานจะให้งานเกี่ยวกับยันต์ก่อน และหลินชานจะให้คําแนะนําหลังจากเขาทํางานสําเร็จเท่านั้น
เช่นเดียวกับการได้รับทรัพยากรเพาะปลูก เขาต้องทํางานให้สําเร็จก่อนจึงจะได้รับมัน สิ่งนี้ทําให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะยังไงเขาก็เป็นศิษย์ของหลินชาน!
ในห้องโถงผู้รับใช้ยันต์ หยางเย่ได้นั่งอยู่ตรงโต๊ะหิน และกําลังสร้างยันต์ด้วยสมาธิที่สงบ ทั้งยังมีหลินชานเปาเอ๋อ และเสี่ยวเหยานั่งอยู่ด้านข้าง เวลานี้ พวกเขาทั้งสามกําลังจ้องมองอย่างจดจ่อไปที่ยันต์ของหยางเย่
ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง หยางเย่ยกพู่กันขึ้นพร้อมหายใจออกมายาว เขาค่อย ๆ วางพู่กันเขียนยันต์ลงด้านข้าง ก่อนจะหันไปมองหลินชานพร้อมเอ่ย “อาจารย์ ข้าทําเสร็จแล้ว!”
หลินชานหยิบยันต์ลมกรดมาดู เขาพยักหน้าอย่างพอใจทันทีที่เห็นว่ามันเป็นยันต์ระดับสูงอีกครั้ง “เยี่ยมมาก ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เปาเอ๋อและเจ้าสามารถเข้าใจในพื้นฐานของการเขียนยันต์ได้อย่างถ่องแท้ จากนี้ข้าจะสอนเคล็ดวิชายันต์เทวะแก่พวกเจ้า เมื่อพวกเจ้าสามารถเข้าใจ เทคนิคการสร้างยันต์ทั้งหมดแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าสามารถเป็นอาจารย์ยันต์ขั้นปฐพีได้!”
”เคล็ดวิชายันต์เทวะ?” ดวงดาหยางเย่เปิดกว้าง เขาถามด้วยความสงสัย “อาจารย์ เคล็ดวิชายันต์อะไรงั้นหรือ?”
เปาเอ๋อมองไปที่หลินชานเช่นกัน ถึงแม้หลินชานจะให้ความสําคัญกับนางมาก แต่สําวิถีแห่งผู้ใช้ยันต์ เขาค่อนข้างเข้มงวดอย่างมาก หากนางไม่สําเร็จวิชาพื้นฐานทั้งหมดก่อน เช่นนั้นเขาก็จะไม่สอนวิชาให้นาง ดังนั้นนางเองก็ไม่ทราบว่าเคล็ดวิชายันต์เทวะคือสิ่งใด
หลินชานยิ้มพร้อมกล่าว “สิ่งที่พวกเจ้าได้ศึกษาไปเป็นยันต์ขั้นพื้นฐาน และยันต์พื้นฐานเหล่านั้นมันส่วนเสริมพลังของตนเองในการต่อสู้ ส่วนยันต์เทวะนั้นต่างกัน ยันต์เทวะนั้นสามารถใช้เป็นเคล็ดวิชาในการต่อสู้ พวกมันสามารถใช้จู่โจมได้ แต่การโจมตีของมันสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว มาสิ ข้าจะแสดงพลังของยันต์เทวะให้ดู” ทันทีที่กล่าวจบ เขาจูงมือเปาเอ๋อข้างหนึ่งอีกข้างจูงมือเสี่ยวเหยาอีกข้างหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องโถงไป
หยางเย่รีบตามหลินชานไปเช่นกัน เพราะเขาค่อนข้างสงสัยในยันต์เทวะนี้!
ณ พื้นที่กว้างในอาคาร หลินชานนํายันต์ออกมาโดยการสะบัดมือ จากนั้นเขามองไปที่หยางเย่และเปาเอ๋อพร้อมกล่าว “ยันต์เทวะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป มันแบ่งออกเป็น ขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นตํานาน ขั้นพระเจ้า ความแข็งแกร่งของยันต์เทวะขั้นสูงนั้น ทัดเทียมได้กับยันต์ขั้นจิตปฐพี แต่มันก็ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว สําหรับขั้นตํานาน มันทัดเทียมได้กับยันต์ขั้นจิตสวรรค์ ยันต์ในมือข้าคือขั้นกลางระดับต่ำ ยันต์อสนีบาต ดูให้ดี”
ทันทีที่กล่าวจบ หลินชานโคจรพลังปราณในร่างกายเข้าสู่ยันต์ เมื่อพลังปราณล้ำลึกเข้าสู่ยันต์ประกายแสงสีเทาได้ปะทุออกมาจากยันต์อสนีบาต จากนั้นหลินชานแปะยันต์ไว้กลางอากาศ ยันต์อสนีบาตได้ระเบิดพลังออกมา จากนั้นสายฟ้าขนาดเท่าแขนฟาดลงที่ยันต์
ปั้ง!
