มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2831 สิ้นสุดการคัดออก
มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2831
“ตราต้าฮวง สยบ!”
วิชาตราประทับที่อยู่ในมือหลัวซิวแปรเปลี่ยนกะทันหัน จู่ ๆ หอคอยฮวงที่ซ่อนอยู่ตรงหว่างคิ้วเขาก็บินออกมา แล้วมาถึงเหนือศีรษะเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนภายในพริบตา
เงาลวงของหอคอยฮวงหลังนี้ ไม่ใช่สิ่งที่หลัวซิวผนึกรวมออกมาจากการตระหนักรู้ในธรรมเวชกาลร้างของตนเอง แต่เป็นหลักฐานที่เขาได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง ซึ่งมีพลังของหอคอยฮวงแฝงซ่อนอยู่ภายใน
เล่ากันว่าหอคอยฮวงเป็นอัญสมบัติที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาในธรรมดั้งเดิม แม้นจะเป็นเงาลวงเพียงหลังเดียว แต่ก็มีพลังที่เกะกะระรานอย่างไร้ขอบเขตแฝงซ่อนอยู่
ภายใต้การกดอัดของเงาลวงหอคอยฮวง จู่ ๆ สีหน้าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะเขาสัมผัสได้ว่ามีพลังอันแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานได้ปกคลุมร่างกายเขาเอาไว้ ทำให้ร่างกายเขาถึงขั้นทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่ ขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ทะยานเซียน!”
หลัวซิวพลิกมือหยิบกระบี่ร่องฟ้าออกมา ปราณกระบี่ทั้งหลายตัดสลับไปมาดั่งแสงเซียน แม้นจะถูกพันธนาการโดยผลการฝึกตนแล้วไม่สามารถปลดปล่อยพลังอานุภาพทั้งหมดของวิชาทะยานเซียนออกมา แต่ก็ทำให้สภาพอาการบาดเจ็บบนตัวเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนยิ่งอยู่ยิ่งสาหัสเช่นกัน
หลังจากผ่านไปเพียงครู่เดียว เลือดเนื้อบนร่างกายของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่ถูกเงาลวงหอคอยฮวงกดอัดจนไม่สามารถขยับได้ก็เละตุ้มเป๊ะ แทบจะไม่เหลือความเป็นคนแล้ว เลือดสีแดงสดยิ่งไหลนองเป็นทาง สภาพน่าเวทนามากจนไม่อาจทนดูได้
แต่ว่าศักยภาพของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็แข็งแกร่งจนน่ากลัวจริง ๆ ถูกหลัวซิวโจมตีมากเช่นนี้ แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะยังไม่ตาย ชีวีดั้งเดิมคึกคักมีชีวิตชีวาถึงขีดสุด
อย่างไรก็ตามต่อให้ชีวีดั้งเดิมของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนจะมีมากล้นมากเพียงใด หากถูกหลัวซิวโจมตีอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่เร็วก็ช้าเขาก็ต้องตายอยู่ดี
และในเวลานี้เอง ก็มีพลังอำนาจหนึ่งที่มากมายมหาศาลพรั่งพรูมา หลัวซิวจึงหยุดโจมตีทันที แล้วมองไปทางตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไป
เห็นเพียงมีเงาดำสิบกว่าร่างรวมตัวเข้าด้วยกัน แล้วพุ่งตรงเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ที่เป็นผู้นำก็คือชายชุดขาวที่เหมือนจะมีความสัมพันธ์กับเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเล็กน้อย ยู่เหมิน!
“สหายสิง ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ เหตุใดจึงจนตรอกเช่นนี้ได้เล่า?”เมื่อยู่เหมินเห็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่ร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยบาดแผล เขาก็ขมวดคิ้วลงอย่างควบคุมไม่ได้
“นี่สหายยู่เหมินมาหัวเราะเยาะข้าหรือ?”เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ทว่ากลับตะโกนร้องอย่างทุกข์ทรมานในใจ หากไม่ใช่เพราะอยู่บนพสุดารานอกนภา จากศักยภาพที่เล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงนั่นของหลัวซิว เขาไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยซ้ำ แค่ใช้พลังออร่าภายนอกก็สามารถบดขยี้ให้เขาตายได้หลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว
แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้าหมอนี่จักเก่งกาจและวิปริตมากขนาดนี้ จากผลการฝึกตนเทพมารระดับแปดก็สามารถต่อกรกับตัวเองที่มีผลการฝึกตนราชาเทพระดับเก้า เมื่ออยู่ภายใต้แดนเดียวกันตนยิ่งถูกเจ้าหมอนี่โจมตีจนไร้แรงที่จะโต้กลับ
“ฮ่าฮ่า สหายสิงไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจักช่วยให้เจ้าหลุดพ้นจากความยากลำบากเอง จะได้ทำให้เจ้าหนูที่จองหองพองขนนี่ได้รู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของโลกาฟ้าดินหลิงหลงเรา ให้มันรู้ซะบ้างว่าอะไรคือที่ต่ำที่สูง!”
