มู่หนานจือ - บทที่ 414 ขึ้นเขา
เจียงเซี่ยนอิงแอบอยู่ข้างกายไทฮองไทเฮา และพูดคุยพลางหัวเราะตลอดทางจนถึงภูเขาวั่นโซ่ว
ความกตัญญูต้องมาเป็นอันดับแรก
เฉาไทเฮานั้นแม้แต่ตอนที่สำเร็จราชการแทนก็ยังวางมาดต่อหน้าไทฮองไทเฮา เวลานี้ถูกกักขังที่ภูเขาวั่นโซ่วแล้ว กลับไม่ปล่อยเลยตามเลย ยังคงส่งคนไปคารวะไทฮองไทเฮาทุกครั้งที่ถ ถึงเทศกาลบ๊ะจ่าง เทศกาลไหว้พระจันทร์ และเทศกาลตรุษจีนเหมือนเมื่อก่อนเช่นเดิม ไทฮองไทเฮาจะมาพักที่ภูเขาวั่นโซ่วชั่วคราว นางก็พาพวกขันทีกับนางในที่รับใช้ข้างกายมายืนรอ รับเสด็จที่ท่าเรือวารีเคียงพฤกษาล่วงหน้า
เจียงเซี่ยนมองเห็นศีรษะคนมากมายจนแน่นขนัดไปหมดที่ท่าเรือวารีเคียงพฤกษาจากหน้าต่างเรือ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจพลางเอ่ยกับไป๋ซู่ว่า “สมกับเป็นเฉาไทเฮา ในสถานการณ์แบบนี้ ก็ไม่สูญเสียปณิธานนี้เช่นกัน ช่างน่านับถือจริงๆ”
ถึงอย่างไรไป๋ซู่ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น จึงไม่ค่อยเข้าใจการถอนหายใจของเจียงเซี่ยนมากนัก นางได้ยินแล้วก็ยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย และเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้นทำไมเพียงแค่เฉาเซวียนดำรงตำ ำแหน่งเสมียนเล็กๆ ฝ่าบาทกับพวกราชเลขาธิการจากสำนักราชเลขาธิการ กระทั่งพวกผู้ตรวจการจากสำนักตรวจการต่างก็นั่งไม่ติดแล้วล่ะ?”
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเขาเกรงกลัวเฉาเซวียน แล้วก็กลัวว่าเฉาเซวียนจะเป็นหุ่นเชิดของเฉาไทเฮา หากเฉาเซวียนสามารถแสดงความคิดของตนเองออกมาได้ ข้าคิดว่า …คนพวกนั้นไม่เพียงแต่จะไม่คอยจับตาดูเขาตลอด ยังอาจจะค่อยๆ ยอมรับเขาด้วย”
ไป๋ซู่อึ้งไป เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เจียงเซี่ยนยิ้ม และสั่งให้ฉิงเค่อช่วยผูกเสื้อคลุมให้นางเสียงเบา เดี๋ยวพอเฉาไทเฮาส่งไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยไปพักที่ตำหนักข้างของตำหนักไผอวิ๋นแล้ว นางกับไป๋ซู่จะเดิน ไปตำหนักไผอวิ๋นพร้อมกับพวกนางในของไทฮองไทเฮา
นางนั่งมองทิวทัศน์ของทะเลสาบคุนหมิงอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
คิดว่าเวลานี้เฉาไทเฮาต้องปวดศีรษะมากอย่างแน่นอน
ตำหนักไผอวิ๋นอยู่ในวัดต้าเป้าเอิน ต้องปีนเขา ตอนนั้นเคยรื้อซ่อมใหม่ เพื่อฉลองวันเกิดให้เฉาไทเฮา แต่นางพักแค่คืนเดียว ก็ถูกคุมขังที่ภูเขาวั่นโซ่ว ไทฮองไทเฮากับไท ทฮองไท่เฟยจะมาพักที่ภูเขาวั่นโซ่วชั่วคราว เมื่อพิจารณาว่าคนแก่ทั้งสองคนอายุมากแล้ว เฉาไทเฮาจึงจัดให้คนแก่ทั้งสองคนพักที่ตำหนักเล่อโซ่ว ทว่าระหว่างทางที่ไทฮองไทเฮาเอ่ ยถึงเรื่องนี้ เจียงเซี่ยนกลับแนะนำให้ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยพักตำหนักไผอวิ๋น ประการแรกที่นั่นอยู่ที่สูง สามารถมองเห็นได้ไกลขึ้น จึงมองเห็นทิวทัศน์ทั้งทะเลสาบคุนหมิง ประการที่สองที่นั่นเงียบสงบ คนน้อย นางสามารถหลบเลี่ยงนางในของภูเขาวั่นโซ่วได้ จะได้อยู่เป็นเพื่อนไทฮองไทเฮา
เฉาไทเฮาจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว แตไทฮองไทเฮากลับเปลี่ยนใจกะทันหัน นางน่าจะยุ่งมากทีเดียว!