เสียงดังก้องพร้อมพื้นได้สั่นสะเทือน การระเบิดเกิดขึ้นบนพื้นดินที่ว่างเปล่า มันทําให้หินและฝนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
เมื่อฝุ่นควันได้เริ่มหายไป หยางเย่และเด็กทั้งสองเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ พวกเขาต้องตกตะลึงเมื่อเห็นหลุมขนาดใหญ่กว่ายี่สิบเมตร และลึกถึงสิบห้าเมตร
หยางเย่หายจากอาการตกใจเป็นคนแรกพร้อมกลืนน้ำลายลงคอ ความสามารถของยันต์ระดับนี้น่ากลัวเกินไป หากเขาผสานเข้ากับปราณดาบ มันจะต้องสร้างผลกระทบที่ร้ายกาจแน่นอน “ต้องฝึก! เราต้องฝึกวิชานี้ให้ได้”
หลักจากหายจากอาการตกตลึง เปาเอ๋อรีบวิ่งไปหาหลินชานพร้อมดึงเสี่ยวเหยาไปด้วย ” ท่านปู่สอนเปาเอ๋อหน่อย สอนเบื่อหน่อย หลังจากเปาเอ๋อเรียนวิชานี้ เปาเอ๋อจะทําลายทุกคนที่เปาเอ๋อไม่ชอบ”
ใบหน้าหลินชานมืดดําลงทันทีที่ได้ยิน เหตุผลที่ไม่ให้ของบางอย่างแก่เปาเอ่อ เพราะหลินชานทราบดีถึงอุปนิสัยของเปาเอ๋อ นางไม่ได้ล้อเล่น หากใครผู้ใหนกล้าต่อกรเปาเอ๋อ ดังนั้นนางใช้ยันต์เทวะใส่ผู้นั้นแน่นอน” ยิ่งกว่านั้นมันไม่ได้มีเพียงชนิดเดียว
หยางเยเหงื่อแตกพลั่กเมื่อได้ยินเช่นกัน เราต้องแจ้งให้ชิงฉือทราบในอนาคต และบอกให้นางอย่าไปต่อต้านเปาเอ๋อ ไม่อย่างงั้นผลที่ตามมาคงเป็นหายนะ!”
ดวงตาเสี่ยวเหยาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกได้ว่าตนเองไม่สามารถเรียนรู้ได้ดวงตาที่มีชีวิตชีวาของนางก็กลับมาหดหูอีกครั้ง และทําได้เพียงอิจฉาพี่ชายและเปาเอ๋อ มันจะดีเพียงใดนะหากเราสามารถกลายเป็นอาจารย์ยันต์ได้?”
เมื่อหยางเย่สังเกตเห็นเช่นนั้น เขาได้เดินเข้าไปหาเสี่ยวเหยาพร้อมลูบหัวนาง “เด็กโง่ เมื่อพี่ใหญ่ได้เป็นอาจารย์ยันต์แล้วมันก็เท่ากับเจ้าได้เป็นอาจารย์ยันต์แล้วเช่นกัน เมื่อพี่ใหญ่เรียนรู้ยันต์ เทวะจบแล้ว พี่ใหญ่จะสร้างยันต์ที่ร้ายกาจให้เสี่ยวเหยานะ ในอนาคตหากใครกล้ารังแกเสี่ยวเหยา พี่ใหญ่จะจัดการมันให้ราบคาบเลย!”
เสี่ยวเหยาพยักหน้าอย่างมีความสุขเมื่อได้ยิน ตอนนี้นางเก็บความคิดนั้นไว้แล้ว ถึงแม้จะยังไม่ใช่อาจารย์ยันต์ แต่พี่ชายได้เป็นอาจารย์ยันต์แล้ว กล่าวคือสิ่งทุกอย่างที่พี่ชายมีก็เท่ากับนางมีนั่นเอง ดังนั้นจึงไม่สําคัญไม่ว่านางจะเป็นหรือไม่เป็นอาจารย์ยันต์
หยางเย่เผยรอยยิ้มเมื่อเห็นเสี่ยวเหยามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นางเพิ่งสูญเสียมารดาไป เขาไม่ต้องการให้เสี่ยวเหยารู้สึกไม่มีความสุขมากไปกว่านี้!
หลินชานไม่อาจทนต่อความต้องการของเปาเอ๋อได้ เขาจึงเรียกหยางเย่มาก่อนพร้อมกล่าวด้วยท่าที่เคร่งครึ่ม “ยันต์เทวะมีหลายชนิด ทุกชนิดของมันแตกต่างกัน แม้กระทั่งผลกระทบก็แตกต่างกันด้วย ยิ่งกว่านั้น วิธีการสร้างก็แตกต่างกันไปเช่นกัน สิ่งที่ข้าพยายามจะบอกคือ เคล็ดวิชาการสร้างนั้นมีค่าอย่างมาก มันสามารถถ่ายทอดให้ได้เพียงศิษย์เท่านั้น ดังนั้นนอกจากศิษย์ของพวกเจ้าแล้ว ห้าสอนวิชานี้แก่ใครทั้งนั้น เข้าใจหรือไม่?”
เมื่อเห็นท่าที่หลินชานเคร่งครึ่ม หยางเยรีบพยักหน้าทัน ”เข้าใจครับ!”
เปาเอ๋อก็ตกลงเช่นกัน แต่ท่าทีของนางกลับดูสบายกว่าที่คิด อย่างไรก็ตามหลินชานก็ไม่คิดว่าเปาเอ๋อจะซื่อสัตย์พอ เพราะเมื่อเขานําคัมภีร์สร้างยันต์ห้าธาตุให้เปาเอ๋อในตอนนั้นเขาก็บอกเช่นนี้ แต่แล้วนางทํายังไงล่ะ? นางส่งมันให้หยางเยโดยไม่ถามหลินชานสักคํา
แต่โชคดีที่มันไม่ได้เลวร้ายนัก
เมื่อเป็นเช่นนี้ หยางเย่สามารถก้าวไปอีกขั้นในวิถีทางแห่งผู้ใช้ยันต์