มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2856 ความจริงของการบำเพ็ญปรปักษ์
มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2856
“ปัง!”
หลังจากที่ตู๋กูเจี้ยนเฉินบรรลุแล้ว ก็สำแดงพลังอมตะและเข้าร่วมในสงคราม เพียงพริบตาก็ทำให้จ้าวปีศาจเสวียนหยินที่ก่อนหน้านี้สามารถจัดการศัตรูสามต่อหนึ่งได้อย่างง่ายดายมีความกดดันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
ตู๋กูเจี้ยนเฉิน ถึงแม้ว่าผลการฝึกตนจะเพิ่งบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด แต่พลังที่แท้จริงของเขากลับเรียกได้ว่าสามารถเทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า แข็งแกร่งยิ่งกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดในแดนเดียวกันอย่างมาก
“ถอย!”
จ้าวปีศาจเสวียนหยินสะบัดชายเสื้อครั้งหนึ่ง มังกรจู๋หยินเงยหน้าคำรามอย่างบ้าคลั่ง ทำให้สามารถป้องกันการโจมตีของตู๋กูเจี้ยนเฉินทั้งสี่คนไว้ได้ ทันใดนั้นลมอำมหิตก็พัดผ่านมา และได้พัดพาผู้อาวุโสสำนักหยินที่มีนามว่าสุนฮู้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“สำนักหยินวิถีมารเลวทรามโลภมาก เรื่องนี้เมื่อกลับไปแล้วจะต้องทูลต่อเจ้าแดนให้ได้!” มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดผู้หนึ่งเห็นจ้าวปีศาจเสวียนหยินหายตัวไป ก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่าออกมา
“ยินดีกับผู้อาวุโสเจี้ยนเฉินที่บรรลุแล้ว” ตู๋กูเฉินกลับไม่ได้ใส่ใจกับปัญหานี้ แต่หันมาแสดงความยินดีกับตู๋กูเจี้ยนเฉินเป็นอย่างแรก
“ใช่ ๆ ยินดีด้วยผู้อาวุโสเจี้ยนเฉิน”
ผู้อาวุโสมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสองก็นึกขึ้นมาได้ พากันเผยสีหน้าแสดงความยินดี
“ขอบใจผู้เพื่อนยุทธ์ทั้งสามยิ่ง” ตู๋กูเจี้ยนเฉินกำมือคำนับเป็นการขอบคุณน้ำใจ ในวันนี้เขาก็เป็นถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด แน่นอนว่าสถานะก็ต้องเทียบเท่ากับระดับผู้อาวุโสไท่ซ่าง
พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า ในครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะตู๋กูเจี้ยนเฉินสามารถข้ามผ่านทัณฑ์ได้สำเร็จทันเวลา เกรงว่าผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งสามต่างก็ต้องตายตกอยู่ในกำมือของจ้าวปีศาจเสวียนหยินเป็นแน่
แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือหลัวซิว เขาอาศัยเพียงผลการฝึกตนเทพมารขั้นเก้าช่วงปลาย แต่กลับสามารถฆ่ามกุฎเทพขั้นเก้าสามคนซึ่ง ๆ หน้าได้ ต้านทานการโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพขั้นเก้าท่านหนึ่งได้!
