มู่หนานจือ - บทที่ 411 โน้มน้าว
“อนาคต!” เจียงเซี่ยนปรายตามองหลี่จี้ทีหนึ่ง “พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่ ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้าจะเรียกพี่ชายทั้งสองคนของข้ามาให้ได้ เช่นนั้นก็ได้! เจ้าอย่าเสียใจทีหลังอีกก็พอ!”
หลี่จี้ได้ยินแล้วไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร จึงกัดฟัน และสูดลมหายใจอย่างโศกเศร้าปนฮึกเหิมราวกับไปบุกน้ำลุยไฟ แล้วเอ่ยว่า “ข้าไป! ข้าจะไปต้อนรับใต้เท้าคัง!”
“ต้องแบบนี้สิ!” เจียงเซี่ยนพยักหน้าอย่างพอใจ และมอบงานนี้ให้หลี่จี้
หลี่จี้นอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน พลางคิดตลอดว่าหลังจากใต้เท้าคังมาแล้วควรจะทำอย่างไรถึงจะเหมาะสม ใครจะรู้ว่าพอใต้เท้าคังมาถึงบ้าน เขานั่งลงดื่มชาเป็นเพื่อนในห้องโถงของเรือนด้านนอก ใต้เท้าคังก็เอ่ยว่าอยากพบเจียงเซี่ยน โดยไม่แตะต้องแม้แต่ชากับของว่าง
เขาย่อมไม่อาจขวางได้
จึงไปที่โถงบุปผาของเรือนด้านในเป็นเพื่อนใต้เท้าคัง
เพื่อแสดงความเคารพ เจียงเซี่ยนสวมเสื้อสองชั้นแขนยาวลายเปี้ยนตี้จินสีแดงที่ใหม่มาก และกลัวว่าหน้าตาของตนเองจะอ่อนวัยเกินไปจนไม่สามารถทำให้คังตวนเชื่อถือได้ จึงสวมเครื่องประดับมรกตบนศีรษะ และนั่งรออยู่ตรงนั้นอย่างงดงามและเรียบร้อยแล้ว
ใต้เท้าคังเข้ามาคารวะ และเอ่ยว่า “ท่านหญิงเจียหนาน ขอบคุณที่ท่านเห็นใจและสงสาร ช่วยภรรยากับลูกของข้าขอรับ!”
เขาดูเหมือนบัณฑิตที่อายุเพียงสามสิบปี ผ่ายผอมและสุภาพ ท่าทางอ่อนโยน แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นคนที่มีความรู้มาก จึงทำให้คนรู้สึกชอบ
ใต้เท้าคังสามารถเดาได้ว่านางเป็นใครได้เร็วขนาดนี้ ทำให้เจียงเซี่ยนแปลกใจเล็กน้อย
นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนจะไม่มีอะไรปิดบังใต้เท้าคังได้!”
ความนัยที่แฝงในนั้นคือ สงสัยว่าคังตวนเคยสืบเรื่องนาง
“ท่านหญิงพูดเกินไปแล้ว!” คังตวนเหมือนไม่เข้าใจความนัยของเจียงเซี่ยน และเอ่ยต่อด้วยสีหน้าอบอุ่นว่า “ข้าลาออกแล้ว ไม่กล้าเป็น ‘ใต้เท้า’ ของท่านหญิง หากท่านหญิงไม่รังเกียจ ข้าชื่อ ‘เสียงอวิ๋น’ ท่านหญิงเรียกข้าว่าคังเสียงอวิ๋นก็ได้ จะว่าไป…ข้าเพิ่งเคยพบท่านหญิงเป็นครั้งแรก แต่รู้เรื่องบางเรื่องจากคำพูดของคุณชายรองแล้ว ตอนที่มาเยี่ยมท่านหญิง ท่านหญิงไม่ไปพบแขก ทว่าพาข้ามาพบที่นี่ แสดงว่าฐานะของท่านสูงศักดิ์ ข้าถึงเดาได้ ท่านหญิงไม่จำเป็นต้องคิดมาก”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและจริงใจ ทำให้คนรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน
คังเสียงอวิ๋นเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ
ความปรารถนาที่เจียงเซี่ยนจะรั้งเขาไว้แรงกล้าขึ้นแล้ว
นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านคังพูดจาและทำอะไรตรงไปตรงมาเช่นนี้ หากข้ายังพยายามปิดบังอย่างสุดกำลัง ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเสียมารยาทกับท่าน ข้าก็ไม่พูดจาอ้อมค้อมกับท่านแล้วเช่นกัน หากระหว่างคำพูดมีตรงไหนล่วงเกินไป ขอให้ท่านคังอภัยให้ด้วย!”