มุมปากของเจียงเซี่ยนยกขึ้นเล็กน้อย
อิ้นเสียนางในที่ติดตามรับใช้ข้างกายไทฮองไทเฮาเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบา และเอ่ยเสียงนอบน้อมว่า “ท่านหญิง ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยนั่งเกี้ยวไปตำหนักไผอวิ๋นแล้ว พวกเราก็ ควรออกเดินทางแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า และตามอิ้นเสียลงจากเรือกับไป๋ซู่
บนท่าเรือมีเพียงองครักษ์ของภูเขาวั่นโซ่วไม่กี่คนยืนระแวดระวังอยู่รอบด้านไกลๆ คนที่ลำเลียงของลงจากเรือทั้งหมดเป็นคนของวังฉือหนิง และส่วนใหญ่เป็นหน้าใหม่
อิ้นเสียอธิบายเสียงเบาว่า “ไทฮองไทเฮาตรัสว่า วังฉือหนิงมีของหาย ดังนั้นคนที่พามาครั้งนี้จึงเป็นคนใหม่ทั้งหมดเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “อืม” และเดินอยู่ข้างหลังอิ้นเสีย แสร้งทำเป็นนางในน้อยข้างกายอิ้นเสีย ผ่านขันทีกับนางในของวังฉือหนิง ออกจากท่าเรือวารีเคียงพฤกษา
มีเกี้ยวจอดอยู่ข้างท่าเรือ
อิ้นเสียเอ่ยว่า “ไทฮองไทเฮาตรัสว่า ตำหนักไผอวิ๋นระยะทางไกลมาก พวกนางในกับขันทีที่มีระดับในวังทั้งหมดจะนั่งเกี้ยวขึ้นไป”
เจียงเซี่ยนแอบหัวเราะ
ทีนี้เฉาไทเฮาไม่เพียงแต่ปวดศีรษะแล้ว เกรงว่าจะกำลังปวดทั้งตัว
นางตามอิ้นเสียนั่งเกี้ยวไปตำหนักไผอวิ๋นอย่างไม่เกรงใจแม้แต่นิดเดียว
นอกตำหนักไผอวิ๋นไม่เป็นระเบียบ หีบสัมภาระของไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยที่ย้ายเข้ามาล่วงหน้าวางอยู่อย่างกระจัดกระจาย โดยไม่มีใครสนใจสักคน ส่วนไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยค คุยกับเฉาไทเฮาอยู่ที่ตำหนักข้าง
อิ้นเสียเอ่ยเสียงเบาว่า “แม่นมเมิ่งสั่งไว้ว่า ไว้ท่านหญิงพักที่ตำหนักไผอวิ๋นแล้ว พวกเราถึงจะเริ่มเก็บหีบสัมภาระเจ้าค่ะ”
นี่จะสร้างสถานการณ์วุ่นวายหรือ!
เจียงเซี่ยนกับไป๋ซู่เดินเข้าตำหนักข้างอีกฝั่งของตำหนักไผอวิ๋นอย่างรวดเร็ว
อิ้นเสียโล่งอก
ไม่ว่าจะมีคนจำท่านหญิงเจียหนานได้หรือไม่ อย่างน้อยไม่มีคนกล้าส่งเสียง นี่ก็พอแล้ว
นางไปรายงานเมิ่งฟางหลิง และสั่งให้นางในกับขันทีเก็บหีบสัมภาระ
ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยรู้ว่าเจียงเซี่ยนกับไป๋ซู่มาถึงแล้ว ก็ไม่รั้งเฉาไทเฮาไว้แล้วเช่นกัน คุยเล่นเรื่องงานแต่งงานของจ้าวอี้เล็กน้อย ก็ยกชา
เฉาไทเฮาก็ถูกทรมานจนทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน จึงกลับอย่างไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่นิดเดียว
ไทฮองไทเฮาให้อิ้นเสียมาบอกเจียงเซี่ยนกับไป๋ซู่ว่า วันนี้ทุกคนต่างเหนื่อยแล้ว อาหารกลางวันต่างคนต่างรับประทานในห้องของตนเอง หลังจากรับประทานเสร็จก็นอนกลางวันสักตื่น ไ ไว้ตอนบ่ายสดชื่นขึ้นหน่อยแล้วค่อยไปคุยเป็นเพื่อนนาง
เจียงเซี่ยนตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พอความรู้สึกตื่นเต้นนี้สงบลงถึงรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมา คำพูดของไทฮองไทเฮาตรงใจนางพอดี จึงขานรับติดกันหลายครั้ง และรับประทานอาหารกลางวั นอย่างลวกๆ โดยมีอิ้นเสียคอยรับใช้ และเข้านอนกับไป๋ซู่