ทั้งกลุ่มเดินทางกลับไปยังอาณากระบี่หวูจี๋ ผู้อาวุโสและผู้คุมกฎมากมายต่างพากันมาแสดงความยินดีกับตู๋กูเจี้ยนเฉินที่สามารถบรรลุมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าได้สำเร็จ
แต่ถึงกระนั้น เหล่าตู๋กูเจี้ยนเฉินพวกเขาทั้งสี่กลับไม่ได้ล่าช้าแม้แต่น้อย รีบพุ่งตรงไปยังหุบเขากระบี่ นำเอาเรื่องที่ถูกสำนักหยินวิถีมารลอบโจมตีทูลต่อเจ้าแดน
หลัวซิวไม่ได้ไปยังหุบเขากระบี่ เพราะจนถึงตอนนี้ทั่วทั้งอาณากระบี่หวูจี๋ยังไม่มีใครรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจ้าแดน
แต่เมื่อพวกของตู๋กูเจี้ยนเฉินออกมาจากหุบเขากระบี่แล้ว หลัวซิวจึงได้เข้าไปยังหุบเขากระบี่ ท่ามกลางห้องใต้หลังคาที่เก่าแก่นั้น ก็ได้พบกับศิษย์พี่ของเขา ‘ตู๋กู’
“ศิษย์น้อง ข้ารู้ว่าเจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด”
เมื่อเห็นหลัวซิวเดินเข้ามาในห้องใต้หลังคา ตู๋กูที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นราวกับไม่ได้เคลื่อนไหวมานานนับหมื่นปีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์พี่ยังคงคาดเดาได้ราวกับเทพยกร เช่นนั้นศิษย์พี่รู้ว่าข้าจะถามสิ่งใด? ” หลัวซิวนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้าตู๋กู
“หากว่าข้าไม่ได้คากเดาผิด เหตุที่ศิษย์น้องเดินทางมาในครั้งนี้ น่าจะมาเผื่อถามเรื่องแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจใช่หรือไม่? ”
ตู๋กูยิ้ม พร้อมพูดต่อ “อาจารย์รู้ว่าเจ้าต้องเข้ามาถาม ดังนั้นจึงให้ข้าอธิบายให้เจ้าได้คลายสงสัย”
เมื่อได้ฟังว่าเป็นคำไหว้วานจากอาจารย์ หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็พอคาดเดาว่าพลังอมตะของอาจารย์นั้นแกร่งกล้า น่าจะรู้เรื่องราวที่ลึกลับมากมาย
“ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจจึงก่อการจลาจลที่โลกร้าง” หลัวซิวเอ่ยพูดข้อสงสัยของตนออกมา
ตามที่เขาได้อ่านจากรายงาน แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจก่อนหน้านี้ก็ได้ก่อความวุ่นวายที่เมืองต้าฮวงโบราณไปก่อนแล้ว ส่วนครั้งนี้ก็มาลงมือกับอาณากระบี่หวูจี๋อีก ตามหลักแล้วแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจเพียงแห่งเดียวไม่มีความแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ทำไมพวกเขาถึงกล้าทำเช่นนั้น?
และที่หลัวซิวถามถึงเรื่องของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ อันที่จริง เขาต้องการคาดเดาความปลอดภัยของฮู๋ชิงชิงเป็นหลักจากข้อมูลที่ตนได้รับ ส่วนที่เขาเป็นกังวลใจนั้นไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ แต่เป็นฮู๋ชิงชิง!
“พูดถึงแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ เช่นนั้นก็ต้องเริ่มจากที่มาของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ” ตู๋กูยิ้มออกมาบาง ๆ
“ที่มาของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ? ไม่ใช่การสืบทอดจากการบำเพ็ญปรปักษ์ในยุคไท่ชูหรือ? ” หลัวซิวเอ่ยถาม
ตู๋กูพูดพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าพูดมาถูกแล้ว แต่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจเป็นสิ่งสืบทอดจากการบำเพ็ญปรปักษ์ในยุคไท่ชูจริง แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าการบำเพ็ญปรปักษ์ในยุคไท่ชูมีที่มาอย่างไร? ”
“บำเพ็ญปรปักษ์? ที่เรียกว่าบำเพ็ญปรปักษ์ไม่ใช่นักยุทธ์ที่ฝึกตนด้วยวิถีที่แตกต่างจากกฎทวยเทพธรรมหรือ? ” หลัวซิวตอบไปเช่นนั้น