“ท่านหญิงเกรงใจเกินไปแล้ว!” คังเสียงอวิ๋นพูดจาเกรงใจกับเจียงเซี่ยนอยู่พักหนึ่ง
เจียงเซี่ยนก็ถามเขา “ข้าได้ยินน้องรองบอกว่า ท่านคิดจะไปฝูเจี้ยนกับท่านเจิ้งเพื่อนสนิท?”
คังเสียงอวิ๋นพยักหน้า
เจียงเซี่ยนก็เอ่ยโดยไม่รอให้เขาเอ่ยปากว่า “ข้าถามได้หรือว่าทำไมท่านคังถึงอยากไปฝูเจี้ยน?”
คังเสียงอวิ๋นไม่ปิดบังหลี่จี้ ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องปิดบังเจียงเซี่ยน
เขาเล่าเรื่องราวทั้งหมด และเอ่ยว่า “ตอนหลังคุณชายหลี่จี้ไปที่บ้านของข้าอีกครั้ง บอกว่าอยากเชิญข้าไปซานซี เพียงแต่ข้ารับปากเพื่อนแล้วว่าจะไปฝูเจี้ยนด้วยกัน และข้าก็รู้แต่การต่อเรือ ไปซานซี ก็ไม่สามารถแสดงความสามารถได้อยู่ดี จะกลายเป็นทำให้ท่านหญิงผิดหวัง!”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “จะว่าไป…ที่เชิญท่านคังไปซานซี ก็เป็นเพราะข้าสงสารคุณหนูใหญ่ของตระกูลท่านเช่นกัน คนที่เฉลียวฉลาดหลักแหลมอย่างนาง แถมยังเป็นคนที่ข้าช่วยออกมาจากขุมนรกเองกับมือ ก็หวังว่านางจะปลอดภัยและราบรื่น ถึงได้คิดเช่นนี้”
คังเสียงอวิ๋นประหลาดใจ
เจียงเซี่ยนก็ยิ้มพลางเอ่ยแล้วว่า “ท่านคังคงจะคิดว่าทางใต้ปลอดภัยมากใช่หรือไม่? แต่เท่าที่ข้าดู ไปไหนก็ดีกว่าไปฝูเจี้ยน!”
คังเสียงอวิ๋นแอบเดาได้แล้วว่าเจียงเซี่ยนอยากชักจูงตนเอง
ทว่าตระกูลหลี่ไม่ต้องการเขาด้วยซ้ำ
นี่ก็เป็นที่ที่เขาแปลกใจเช่นกัน
ดังนั้นเขามาหาถึงที่นอกจากอยากขอบคุณเจียงเซี่ยนด้วยตนเองแล้ว ยังอยากรู้ว่าเจียงเซี่ยนอยากจะทำอะไรกันแน่ด้วย
เขาได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “จูเก๋อเลี่ยงถูกส่งไปเป็นทูตที่อู๋ตะวันออก บอกว่าซุนเฉวียนน่ายอมจำนน แต่หลิวเป้ยกลับไม่น่ายอมจำนน เพราะเหตุใด?”