พอนางตื่นมา ก็พระอาทิตย์ตกดินแล้ว
นางแอบร้องว่า “แย่แล้ว” และรีบลุกขึ้น
ฉิงเค่อเดินเข้ามาประคองนางอย่างรวดเร็ว และเอ่ยว่า “ท่านหญิง ไม่ต้องรีบร้อนเจ้าค่ะ ไทฮองไทเฮาส่งพี่อิ้นเสียมาดูท่านสองครั้งแล้ว พอทราบว่าท่านยังไม่ตื่น ก็ตั้งใจสั่งลง งมาโดยเฉพาะว่า ให้ท่านนอนให้เต็มที่ ห้ามใครรบกวนทั้งนั้น และท่านหญิงชิงฮุ่ยก็ยังไม่ตื่นเช่นกัน ท่านจะได้รอท่านหญิงชิงฮุ่ยและไปคารวะไทฮองไทเฮาพร้อมกัน”
เจียงเซี่ยนโล่งใจ
ฉิงเค่อให้คนไปเรียกไป๋ซู่ และหันตัวไปตักน้ำเข้ามาช่วยเจียงเซี่ยนหวีผมกับล้างหน้า
กว่าเจียงเซี่ยนจะแต่งตัวเรียบร้อย ไป๋ซู่ก็แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสองคนจูงมือกันไปหาไทฮองไทเฮาเหมือนเมื่อก่อนที่อยู่วังฉือหนิง
เพราะเคยซ่อมแซมเป็นพิเศษเพื่อเฉาไทเฮา ตำหนักข้างทั้งสองหลังของตำหนักไผอวิ๋นจึงต้องซ่อมจนกว้างขวางและสบายกว่าวัดทั่วไป ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยกำลังนั่งเล่นไพ่อยู่บน เตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่าง
พอเห็นทั้งสองคนเข้ามา คนแก่ทั้งสองคนต่างก็ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู และกวักมือให้พวกนางไปหา
เจียงเซี่ยนสับสนเล็กน้อยทันที เหมือนกลับไปสมัยก่อนอีกครั้ง
นางนั่งลงข้างกายไทฮองไทเฮาอย่างสนิทสนม อยากช่วยไทฮองไทเฮาดูไพ่ ทว่าไทฮองไทเฮากลับทิ้งไพ่ และจับมือของเจียงเซี่ยน แล้วเอ่ยว่า “มือเย็นไปหน่อย บนเขาหนาว เจ้าต้องเพิ มเสื้อผ้าอีกตัวถึงจะถูก ข้ารีบเดินทาง จึงไม่ได้พาหมอหลวงเถียนมาด้วย แต่ข้าให้คนบอกเขาแล้ว เขาน่าจะมาได้พรุ่งนี้เช้ามืด ถึงเวลานั้นจะให้เขาตรวจชีพจรให้เจ้า”
เจียงเซี่ยนรีบขอบคุณ
ไทฮองไทเฮาก็ถามนางถึงเรื่องของหลี่เชียน “เจ้าคิดว่าจะคุยกับคนสกุลเฉาอย่างไร?”
“ก็แค่ใช้ความรู้สึกโน้มน้าวใจคน ใช้เหตุผลทำให้คนเข้าใจ” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ต้องเจอเฉาไทเฮาแล้วถึงจะตัดสินใจง่ายเพคะ”
ไทฮองไทเฮาพยักหน้าเล็กน้อย และเอ่ยว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้เที่ยงข้าจะเรียกนางมารับประทานอาหารกลางวันแล้วกัน! พวกเจ้าก็คุยกันที่ตำหนักข้า”
หากให้เฉาไทเฮารู้ว่า ไทฮองไทเฮาก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน สำเร็จแล้ว ไทฮองไทเฮาย่อมจะได้รับบุญคุณจากนาง
เจียงเซี่ยนรู้พวกวิธีทำของในวังและในวงการราชการเป็นอย่างดี จะมองความคิดของไทฮองไทเฮาไม่ออกได้อย่างไร
นางซบไหล่ของไทฮองไทเฮา และเอ่ยเสียงทุ้มว่า “เสด็จยาย หม่อมฉันยังไม่ได้เป็นแม่คนเลย! เสด็จยายต้องแข็งแรง และอายุยืนยาวจนมีชีวิตอยู่ถึงร้อยปี แล้วก็ขอให้แต่งตั้งบรรดาศ ศักดิ์กับสืบทอดตำแหน่งขุนนางให้ลูกของหม่อมฉันด้วย”
ไทฮองไทเฮาได้ยินก็หัวเราะออกมาเสียงดัง และตบไหล่ของนางพลางเอ่ยว่า “วางใจเถอะ อย่างไรข้าก็ต้องมีชีวิตอยู่จนเห็นเหลนชาย ขอให้เหลนชายของข้าได้รับความคุ้มครองถึงจะหลั บตาได้อย่างสบายใจ”