ยู่เหมินพูดอย่างหยิ่งผยองประโยคหนึ่ง ก่อนที่เขาจะนำพาเทพมารจำนวนมากที่อยู่ใต้บังคับบัญชาพุ่งตรงไปทางหลัวซิว
“โลกาฟ้าดินหลิงหลงแม่งใหญ่โตมาจากที่ใด?”หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มีความผูกพันต่อโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดอยู่ มิเช่นนั้นละก็เขาในอดีตชาติก็คงไม่ยอมสละชีพตายไปพร้อมกับกงล้อวัฏจักรธรรมหรอก
แม้นจิตใจของเขาที่เป็นไท่ซ่างฉิงเมื่ออดีตชาติจะแสวงหาแต่ธรรมวิถี แต่ก็มีจิตใจที่กว้างขวางเช่นกัน เพื่อเป็นการทำให้ทุกสรรพสิ่งในโลกหล้าหลุดพ้นจากยุคสมัยที่จ้าววัฏสงสารควบคุมกฎทวยเทพธรรมโดยสิ้นเชิง จึงเลือกที่จะตายไปพร้อมกับกงล้อวัฏจักรธรรมอย่างแน่วแน่
แต่คำพูดของเจ้ายู่เหมินนี่ที่มาจากโลกาฟ้าดินหลิงหลงกลับไม่ให้เกียรติโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเลย นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกไม่พอใจมาก
“ช่างปากดียิ่งนัก! ทว่าสิ่งที่ข้าพูดกลับเป็นความจริง โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดของพวกเจ้าเทียบเคียงกับโลกาฟ้าดินหลิงหลงของเราไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
กลางอนัตตา หลัวซิวกำลังยืนประจันหน้ากับเทพมารสิบกว่าคนแห่งโลกาฟ้าดินหลิงหลงที่มียู่เหมินเป็นผู้นำ พลังออร่ารอบกายซัดสาด
“วันนี้กูจะทำให้มึงได้พบเห็นรู้จักกับวรยุทธ์พลังอมตะที่เจ้าสำนักน้อยเราริเริ่มเอง!”
ยู่เหมินตวาดอย่างเยือกเย็น ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีเมืองเทพแห่งหนึ่งวิวัฒนาการออกมาหลังศีรษะเขา เหล่าเทพมารที่ติดตามมาพร้อมกับเขาต่างพากันผันร่างเป็นแสงรุ้ง แล้วบินเข้าไปคุ้มกันรักษาอยู่ในเมืองเทพที่อยู่หลังศีรษะเขา
เพียงพริบตาเดียว พลังออร่าของเทพมารสิบกว่าคนก็ผนึกรวมเข้าด้วยกัน แล้วปลุกเสกบนตัวยู่เหมิน ทำให้พลังออร่าของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าระห่ำ อยู่เหนือขอบข่ายของเทพมารอย่างรวดเร็ว อำนาจมากมายมหาศาลจนน่าสยดสยอง!
“นี่คือวรยุทธ์อะไร?”
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว อี้หยูก็เบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างควบคุมไม่ได้ ผลการฝึกตนของเทพมารสิบกว่าคนปลุกเสกร่างตน เขาไม่เคยได้ยินวรยุทธ์ประเภทนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
เนื่องจากมีจอมยุทธ์ที่แตกต่างกัน พรสวรรค์ของทุกคนก็แตกต่างกันด้วย เมื่อฝึกตนถึงแดนเทพมาร พลังแห่งกฎที่ยึดกุมก็แตกต่างกันอีก มาตรแม้นว่าเป็นจอมยุทธ์ที่ฝึกกฎประเภทเดียวกัน พลังเวทย์ที่ฝึกก็จะแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ผลการฝึกตนเหล่านี้จึงหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ยากมาก
อีกทั้งแม้จะสามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ หากเทพมารคนหนึ่งได้รับการปลุกเสกจากคนสิบกว่าคนที่มีผลการฝึกตนเหมือนกัน แล้วเขาจะแบกรับไหวได้อย่างไร?
ทว่ายู่เหมินนี่กลับทำเช่นนั้นได้ ซึ่งนี่ก็แสดงว่าวรยุทธ์พลังอมตะที่เขาฝึกมีความลึกลับมหัศจรรย์ที่ลึกซึ้งประเภทหนึ่งแฝงซ่อนอยู่ จึงสามารถทำให้เขาทำเช่นนี้ได้
วินาทีนี้ ผลการฝึกตนเป็นเทพมารเหมือนกัน แต่ภายใต้การปลุกเสกด้วยผลการฝึกตนของเทพมารสิบกว่าคน พลังออร่าของยู่เหมินกลับน่าสยดสยองกว่าหลัวซิวหลายเท่าเลย
เห็นเพียงออร่ารอบกายเขาระเบิดแตก ทำให้พลังออร่าของหลัวซิวถูกกดอัดลงไปภายในพริบตา ง้างฝ่ามือขยำไปทางหลัวซิว ราวกับทั้งฟ้าดินอยู่ภายใต้การควบคุมของเขายังไงอย่างนั้น พลังของฝ่ามือหนึ่งเทียบเท่าเทพมารระดับสองขั้นสูงแล้ว!
“ตายซะเถอะ!”
ยู่เหมินตะคอกอย่างเยือกเย็น มือใหญ่กดอัดลงมา พลานุภาพของฝ่ามือนี้ได้ปะทุออกมาอย่างหมดเปลือก ทำให้ร่างกายของหลัวซิวจมหายเข้าไปในพลังโจมตีภายในพริบตา
พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่สีหน้าของผู้แข็งแกร่งอย่างเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างควบคุมไม่ได้ หากอยู่ในดาราฟ้าดินนอกพสุดารานอกนภา แม้นศักยภาพของยู่เหมินนี่จะอ่อนกว่าตัวเองเล็กน้อย แต่ถ้าเกิดอาศัยวรยุทธ์เช่นนี้ เกรงว่าคงจะสามารถต่อกรกับเขาที่เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อได้แล้ว ยิ่งกว่านั้นคืออาจแข็งแกร่งกว่าเขาอีกก็เป็นได้
“เวิ่งง!”
เงาลวงหอคอยฮวงถูกหลัวซิวเก็บกลับมาจากเหนือศีรษะเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนทันที เปลี่ยนมาลอยอยู่เหนือศีรษะตน เพื่อคุ้มกันร่างตน
ภายใต้ผลการฝึกตนที่ถูกจำกัดอยู่ที่เทพมาร ไม่ว่าจะเป็นพลานุภาพของเตากลั่นนภาจื่อเซียวหรือศิลาเทวชิงเทียนและฮู้เทว ล้วนกระตุ้นพลานุภาพได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฉะนั้นเงาลวงหอคอยฮวงนี่จึงกลายเป็นท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
เมื่อเงาลวงหอคอยฮวงลอยอยู่เหนือศีรษะ จึงสามารถทำให้ร่างเนื้อของเขาได้รับการปลุกเสกโดยธรรมเวชกาลร้าง
“ตู้มม!”
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วฟ้าดิน มือใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่แตกสลาย เมื่ออยู่ภายใต้การคุ้มกันของเงาลวงหอคอยฮวง ร่างกายหลัวซิวกลับไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
“ตราสรรพสิทธิ์!”
หลัวซิวลอยตัวขึ้นฟ้า มือทั้งสองข้างประสานอินแล้วปลดปล่อยวิชาตราประทับออกมา เพียงพริบตาเดียวก็มีพลังอมตะนับหมื่นปะทุ มืดฟ้ามัวดิน
รูม่านตาของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนหดลง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นหลัวซิวปลดปล่อยพลังอมตะวิชานี้แล้ว ทุกครั้งที่เขาพบเห็น ก็ล้วนแต่จะรู้สึกหวาดเกรง เพราะภายในพลังอมตะนี้แทบจะครอบคลุมความประณีตสวยวิจิตรของพลังอมตะทั้งปวงในจักรวาล ราวกับหลัวซิวมีการตระหนักรู้และเกี่ยวโยกับเกณฑ์พลังเต๋าทุกประเภทในจักรวาล!
