มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1993
“ที่แท้พวกเจ้าก็มาที่นี่เพื่อนังสารเลวผู้นั้น ข้าขอเตือนพวกเจ้าว่าทางที่ดีจงปล่อยข้าไป บางทีพวกเจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่าเขาเจี้ยนโหยวดำรงอยู่อย่างไรที่จินเฮ่าซิงแห่งนี้! ”
เซวียนจิงหยุนเมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที แสร้งทำให้ตัวเองพูดออกมาอย่างสงบนิ่ง
“ถ้าเจ้าเต็มใจไปจากที่นี่ การที่ผู้หญิงเหล่านี้ถูกเจ้าฆ่า ข้าจะทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น”
เหล่านางบำเรอที่แต่งหน้าแต่งกายพวกนี้ สำหรับเซวียนจิงหยุนแล้วไม่ได้สำคัญแต่อย่างใดเลย เพียงแค่เขากวักมือเรียก ต้องการมากเพียงใดก็ย่อมได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ คือทำให้ดาวสังหารฆ่าคนไม่กระพริบตาสองคนนี้ใจเย็นลง รักษาชีวิตของตนไว้ให้ได้เสียก่อน
“เขาเจี้ยนโหยว?”
หลัวซิวเผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและเย้ยหยัน “ก็เป็นแค่เพียงกองกำลังเล็กที่บัญชาโดยมกุฎเทพช่วงปลายเท่านั้น หากข้าต้องการ เพียงยกมือก็ทำลายได้”
ทันทีที่พูดจบ ก็ทำให้เซวียนจิงหยุนตกตะลึงไปในทันที ในขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ “ผู้เพื่อนยุทธ์ไม่อวดดีเกินไปหน่อยหรือ เอ่ยปากว่าจพทำลายเขาเจี้ยนโหยวของข้า ไม่กลัวว่าคำพูดจะกลับมาแทงปากตนเองหรือ?”
“หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าก็จะทำลายให้เจ้าเห็น เจ้าจะได้รู้ไว้ว่า กล้าแตะต้องคนของข้า ต้องรับผลกรรมด้วยตนเอง! ”
หลัวซิวเกลียดที่สุดเมื่อมีคนโจมตีคนรอบข้างตน เซวียนจิงหยุนผู้นี้สัมผัสเกล็ดมังกรของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ปัง! ”
เพียงแค่โบกมือของเขาอย่างส่ง ๆ พระราชวังก็พังทลายลง การเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ย่อมกระเทือนไปถึงผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นที่นั่งบัญชาอยู่ที่เขาเจี้ยนโหยว
แสงกลมากมายลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า หนึ่งในนั้นมีผู้นำอยู่คนหนึ่ง ก็คือเจ้าเขาแห่งเขาเจี้ยนโหยว ครอบครองผลการฝึกตนแดนมกุฎเทพขั้นเจ็ด
จินเฮ่าซิงตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณขอบของมหาโลกายอดอัมพร นอกจากผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพที่บัญชาเรืออนัตตาเหล่านั้น โดยปกติที่แห่งนี้จะไม่มีผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพปรากฏตัวขึ้น มกุฎเทพช่วงปลายหนึ่งคน ก็มากเพียงพอให้ทำตามใจตนเองในที่แห่งนี้ได้แล้ว
หากเป็นเมื่อก่อน มกุฎเทพช่วงปลายก็สามารถทำให้หลัวซิวเป็นกังวลได้ แต่ในวันนี้ มกุฎเทพช่วงปลายกลับไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ
ย้อนคิดไปถึงตอนนั้นที่เขายังอาศัยอยู่ที่โลกแสงดาว เรื่องการฆ่าล้างสำนักก็ใช่ว่าเขาไม่เคยทำมาก่อนเสียเมื่อไร
“เจ้าเป็นใคร? ปล่อยตัวจิงหยุน! ”
ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพมากมายเมื่อเห็นหลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อ ในเวลาเดียวกัน ฉันยังสังเกตเห็นเซวียนจิงหยุนที่ดูเหมือนถูกหลัวซิวจับไว้เหมือนลูกไก่ตัวเล็ก ๆ ในมือ
“ไอ้หนุ่มผู้นี้เป็นคนประเภทใด พวกเจ้าน่าจะรู้กันดี บีบบังคับให้เพื่อนของข้าต้องเข้าไปในเทือกเขาวายุเปราะ เรื่องนี้หากพวกเจ้าเขาเจี้ยนโหยวไม่ให้คำอธิบายที่น่าพอใจแก่ข้า วันนี้ข้าก็จะทำลายล้างทุกคนในเขาเจี้ยนโหยวของพวกเจ้า!”
พลังอำนาจของมกุฎเทพเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาหลัวซิวแม้แต่น้อย พูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มที่อยู่อีกด้านหนึ่งขู่ว่าจะทำลายล้างเขาเจี้ยนโหยว สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสมกุฎเทพมากมายแห่งเขาเจี้ยนโหยวพากันโมโหขึ้นมา
“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ช่างอาจหาญเหลือเกิน ตายเสีย! ”
ผู้อาวุโสแห่งเขาเจี้ยนโหยวคนหนึ่งโมโหมาก พลังอำนาจมกุฎเทพระเบิดออกมา มือขนาดใหญ่คว้าไปที่หลัวซิว
“ไสหัวไป!”
หลัวซิวคำรามเสียงต่ำ ยกฝ่ามือขึ้นกลั่นแปรกงล้อทมิฬ รูเล็ตสีดำทำลายล้างสรรพสิ่ง เพียงพริบตาก็บดขยี้มือใหญ่ของผู้อาวุโสเขาเจี้ยนโหยวจนเหลือเพียงความว่างเปล่า
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ อีกหลายคนก็เคลื่อนไหวตามลำดับแตกลับไม่สามารถต้านทานการโจมตีของหลัวซิวได้เลย แต่ละคนพากันกระอักเลือดออกมา ร่างกายโอนเอนและกระเด็นออกไป
สิบปีในแดนเทวนิรันกาล ผลการฝึกตนของหลัวซิวไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่าใดนัก แต่ว่าแดนโลกยุทธ์ของเขากลับเพิ่มขึ้นด้วยความรวดเร็ว วิถีแห่งหมื่นจักรวาลไร้รูป ได้รับการยกระดับจนถึงระดับที่สูงมาก เพียงโบกมือก็สามารถกลั่นแปรพลังอมตะ ระดับมหาจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย
“ทำลายล้าง! ”
หลัวซิวยกมือขึ้นอีกครั้ง ใช้เป็นศูนย์กลาง ปริภูมิผืนใหญ่พังทลายเป็นผุยผง ราวกับมหาโลกาแห่งหนึ่งล่มสลาย ความสยดสยองไร้ขอบเขต