ในภพชาติก่อนเขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อของการบำเพ็ญปรปักษ์ และเขาก็ชื่นชมการบำเพ็ญปรปักษ์เหล่านั้นเสมอมา นั่นก็เพราะว่าเหล่าบรรดาผู้แข็งแกร่งที่บำเพ็ญปรปักษ์ ในยุคไท่ชูและยุควัฏสงสารได้ต่อสู้กับประมุขเต๋าสวรรค์และประมุขเต๋าวัฏสงสาร ทวงคืนโชคชะตาของตนเพื่อคนในใต้หล้า
“สิ่งที่เจ้าพูดเกี่ยวกับการบำเพ็ญปรปักษ์ทั้งหมดนั้น เป็นเพียงสิ่งที่เจ้าเข้าใจเท่านั้น แต่ภูมิหลังของการบำเพ็ญปรปักษ์ในยุคไท่ชูที่แท้จริงนั้น มันกลับไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น”
ตู๋กูพูดพร้อมส่ายหน้าไปมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่านอกจากพื้นโลกดาราที่มีโลกมหาศักดิ์แปดด้านของเราอยู่นั้น ยังมีพื้นโลกดาราอื่น ๆ ดำรงอยู่ด้วยเช่นกัน? ”
หลัวซิวพยักหน้า เขารู้ว่ายังมีโลกาเทพมังกรไท่ชูรวมถึงโลกาฟ้าดินหลิงหลงอยู่ด้วย
“ในกาลเวลาก่อนหน้ายุคสมัยไท่ชูนานแสนนานนั้น ยังมีสมัยต้าเหยียนดำรงอยู่”
ตู๋กูค่อย ๆ พูดอธิบาย และกล่าวถึงประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่มาก
สมัยต้าเหยียน งดงามและเจริญรุ่งเรือง ในเวลานั้นพื้นโลกดาราแห่งนี้ยังไม่ได้ตั้งชื่อ ยังไม่เกิดเป็นโลกมหาศักดิ์แปดด้าน
และในยุคนั้นก็เกิดอภิมหาทัณฑ์ที่แท้จริงขึ้นด้วยเช่นกัน นั่นก็คือสงครามระหว่างพื้นโลกดาราแห่งนี้ของพวกเรากับพื้นโลกดาราใหญ่อีกสองแห่ง
ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่เราอาศัยอยู่ มีพื้นโลกดาราหลักอยู่สามแห่ง พื้นโลกดาราใหญ่ทั้งสามแห่งนี้เชื่อมต่อถึงกันและกัน ประกอบเป็นจักรวาลทั้งหมด
มหาทัณฑ์ครั้งนั้น ก็คือโลกาเทพมังกรไท่ชูและโลกาฟ้าดินหลิงหลงร่วมมือกันโจมตีพื้นโลกดาราดวงนี้ของเรา มหาทัณฑ์ครั้งนี้เกี่ยวข้องกันมากมาย แม้แต่อาจารย์ของเราก็อยู่ในแดนมกุฎเต๋าแล้วในตอนนั้น อีกทั้งยังเกือบตายหลายครั้ง!
หลัวซิวได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง เขารู้ว่ามกุฎเต๋าเข้าใกล้กับแดนเซียนถึงเพียงใด การดำรงอยู่ที่ทรงพลังเช่นนี้ยังเกือบทำให้ชีวิตต้องสูญสิ้น เช่นนั้นอภิมหาทัณฑ์นั้นมันต้องน่าหวาดกลัวถึงระดับใดกัน?
“มหาทัณฑ์ในสมัยต้าเหยียนในท้ายที่สุดถึงแม้ว่าจะจบลงแล้ว แต่ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นั้นแทบจะถูกลบล้าง สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนสูญพันธุ์ สถานที่รกร้างมีอยู่นับไม่ถ้วน มันน่าสยดสยอง และพื้นโลกดาราทั้งหมดเกือบถูกทำลาย”
“และในยุคนั้น ผู้แข็งแกร่งมกุฎเต๋าแปดท่านที่ควบคุมอัญมณีดั้งเดิมก็ได้เปิดโลกมหาศักดิ์แปดด้าน ในเวลาเดียวกันก็เปิดยุคไท่ชู……”
จากคำพูดของตู๋กู มกุฎเต๋าทั้งแปดคือฟ้า ดิน ดำ เหลือง จักรวาลหิวโหยแปดบรรพโบราณ พวกเขาหลอมรวมตนเองเข้ากับอัญมณีดั้งเดิมเป็นหนึ่ง เปิดโลกมหาศักดิ์แปดด้านขึ้น ทำให้พื้นโลกดาราแห่งนี้ที่แต่เดิมกลายเป็นพื้นที่ร้างไร้สิ่งมีชีวิต ฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดขึ้นมาอีกครั้ง
บรรพโบราณทั้งแปดท่านนี้ มีคุณงามความดีเหลือล้น ล้วนเป็นที่ยกย่องของคนรุ่นหลังเสมอมา
อย่างไรก็ตาม นับจากยุคสมัยนั้น อำนาจของโลกาเทพมังกรไท่ชูและโลกาฟ้าดินหลิงหลงยังฉวยโอกาสแทรกซึมเข้ามาด้วย เพราะธรรมเวชของพื้นโลกดาราใหญ่ทั้งสองกับธรรมเวชของโลกมหาศักดิ์แปดด้าน เนื่องจากเหตุผลในการแบ่งแยกส่วนต่อที่แตกต่างกัน ดังนั้นกองกำลังที่พวกเขาสนับสนุนคือธรรมเวชจากการฝึกตน และโดยธรรมชาติแล้วจะสามารถรับรู้ได้ถึงการขับไล่ของกฎทวยเทพธรรมแห่งโลกมหาศักดิ์แปดด้าน
และนี่คือจุดกำเนิดที่แท้จริงของบำเพ็ญปรปักษ์!