ภายในวิชาตราประทับหนึ่ง มีพลังอมตะนับหมื่นแสนแฝงซ่อนอยู่ สามารถพูดได้เลยว่ามีพลังอมตะที่ไร้ขอบเขต ซึ่งนี่เท่ากับว่าฝ่ายตรงข้ามปลดปล่อยเพียงกระบวนท่าเดียว ก็เท่ากับปลดปล่อยกระบวนท่านับหมื่นแสนแล้ว ไม่ว่าผู้ใดที่ประสบพบเจอกับพลังอมตะเช่นนี้ ก็ล้วนแต่จะปวดหัวกันทั้งนั้นแหละ
“ทักษะกระจกงอกง่อย ทลายซะ!”
ยู่เหมินตะคอกเสียงดังประโยคหนึ่ง จากนั้นเทพมารสิบกว่าคนที่อยู่ด้านหลังเมืองเทพก็ระเบิดผลการฝึกตนออกมาพร้อมกัน ทำให้เขาสามารถอาศัยพลังผลการฝึกตนที่เกะกะระรานถึงขีดสุด มลายพลังอมตะนับหมื่นแสนที่วิวัฒนาการออกมาจากตราสรรพสิทธิ์
แต่พลังอมตะตราสรรพสิทธิ์ของหลัวซิวกลับไม่ได้รับมือง่ายขนาดนั้น ภายใต้คุณลักษณะพิเศษอย่างการเวียนว่ายตายเกิดของเต๋าเริงชีวี หลังจากพลังอมตะนับหมื่นแสนถูกทำลายจนแตกสลายไปแล้ว มันก็กลับมาผนึกรวมกันใหม่อีกครั้ง วนซ้ำเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไร้ที่สิ้นสุด
สามารถพูดได้เลยว่าสิ่งที่ตราสรรพสิทธิ์ของหลัวซิววิวัฒนาการออกมานั้น ไม่ใช่พลังอมตะนับหมื่นแสนแล้ว แต่เป็นพลังอมตะที่ไร้ขอบเขต กระบวนท่าโจมตีที่ไร้ที่สิ้นสุด!
หากเขาจะปราบปรามสังหาร พลังอมตะที่ตราสรรพสิทธิ์วิวัฒนาการออกมาก็ล้วนเป็นกระบวนท่าสังหาร หากเขาต้องการป้องกัน เช่นนั้นพลังอมตะที่ตราสรรพสิทธิ์วิวัฒนาการออกมาก็ล้วนแต่จะเป็นกระบวนท่าป้องกัน สามารถพูดได้เลยว่าได้ทำการวิวัฒนาการและอรรถาธิบายความลึกลับมหัศจรรย์และความล้ำลึกจากไม่มีสู่มีของวิถีไร้ลักษณ์ออกมาได้อย่างถึงอกถึงใจ
เห็นเพียงยู่เหมินลงมือตอบโต้อย่างต่อเนื่อง ทลายพลังอมตะที่วิวัฒนาการออกมาจากตราสรรพสิทธิ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าจากการที่เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป พลังที่เขาสามารถปลดปล่อยออกมาได้ก็เริ่มลดลง
ผลการฝึกตนของเทพมารสิบกว่าคนปลุกเสกร่างตน อุบายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ย่อมไม่มีทางไม่มีข้อเสียอยู่แล้ว และข้อเสียของมันก็คือไม่สามารถประคองสภาวะเช่นนี้ต่อไปนาน ๆ ได้
“ตราหงฮวง!”
เมื่อเห็นว่าพลังออร่าบนตัวยู่เหมินลดหายไปอย่างต่อเนื่อง ก็มีรัศมีกระพริบผ่านไปในแววตาหลัวซิว คว้าโอกาสได้เสี้ยวหนึ่ง ก่อนที่เงาร่างจะกระพริบหายไป ภายในเสี้ยววินาทีที่หายไป หลังอมตะตราหงฮวงก็ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว
“ตู้มม!”