สีหน้าของคังเสียงอวิ๋นเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก สายตาเคร่งขรึมทันที
นั่นเป็นเพราะหลิวเป้ยเป็นเชื้อพระวงศ์ และถูกคนมองว่าเป็นการสืบเนื่องของราชวงศ์
ทุกหนทุกแห่งปรากฏวีรบุรุษขึ้นมาช่วงชิงอำนาจในการปกครองแคว้น จะมีที่ให้เชื้อพระวงศ์ได้อย่างไร?
ดังนั้นซุนเฉวียนสามารถพึ่งพาอาศัยเฉาเชาได้ ทว่าหลิวเป้ยกลับไม่สามารถยอมจำนนได้
เจียงเซี่ยนไม่อาจพูดได้ว่าราชวงศ์จ้าวกำลังจะพังทลายแล้ว จึงจำเป็นต้องเปรียบเทียบด้วยสิ่งนี้
นางเห็นคังเสียงอวิ๋นเข้าใจแล้ว จึงยิ้มและเอ่ยต่อว่า “ทางใต้ปลอดภัยมากจริงๆ แต่ท่านคังกลับเชี่ยวชาญวิชาการต่อเรือ ทางใต้…น่าจะมีแต่จวนจิ้งไห่โหวที่สามารถทำให้ท่านคังแสดงความสามารถพิเศษได้ ท่านคังไปแล้ว จะต้องได้รับการแต่งตั้งให้รับตำแหน่งสำคัญอย่างแน่นอน แต่ฝ่าบาทกำลังอยู่ในช่วงเยาว์วัย ไม่เหมือนฮ่องเต้องค์ก่อนที่มีประสบการณ์มาก และอดทนได้ หากจวนจิ้งไห่โหวก่อเรื่องใหญ่ขึ้นทางใต้ ฝ่าบาทอาจจะคิดดำเนินกลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อเรียกคืนตำแหน่งขุนนางท้องถิ่นหรือพื้นที่และยึดครองอิทธิพลส่วนที่อยู่ในมือหรืออำนาจทั้งหมดก็ได้!”
“เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีเช่นกัน!”
“ไม่ว่าอย่างไรจวนจิ้งไห่โหวก็เป็นญาติในตระกูลเดียวกันกับตระกูลจ้าว ท่านคังละทิ้งเมืองหลวงและทำตามจวนจิ้งไห่โหว ถึงเวลานั้นเกรงว่าจุดยืนจะกระอักกระอ่วนเล็กน้อย”
“หากฝ่าบาทไม่คิดดำเนินนโยบายทางการเมืองเพื่อเรียกคืนตำแหน่งขุนนางท้องถิ่นหรือพื้นที่และยึดครองอิทธิพลส่วนที่อยู่ในมือหรืออำนาจทั้งหมด ต่อไปทางเหนือไม่ว่าใครเป็นคนตัดสินใจ ก็เกรงว่าจะยอมให้จวนจิ้งไห่โหวก่อความวุ่นวายแบบนี้ไม่ได้เช่นกัน”
“ท่านคังตั้งใจอ่านตำราประวัติศาสตร์จนท่องได้ อย่างที่ท่านบอกน้องชายสามีของข้าก่อนหน้านี้ ตอนที่ผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ทางเหนือยืนหยัดต่อต้าน แต่ทางใต้นั้นกองกำลังทหารกลับไม่เคยมีขวัญกำลังใจแม้แต่น้อย ถึงเวลานั้นท่านคังมีความดีความชอบต่อกองทัพเรือของฝูเจี้ยนมากเพียงใด ความรับผิดชอบที่ทำผิดก็ใหญ่ตามเท่านั้น”
“หากเจอคนที่มีเหตุผล และรู้ความสามารถของท่านคัง อยากใช้ท่านคังต่อไป แต่ถึงอย่างไรท่านคังก็สร้างความดีความชอบลบล้างความผิด ก็เกรงว่าอย่าได้คิดที่จะเงยหน้าขึ้นมาตลอดชีวิต แม้แต่ลูกๆ ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงที่จะต้องติดร่างแหไปด้วย ยิ่งกว่านั้นไปฝูเจี้ยนแล้ว ตระกูลคังก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแต่งงานกับผู้ใต้บังคับบัญชาของจวนจิ้งไห่โหว…”
เมื่อเป็นเช่นนั้น หากจวนจิ้งไห่โหวถูกเรียกคืนตำแหน่งและยึดอำนาจในมือหรือถูกรับเอาไว้และจัดกองกำลังทหารใหม่ พวกลูกของคังเสียงอวิ๋นหากไม่เป็นภรรยาของขุนนางที่ต้องโทษ ก็เป็นพ่อตาของขุนนางที่ต้องโทษ
หากเรื่องราวไปถึงขั้นนั้น ที่เขาลำบากลำบนวิ่งเต้นเพื่อคนในครอบครัวเช่นนี้จะมีความหมายอะไรอีก?
คังเสียงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่น
เจียงเซี่ยนเหมือนมองไม่เห็น นางถอนหายใจยาวเหยียด และเอ่ยเสียดายว่า “ลูกสาวล้ำค่ามาก ข้าทนเห็นของล้ำค่าตกอยู่ในกำมือของคนที่ไม่สามารถวินิจฉัยสินค้าได้ไม่ได้จริงๆ ถึงได้เตือนท่านคังเล็กน้อย หวังว่าท่านคังจะไม่คิดว่าข้าบ่นมากเกินไป แต่หากท่านคังคิดว่าได้ไปช่วยจวนจิ้งไห่โหวต่อเรือที่ฝูเจี้ยน จะได้ทำให้สิ่งที่เรียนมาตลอดชีวิตเป็นจริง และจะไปฝูเจี้ยนให้ได้ ข้าก็ไม่อาจขวางได้เช่นกัน ถึงอย่างไรผู้ชายส่วนใหญ่ก็อยากสร้างความดีความชอบต่อแคว้นอย่างใหญ่หลวงและทำงานใหญ่สำเร็จ เอาแต่ละโมบกับภรรยาและลูก ไม่ใช่สิ่งที่ลูกผู้ชายทำ!”
“ที่ไหนกัน! ที่ไหนกัน!” คังเสียงอวิ๋นไม่มีความสุขุมเยือกเย็นอย่างตอนที่เพิ่งมาแล้ว หน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดออกมา
ทำไมซื่อจื่อจิ้งไห่โหวต้องเสียแรงมากขนาดนั้นโน้มน้าวเขา?
ความทะเยอทะยานของจ้าวเซี่ยวไม่ต้องบอกก็รู้ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้เขาคิดเพียงแค่ว่าจะมอบสถานที่ตั้งตัวให้ภรรยากับลูก ทว่ากลับไม่ได้คิดทบทวนอย่างละเอียดว่าสถานที่ตั้งตัวนี้สามารถคุ้มครองความปลอดภัยของภรรยากับลูกของเขาได้หรือไม่!
แต่ไปซานซี เขาจะทำอะไรได้?
อยู่เมืองหลวงต่อ เวลานี้ครอบครัวพบเจอความเปลี่ยนแปลงมากมาย เขาลาออกแล้ว ไม่มีทางอยู่เมืองหลวงได้อย่างสิ้นเชิง ต่อให้จะกลับบ้านเกิด ก็ไม่มีค่าเดินทางอยู่ดี!
ความมืดมนฉายวาบผ่านไปในดวงตาของคังเสียงอวิ๋นอย่างเบาบาง
เจียงเซี่ยนเห็นแล้วเข้าใจ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากไหว้วานท่านจริงๆ!”
คังเสียงอวิ๋นรีบทำจิตใจให้สดชื่น และเอ่ยว่า “ท่านหญิงเชิญว่ามา!”
————————————-