มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1958
ในวัยรุ่นยุคใหม่จะมีทางมีคนเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมาก เกราะป้องกันของเรือรบจ้าวมหาเทพถูกยิงทะลุ หอกมังกรแดงมืดที่อยู่ในมือหลัวซิวโจมตีมู่ช่าวหวงจนร่างเขาบินลอยออกไป หากไม่ใช่เพราะบีบทำลายฮู้คุ้มกันชิ้นหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญ เกรงว่ามู่ช่าวหวงคงเสียชีวิตคาที่แล้ว
และในเวลานี้จู่ ๆ ห้วงดารายุทธ์ก็ถูกกางออกเหมือนกางภาพม้วนทิวทัศน์ธรรมชาติ โดยที่มีร่างกายของหลัวซิวเป็นจุดศูนย์กลาง ทำให้มู่ช่าวหวงที่บินลอยออกไปพลางกระอักเลือกถูกปกคลุมในทันที
ภายใต้การปกปิดและอำพรางจากห้วงดารายุทธ์ ผู้คนที่อยู่ภายนอกไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในได้เลย
และภายในห้วงดารายุทธ์ ณ วินาทีนี้ หลัวซิวใช้หมื่นจักรวาลไร้รูปวิวัฒนาการไม้เซียนยอดอัมพรปรากฏด้านหลังเขาหนึ่งต้น
“มึง……”
มู่ช่าวหวงเบิกตากว้าง วินาทีนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจจุดประสงค์ที่คนดังกล่าวลงมือต่อเขาแล้ว นั่นก็เป็นเพราะไม่อยากให้ผู้อื่นทราบความลับเรื่องหินนิรันดร์
“ฟึ่บ!”
เงาร่างของหลัวซิวไปถึงหน้ามู่ช่าวหวงภายในพริบตา ความเร็วรวดเร็วอย่างมาก ถึงกับอยู่เหนือการพันธนาการของห้วงเวลา คมหอกของหอกมังกรแดงเลือดทะลวงหว่างคิ้วมู่ช่าวหวงภายในพริบตา บดขยี้ตัวหยั่งรู้เขาให้แหลกเป็นชิ้น ๆ
ในขณะเดียวกัน กฎความตายก็พรั่งพรูเข้าไปในร่างกายมู่ช่าวหวงผ่านหอกมังกร ทำการทำลายช่องจิตที่ซ่อนอยู่ในร่างกายเขาให้กลายเป็นฝุ่นผง
สาเหตุที่สังหารมู่ช่าวหวงอย่างอดใจรอไม่ไหวเช่นนี้นั้น เป็นเพราะเกรงว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะยึดกุมอุบายอื่น ๆ อีก
ในส่วนของการวิวัฒนาการปรากฏการณ์พิลึกไม้เซียนยอดอัมพรโดยหมื่นจักรวาลไร้รูปนั้น เขาจงใจทำเช่นนี้เพื่อให้เฒ่าประหลาดในตระกูลมู่สรรพสิทธิ์เข้าใจผิดคิดว่าฆาตกรคือศิษย์ในหอยอดอัมพร
แม้หลัวซิวก็ทราบอยู่เช่นกันว่าบางทีอาจจะปิดบังเรื่องนี้ได้ไม่นาน ทว่าก็สามารถยื้อเวลาได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เขาใช้เวลาเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้หลังจากออกไป
หลังจากที่ห้วงดารายุทธ์หายไปแล้ว ผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็เห็นเงาร่างของหลัวซิวปรากฏ แต่ทว่ามู่ช่าวหวงกลับกลายเป็นศพร่างหนึ่งแล้ว
บริเวณรอบ ๆ สถานที่เกิดเหตุเงียบกริบลงไปในทันที เห็นเพียงหลัวซิวหยิบแหวนเก็บของของมู่ช่าวหวงขึ้นมาอย่างเรียบนิ่งมาก ๆ แล้วหยิบดาวเคราะห์สีดำสี่ดวงที่มีขนาดเท่ากำปั้นออกมาพลางพูดอย่างเรียบนิ่ง: “มู่ช่าวหวงเคยแย่งสมบัติของข้าสี่ชิ้น ปัจจุบันข้าสังหารมันเพื่อช่วงชิงสมบัติกลับมา มันจึงเป็นตามหลักสมควรที่จะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว!”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ดวงตาอันเยือกเย็นของหลัวซิวก็กวาดมองผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ภายในชั่วขณะทุกคนล้วนหลบหลีกสายตาเขา ไม่กล้าสบตากับเขา
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าหอกหนึ่งที่โจมตีโอรสสวรรค์โชคลาภจนกระเด็นออกไปในเมื่อครู่นี้ จากนั้นก็ใช้อำนาจบารมีสังหารมู่ช่าวหวงต่อ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ของหลัวซิวสร้างประสิทธิผลด้านการข่มได้เพียงพอมาก ในสายตาของวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั้งหลายที่อยู่รอบ ๆ เขาก็คือดาวร้ายที่น่าสยดสยองดวงหนึ่ง ไม่มีผู้ใดกล้าไปรุกรานเขาง่าย ๆ
ณ บัดนี้วินาทีนี้ แม้แต่พระโอรสจ้านเทียนก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม พลังอำนาจของกระบี่ผงาดตรีภพก็ทำให้เขาไม่สามารถต่อกรได้แล้ว แต่คนดังกล่าวกลับสามารถทำให้จิตใจของพระโอรสจ้านเทียนหวาดผวาเป็นอย่างมาก
“ไว้ภายหน้าคุณชายอย่างข้าคอยมาสังหารมึง!”
ฝั่งโอรสสวรรค์โชคลาภทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ดุดันคำหนึ่ง จากนั้นก็ผันร่างเป็นแสงกลสีม่วงดวงหนึ่ง หายวับไปจากช่องว่างระหว่างดวงดาวต่าง ๆ ที่อยู่ห่างออกไปไกล
สีหน้าของหลัวซิวเย็นเยือก ไม่ได้หยุดยั้งโอรสสวรรค์โชคลาภไว้แต่อย่างใด แม้เขาจะอยากสังหารฝ่ายตรงข้ามแล้วแก่งแย่งกระบี่ตรีภพมามาก ๆ ทว่าผู้คนในที่เกิดเหตุมีมากเกินไป นอกซะจากว่าเขาจะสามารถสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้
ใบหน้าของพระโอรสจ้านเทียนหม่นหมองถึงขีดสุด เขาที่เป็นผู้โอหังและถือดียอมรับไม่ได้ว่าในวัยรุ่นยุคใหม่มีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตน โอรสสวรรค์โชคลาภนั่นอาศัยกระบี่ผงาดตรีภพแข็งแกร่งกว่าเขาก็แล้วไป แต่ทว่ากลับมีผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ปรากฏอีกคนหนึ่ง หรือว่าเขาก็มีสมบัติล้ำค่าที่ไม่ด้อยกว่ากระบี่ผงาดตรีภพหรือ?
“พวกเราไปกันเถอะ!”
พระโอรสจ้านเทียนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะพาเบื้องล่างที่อยู่ในบังคับบัญชาหันหลังแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว