มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1965
“เสี่ยวจื่อ เชี่ยนหยุน เข้ามาในค่าย!”หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น ขณะที่เสิ่นปิงหยูข้ามผ่านทัณฑ์ เขาก็จัดวางค่ายกลเอาไว้บริเวณรอบ ๆ อย่างแน่นหนาแล้ว
จากแดนค่ายกล ณ ปัจจุบันของเขา การจัดวางค่ายกลระดับมกุฎนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากแล้ว บางทีค่ายกลระดับมกุฎค่ายสองค่ายอาจจะทำประโยชน์ได้ไม่มาก แต่หากเขานำค่ายกลหลายค่ายสมทบกัน ก็จะประกอบเป็นมหาค่ายห่วงสัมพันธ์ ซึ่งมีอานุภาพอย่างไร้ขอบเขต
จีเสี่ยวจื่อและไป๋เชี่ยนหยุนผงกหัวหลังได้ยิน ก่อนจะพากันถอยหลังกลับมา ซ่อนตัวเข้าไปในค่ายกลที่สมทบกัน
“ไปตายซะ!”
โอรสสวรรค์โชคลาภตะคอกเสียงดังลั่น กระบี่ผงาดตรีภพหลุดออกมาจากปลอกกะทันหัน ปราณกระบี่ตรีภพที่ยาวหลายร้อยเมตรมโหฬารพันลึกดุจมังกร น่ากลัวอย่างยิ่ง
เมื่อเผชิญหน้ากับผงาดตรีภพเล่มนี้ หลัวซิวก็ไม่กล้าดูแคลนเช่นกัน มีเงาสะท้อนวัฏสงสารปรากฏด้านหลัง พลางใช้พลังแห่งเกณฑ์ปลุกเสกให้กับตน ทำให้พลังออร่าของเขาค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามจังหวะ
“เตี๊ยง!”
เมื่อมีการปลุกเสกจากเกณฑ์วัฏสงสาร หอกมังกรแดงมืดอันดุดันของหลัวซิวปะทะเข้ากับกระบี่ตรีภพ ควันหลงที่น่าสยดสยองซัดสาดคำราม ฉีกกระชากอนัตตาที่อยู่บริเวณรอบ ๆ
และในเวลานี้เอง เงาดำร่างหนึ่งก็ย่างกรายมาถึงด้วยการฉีกกระชากปริภูมิ เห็นได้ชัดเจนเลยว่านั่นคือพระโอรสจ้านเทียนที่สวมใส่เกราะเทพบนตัว ทั่วทั้งร่างมีแสงสีทองสว่างเรืองรอง พลังออร่าน่าเกรงขาม จู่โจมหลัวซิวจากด้านหลัง
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าโอรสสวรรค์โชคลาภและพระโอรสจ้านเทียนเหมือนจะบรรลุข้อตกลงบางอย่าง ลงมือพร้อมกันเพื่อจะสังหารหลัวซิวอยู่ ณ ที่แห่งนี้
มีของขลังคุ้มกันคอยคุ้มกันร่าง ลูกแก้วความเป็นตายจึงไม่สามารถดูดกลืนแก่นแท้ชีวีของพวกเขา หลัวซิวจึงทำได้เพียงเก็บลูกแก้วความเป็นตายกลับมา แล้วพลิกมือข้างซ้ายปล่อยตำหนักวัฏสงสารออกไป
ตู้มม!
พลานุภาพของตำหนักวัฏสงสารไม่ธรรมดา แค่การโจมตีเดียวเท่านั้น ก็ต้านทานการโจมตีของพระโอรสจ้านเทียนเอาไว้ได้แล้ว พลังเกณฑ์วัฏสงสารที่แฝงซ่อนอยู่ภายในยิ่งบีบจนทำให้พระโอรสจ้านเทียนต้องก้าวถอยหลังกลับไปรัว ๆ
ในขณะเดียวกัน มีแสงมืดกระพริบระยิบระยับอยู่ตรงจุดตันเถียนของหลัวซิว ก่อนจะมีดาราโบราณมกุฎเทพสี่ดวงบินออกมา ค่ายสี่ดาว กระตุ้นพลานุภาพที่มากมายมหาศาลออกมาพันธนาการพระโอรสจ้านเทียนเอาไว้ในทันที
อย่างไรก็ตามการร่วมมือของโอรสสวรรค์โชคลาภและพระโอรสจ้านเทียนเป็นวิธีที่ทำให้เบี่ยงเบนความสนใจของหลัวซิวได้จริง ๆ กระบี่ผงาดตรีภพกดอัดหอกมังกรแดงมืดเอาไว้ จนบีบให้เขาต้องถอยหลังกลับไปสองก้าว
ไม่ว่าจะเป็นโอรสสวรรค์โชคลาภหรือพระโอรสจ้านเทียน ทั้งสองต่างจัดการยากมาก ๆ หากรับมือเพียงคนเดียวยังพอไหวอยู่ หากได้เผชิญหน้ากับทั้งสองคนพร้อมกัน หลัวซิวก็ต้องตั้งสติให้ดีมากกว่าเดิมสองเท่า
ทว่าเขาไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด เนื่องจากตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ เขายังไม่เคยระเบิดกำลังรบที่แท้จริงออกมา
“ไปตายซะเถอะ!”
โอรสสวรรค์โชคลาภเป็นฝ่ายได้เปรียบจึงไม่ยอมปล่อยหลัวซิวไปง่าย ๆ เห็นเพียงเขาหกระเหินเดินฟ้าพุ่งตรงมา แล้วฟันปราณกระบี่ตรีภพที่ประดุจมังกรนั่นออกมาอีกครั้ง
ปีกเทพไร้มลทินที่อยู่ด้านหลังสยายออก หลัวซิวไม่ได้ฝืนต้านรับ แต่เป็นการกระพริบเงาร่าง ทำให้ปราณกระบี่ตรีภพนั่นไม่สามารถผนึกเขาได้
ความเร็วของเขานั้นรวดเร็วมากเพียงใด แทบจะภายในเวลาชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ก็บินอ้อมการสังหารของปราณกระบี่ตรีภพได้แล้ว ถูกบีบบังคับจนไปถึงตรงหน้าโอรสสวรรค์โชคลาภ
“ฮ่า ๆ มึงนี่มันรนหาที่ตายจริง ๆ !”โอรสสวรรค์โชคลาภแหงนหน้าขึ้นฟ้าพลางหัวเราะดังลั่น เขาต้องดูวัตถุประสงค์ของหลัวซิวออกอยู่แล้ว ถึงขั้นจะเข่นฆ่าในระยะประชิดกับเขาอย่างนั้นหรือ
“กูนั้นฝึกร่างเทวอลวนสำเร็จตั้งนานแล้ว มึงคิดที่จะเข่นฆ่าในระยะประชิดกับกู มันเป็นการรนหาที่ตายอยู่ชัด ๆ !”ใบหน้าโอรสสวรรค์โชคลาภเปี่ยมล้นไปด้วยความดูถูกดูแคลน หากพูดถึงความสามารถในการเข่นฆ่าในระยะประชิดละก็ เขาเคยพิจารณาตนเองอยู่ว่าตนไม่อ่อนกว่าผู้ใด
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็มีปราณตรีภพที่มากมายมหาศาลพรั่งพรูออกมาจากตัวโอรสสวรรค์โชคลาภ ในขณะเดียวกันภายในปราณตรีภพยังมีชี่ม่วงโกลาหลที่ถูกหล่อเลี้ยงปลิวลอยไปตามสายลม ซึ่งมีความเร้นลับของกฎที่ไร้ขอบเขตแฝงซ่อน
กฎอย่างตรีภพเป็นอะไรที่ลึกลับและมหัศจรรย์อย่างยิ่ง แม้ความเร้นลับของมันจะเทียบการเวียนว่ายตายเกิดห้วงเวลาไม่ได้ แต่หากพูดถึงความสามารถในการสู้รบเข่นฆ่าแล้วละก็ มันกลับไม่ด้อยกว่ากฎชั้นยอด
“แค่ร่างเทวอลวนกระจอก ๆ กูก็เป็นเช่นกัน!”
หลัวซิวโคจรวรยุทธ์อย่างสุขุมเรียบนิ่ง ใช้หมื่นจักรวาลไร้รูปวิวัฒนาการ บนตัวเขาก็มีตรีภพโกลาหลพรั่งพรูออกมาเช่นกัน จนเกิดเป็นภาพทิวทัศน์ที่ตระหง่านและหลากหลาย!