การบำเพ็ญปรปักษ์ในยุคไท่ชู คือหมากที่โลกาเทพมังกรไท่ชูและโลกาฟ้าดินหลิงหลงวางเอาไว้ ดังนั้นถึงได้ดึงดูดมหาทัณฑ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่โลกมหาศักดิ์แปดด้านบนพื้นโลกดาราแห่งนี้ และมันไม่ได้สูงส่งดั่งที่หลัวซิวเคยรู้มา
เมื่อหลัวซิวได้ยินถึงความเป็นจริงในข้อนี้ เรียกได้ว่ามันยากที่เขาจะทำใจเชื่อได้ หากผู้ที่บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ศิษย์พี่ของตน เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกเขาอยู่เป็นแน่
แต่เขาเชื่อว่าตู๋กูไม่มีทางโกหกเขา อาจารย์ของเขาก็ไม่มีทางโกหกเขา
สำหรับข้อมูลลับเหล่านี้ เคยแยกร่างมาร่วมบำเพ็ญปรปักษ์ และกลายเป็นคนสำคัญของยุคไท่ชูบำเพ็ญปรปักษ์ นี่จึงเป็นการได้รับรู้ข้อมูลล้ำค่าที่คนธรรมดามากมายไม่รู้
และเป็นเพราะร่างแยกหนึ่งของมกุฎเต๋าหวูจี๋เคยเป้นหนึ่งในสมาชิกบำเพ็ญปรปักษ์ ดังนั้นจึงได้เป็นศัตรูกับชิงเทียนแห่งยุคไท่ชู อีกทั้งยังถูกชิงเทียนกดผนึกเอาไว้ท่ามกลางหุบเขาผนึกปีศาจ
แต่ร่างแยกของมกุฎเต๋าหวูจี๋นั้น ก็ใช้โอกาสนี้เพื่อหายตัวไปอย่างสมบูรณ์
ในสมัยปัจจุบันนี้ มหาทัณฑ์กำลังจะกลับมาอีกครั้ง มกุฎเต๋าหวูจี๋ก็จะปล่อยให้ร่างแยกที่ถูกกดขี่และถูกผนึกไว้ออกมาในเวลาที่เหมาะสม บุกเข้าไปในโลกสวรรค์ด้วยท่าทีต่อต้านเผ่าฟ้า เปลี่ยนชื่อเป็นชูหวูจี๋!
ตามคำพูดของตู๋กู สาเหตุที่แท้จริงของความวุ่นวายในโลกมหาศักดิ์แปดด้าน ต่างก็เป็นเพราะโลกาเทพมังกรไท่ชูและโลกาฟ้าดินหลิงหลงแอบชักใยอยู่เบื้องหลัง ดังเช่นกองกำลังเช่นนั้นของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งอย่างบรรพยักษ์ตรีภพ หรือมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคี ต่างก็เป็นเพียงแค่หมากในกระดานเท่านั้น
“นักยุทธ์ก็เป็นคน เป็นสิ่งมีชีวิต ต่างก็มีความทะเยอทะยาน ความปรารถนา ความเคียดแค้น โลกาเทพมังกรไท่ชูและโลกาฟ้าดินหลิงหลงก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ ดึงดูให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นในโลกมหาศักดิ์แปดด้านของพวกเรา” ตู๋กูเอ่ยไว้เช่นนี้
“ในเมื่อตอนนี้เรารู้ต้นตอของความวุ่นวายแล้ว แค่กำจัดหมากเหล่านี้ออกยังไปก็ได้แล้วมิใช่หรือ? ” หลัวซิวถามด้วยความสงสัย
“มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด นับตั้งแต่ยุคไท่ชูจนถึงตอนนี้ พวกที่คอยสนับสนุนโลกาเทพมังกรไท่ชูและโลกาฟ้าดินหลิงหลง ได้ค่อย ๆ แทรกซึมจนกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งหลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางโลกมหาศักดิ์แปดด้าน อย่างเช่นแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจในตอนนี้ เป็นฐานที่มั่นคง เกรงว่าต่อให้เป็นผู้แกร่งเลิศบุกเข้าไป ต่างก็ยังไม่สามารถทำประโยชน์ใดได้แม้แต่น้อย”
“แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น? ” หลัวซิวตกใจ ผู้แกร่งเลิศนั้นสามารถพูดได้ว่าเป็นรองเพียงประมุขเต๋าเท่านั้น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งเช่นนั้นยังไม่สามารถทำอะไรแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจที่อยู่ตรงหน้าได้ เช่นนั้นพลังของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจจะแข็งแกร่งถึงเพียงใดกัน?
