มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1963
มีคนข้ามผ่านทัณฑ์!
ไม่นานนัก ไม่เพียงแค่นักยุทธ์ที่อยู่บนดวงดาวดวงนี้เท่านั้น นักยุทธ์จากดวงดาวที่อยู่บริเวณข้างเคียงก็ต่างสัมผัสได้เช่นกัน คนจำนวนไม่น้อยต่างควบคุมแสงกลลอยตัวขึ้นฟ้า แล้วเร่งเดินทางมาทางนี้
ในกลุ่มคนสิบกว่าคนที่ปรากฏก่อน เห็นได้ชัดเจนว่าคนที่เป็นผู้นำก็คือซูปิน เมื่อเห็นว่าเสิ่นปิงหยูเริ่มทลายสู่แดนมกุฎเทพแล้ว สีหน้าที่ดูสุภาพอ่อนโยนของเขาก็หม่นหมองลงไปในทันที
ทันทีที่ปล่อยให้เสิ่นปิงหยูบรรลุสู่แดนมกุฎเทพ นางก็จะกลายเป็นเทพธิดาของวังมหาวาลอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรที่แบ่งสรรได้ หรืออิทธิพลในวังมหาวาล ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เทพบุตรท้ายแถวอย่างเขาสามารถเทียบเคียงได้
โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้สิบพิษผนึกปราณกระจายพิษไว้ในแดนเทวนิรันกาล ทั้งสองฝ่ายก็แตกหักกันแล้ว เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าทันทีที่เสิ่นปิงหยูมีโอกาส นางไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ ซูปินจึงรีบตวาดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “ลงมือฆ่ามันซะ!”
“รนหาที่ตาย!”
ไม่ต้องให้หลัวซิวลงมือด้วยตนเอง จีเสี่ยวจื่อก็โคจรกฎปริภูมิพุ่งตรงเข้าไปก่อนแล้ว เงาร่างที่สวยและนิ่มนวลดั่งเงากระพริบ ในความงดงามมีจิตสังหารที่ไร้ขอบเขตแฝงซ่อนอยู่
วัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศเหล่านี้ล้วนเป็นผู้โดดเด่น แต่ทว่าสุดท้ายแล้วผลการฝึกตนก็บรรลุไม่ถึงแดนมกุฎเทพ ส่วนจีเสี่ยวจื่อนั้นบรรลุถึงมกุฎเทพมาระยะหนึ่งแล้ว วิถียุทธ์มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ประจันหน้ากันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แสงโลหิตก็สาดกระเด็นกลางนภา วัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศแต่ละคนที่มาจากสำนักจักรพรรดิและแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกกระบี่เทวที่เฉียบคมตัดเฉือนลูกกระเดือก จนเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา
ภายใต้การชี้แนะของหลัวซิว ผลสำเร็จด้านการฝึกคัมภีร์เทวอนัตตาของจีเสี่ยวจื่อไม่ต่ำเลย ทุกครั้งที่นางฟาดฟันกระบี่ ล้วนมีความเร้นลับของกฎปริภูมิแฝงซ่อนอยู่ภายในการโจมตี
ในระหว่างการสู้รบเข่นฆ่า ทันทีที่ขยายอาณาจักรกฎปริภูมิออกไป โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญด้านการควบคุมจังหวะสู้รบและสถานภาพ บวกกับวิธีการลงมือโจมตีที่ลึกลับซับซ้อน ประหลาดเล่ห์เหลี่ยมขี้โกง เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนปวดหัวอย่างยิ่งแล้ว
วัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศสิบกว่าคนร่วมมือกัน แม้แต่ชายเสื้อของจีเสี่ยวจื่อก็แตะต้องไม่โดน ในทางตรงกันข้ามมีสามคนยิ่งถูกสังหารคาที่ กลายเป็นศพสามร่าง
การลงมือของจีเสี่ยวจื่อทำให้ระฆังเตือนภัยในใจซูปินดังก้อง ไม่นานนักตัวสำนึกของเขาก็ค้นพบหลัวซิวที่เฝ้าสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของทางนี้มาจากที่ไกล ๆ
“นั่นเขาหรือ!?”
ซูปินตกตะลึงจนหน้าถอดสี เขามองเห็นภาพเหตุการณ์ครั้นเมื่อคนดังกล่าวโจมตีโอรสสวรรค์โชคลาภจนถดถอย และสังหารมู่ช่าวหวงด้วยสายตาตัวเองเลย
คนดังกล่าวต้องเป็นดาวร้ายที่ไม่มีผู้ใดรุกรานได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน เหตุใดเขาถึงอยู่กับนังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเสิ่นปิงหยูได้? อีกทั้งยังคอยคุ้มกันนางข้ามผ่านทัณฑ์ด้วยตนเองอีก?
“ซูปิน เจ้ากล้าหาญไม่น้อยเลยนี่”
ในขณะที่ซูปินมองมาทางตัวเอง สายตาของหลัวซิวก็ร่วงลงบนตัวเขาเช่นกัน
เป็นเพียงคำพูดที่สงบและเรียบนิ่งมาก ๆ คำหนึ่ง แต่ทว่ากลับทำให้จิตใจของซูปินที่เป็นเทพบุตรท้ายแถวผู้สง่าผ่าเผยในวังมหาวาลสั่นคลอน
หากทราบว่าดาวร้ายชุดคลุมยาวดำนี่คอยคุ้มกันให้เสิ่นปิงหยู แม้จะเพิ่มความกล้าให้เขาสองเท่า เขาก็ไม่กล้ามาหาเรื่องแน่นอน
“ไสหัวไป!”
หลัวซิวไม่ได้ลงมือ แค่พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นคำหนึ่ง
ซูปินเป็นคู่แข่งของเสิ่นปิงหยูในวังมหาวาล วันนี้มาตรแม้นว่าเขาจะช่วยเสิ่นปิงหยูฆ่าซูปิน ณ ที่นี่ วังมหาวาลก็ต้องบ่มเพาะเทพบุตรที่ยอดเยี่ยมอีกคนหนึ่งออกมาแข่งขันเป็นศัตรูกับเสิ่นปิงหยูอีกแน่นอน
ด้วยเหตุนี้หลัวซิวจึงเลือกที่จะไว้ชีวิตซูปินซะเลย ในมุมมองของเขา เจ้าหมอนี่สู้เสิ่นปิงหยูไม่ไหวแน่นอน สุดท้ายแล้วความแค้นเรื่องที่เขาเคยวางยาพิษก็ต้องให้เสิ่นปิงหยูไปจัดการด้วยมือตนเอง
“หึ อวดดียิ่งนัก มึงก็สามารถตวาดไล่ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของคุณชายอย่างกูอย่างนั้นหรือ?”
และในเวลานี้เอง เสียงหัวเราะอันเยือกเย็นก็ดังมาจากอนัตตา ถัดจากนั้นก็มีเรือรบลำหนึ่งบินตรงมา ถึงแม้จะเทียบเรือรบลำนั้นที่มู่ช่าวหวงเคยควบคุมไม่ได้ แต่ก็เป็นของขลังระดับจ้าวมหาเทพลำหนึ่งเช่นกัน