จากการที่มีเสียงดังลั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น ร่างกายของยู่เหมินก็ถูกวิชาตราประทับหนึ่งของหลัวซิวทะลวง ส่วนเมืองเทพที่อยู่หลังศีรษะเขาก็พังทลายแตกสลายภายในพริบตา เทพมารสิบกว่าคนตกลงมาจากเมืองเทพที่แตกสลาย สีหน้าของแต่ละคนขาวเผือก ผลการฝึกตนได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วง
“นะนี่……นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?……”
ยู่เหมินเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีแห่งความไม่ยอม ถัดจากนั้นร่างกายเขาก็ระเบิดแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก
“วรยุทธ์พลังอมตะของโลกาฟ้าดินหลิงหลงก็มีดีแค่นี้แหละ”หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาประโยคหนึ่ง จากนั้นเขาก็ลงมือโจมตีอย่างต่อเนื่อง ลงมืออย่างไร้ความปราณี ทำการสังหารเทพมารสิบกว่าคนที่มาพร้อมกับยู่เหมิน
ก่อนหน้านี้เทพมารเหล่านี้ได้ถ่ายเทผลการฝึกตนของตนให้แก่ยู่เหมิน จึงสูญเสียผลการฝึกตนไปเยอะมาก เมื่อเผชิญหน้ากับการสยบจากพลังอันแข็งแกร่งของหลัวซิว พวกเขาทำการตอบโต้ได้ยากมาก จึงถูกสังหารอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อหลัวซิวทำการสังหารเทพมารสิบกว่าคนจนสิ้นซาก เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนกลับหลบหนีไปแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ หลัวซิวก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเช่นกัน ขอแค่ยังอยู่บนพสุดารานอกนภา เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็จะหลบหนีได้ไม่นาน ทันทีที่ออกไปจากแดนเซียนนอกนภา ผลการฝึกตนของเขาก็น่าจะบรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้าแล้ว
ช่วงเวลาถัดจากนี้ อี้หยูจึงเริ่มคอยติดตามอยู่ข้างกายหลัวซิว เดิมทีจากศักยภาพของเขาเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องตกรอบแน่นอน แต่เมื่อมีการคุ้มกันรักษาจากหลัวซิว กลับทำให้เขาสามารถมีชีวิตรอดจนถึงช่วงสุดท้าย
สุดท้ายภายในพื้นที่ปริภูมิที่ขาวโพลนก็เหลือเพียง 120 คนแล้ว จู่ ๆ ก็มีพลังอำนาจที่ไม่อาจขัดขืนได้จุติลงมา ม้วนพาทุกคนขึ้นมา หายไปจากพื้นที่ปริมภูมิแห่งนี้
เมื่อภาพฉากที่อยู่ตรงหน้าฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทุกคนก็ค้นพบว่าตัวเองถูกส่งออกมาจากพื้นที่ที่ขาวโพลนแห่งนั้นแล้ว และสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าผู้คนก็ยังคงเป็นชายร่างยักษ์ที่กล่าวอ้างว่าตนเป็นศิษย์ของมกุฎเต๋านอกนภานั่นอยู่เช่นเคย เหนือศีรษะเขามีหอคอยฮวงสีทองลอยอยู่หนึ่งหลัง
“ลำดับแรกขอแสดงความยินดีกับทุกคนด้วยที่ผ่านเข้ารอบ สิ่งที่จะประเมินในด่านของข้าก็คือปัญญาและความสามารถในการตระหนักรู้ ซึ่งการประเมินในก่อนหน้านี้ก็คือการประเมินปัญญาของพวกเจ้า เมื่อศักยภาพที่อยู่ในแดนเดียวกันยิ่งแข็งแกร่ง ปัญญาก็จะยิ่งสูงตามด้วยอยู่แล้ว!”
ชายร่างยักษ์กวาดตามองดูทุกคนแล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง “การประเมินต่อจากนี้ จักเป็นการประเมินความสามารถในการตระหนักรู้ของพวกเจ้า ข้าจักกดอัดแดนผลการฝึกตนอยู่ในแดนเดียวกันกับพวกเจ้า พวกเจ้าต้องอาศัยวรยุทธ์พลังอมตะที่ตระหนักรู้ได้มาโค่นล้มข้า ถึงจะถือว่าผ่านการประเมินของด่านแรก และมีสิทธิ์มุ่งหน้าไปยังด่านที่สอง!”