“พูดออกไปก็เกรงว่าจะทำให้เจ้าตกใจกลัว เพียงแค่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าก็มีนับร้อยคนแล้ว!” ตู๋กูพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังต้องตื่นตกใจ
“นับร้อย!” หลัวซิวได้ยินถึงจำนวนนั้น ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้านับร้อย นี่มันคือสิ่งใดกัน?
มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
เท่าที่เขารู้ จำนวนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าทั่วทั้งโลกร้างที่เห็นได้ชัดก็มีเพียงสองร้อยกว่าคนเท่านั้น เมืองต้าฮวงโบราณที่รุ่งเรืองที่สุด การสืบทอดที่เก่าแก่ที่สุด จำนวนของมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าอย่างมากไม่เกินหลายสิบคนก็ถือว่าดีมากแล้ว
เป็นการสะสมผ่านวันคืนมาหลายปีนับไม่ถ้วน ซึ่งหมายความว่าพลังที่แท้จริงของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจที่เก็บซ่อนเอาไว้ พูดได้ว่าแข็งแกร่งเสียยิ่งว่าเมืองต้าฮวงโบราณ หรือว่าในขณะที่พวกเขาเป็นปรปักษ์กับเมืองต้าฮวงโบราณ ก็ยังกล้ามาหาเรื่องกับอาณากระบี่หวูจี๋อีกด้วย!
แต่พอคิดไปถึงมกุฎเต๋าหวูจี๋ หลัวซิวก็ไม่ได้กังวลใจถึงเพียงนั้นแล้ว มีอาจารย์คอยกุมบังเหียน ต่อให้พลังของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจที่ซ่อนไว้จะแข็งแกร่งมากกว่านี้อีกเพียงใด ก็ยังไม่สามารถต้านทานมกุฎเต๋าได้แน่นอน
ตู๋กูดูเหมือนจะรู้ถึงความคิดในใจของหลัวซิว พูดพร้อมส่ายศีรษะไปมา “การดำรงอยู่ดั่งเช่นอาจารย์นั้นไม่มีทางลงมือเองง่าย ๆ หรอก เพราะว่าโลกาเทพมังกรไท่ชูและโลกาฟ้าดินหลิงหลงก็มีมกุฎเต๋าอยู่ด้วยเช่นกัน!”
“แต่เจ้าก็ไม่ต้องกังวลไป ห้วงดาราแห่งนี้ของพวกเราโลกมหาศักดิ์แปดด้านไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถพังทลายได้อย่างง่ายดาย อภิมหาทัณฑ์ที่แท้จริงยังไม่มีทีท่าว่าจะเริ่มขึ้นอย่างแท้จริง ในตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นแค่เพียงความวุ่นวายเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของตู๋กูก็เปลี่ยนเป็นขึงขังขึ้นมา “อาจารย์ให้ข้าบอกเรื่องเหล่านี้กับศิษย์น้อง ก็เพื่อให้เจ้ารักษาตัวไว้ให้พร้อม เพื่อให้เจ้ามองหลักของมหาทัณฑ์ให้ออก คิดว่าศิษย์พี่ก็น่าจะเคยพูดกับเจ้าแล้ว รากฐานของมหาทัณฑ์คือพรหมเซียน เพียงแค่พรหมเซียนยังไม่ปรากฏขึ้น มหาทัณฑ์ครั้งนี้ก็ยังไม่ได้ระเบิดออกมาอย่างแท้จริง”
“ดังนั้นอาจารย์จึงหวังว่าก่อนที่มหาทัณฑ์จะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง เจ้าจะตั้งใจยกระดับพลังของตนเองให้ดี”
ระหว่างที่พูด ตู๋กูก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน จ้องมองมาที่หลัวซิว “หากว่าข้าไม่ได้มองผิดไป เคล็ดเซียนแปรเก้าของเจ้าบรรลุถึงขึ้นที่สามแล้วใช่หรือไม่? อาจารย์ให้ข้าพาเจ้าไปสถานที่ที่จะสามารถทำให้เจ้ายกระดับพลังของตนได้อย่างรวดเร็ว”