มู่หนานจือ - บทที่ 415 หาตำแหน่งขุนนาง
วันรุ่งขึ้นเจียงเซี่ยนตื่นแต่เช้า หลังจากวนในวัดต้าเป้าเอินที่ต้นไม้ใบหญ้าเจริญงอกงามเขียวชอุ่มและหมอกบางโอบล้อมรอบหนึ่ง ก็ไปรับประทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนไทฮองไทเฮา และเข ข้าไปจุดธูปในอุโบสถเป็นเพื่อนไทฮองไทเฮา แล้วเดินเล่นในวัดเป็นเพื่อนไทฮองไทเฮา
อาจจะเพราะคิดว่าหลานสาวทั้งสองหลังจากเจอกันครั้งนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร ไทฮองไทเฮาจึงเอ่ยถึงองค์หญิงหย่งอันมารดาของเจียงเซี่ยน “…ฉลาดเป็นกรดตั้งแต่เด ด็ก เหมือนเด็กที่น่ารัก ใครเห็นต่างก็ชอบ แม้แต่คนที่ลำเอียงขนาดนั้นอย่างตาของเจ้า เวลาเจอแม่ของเจ้าก็ต้องอุ้มสักหน่อยเช่นกัน…เลี้ยงแมวที่ขนสีขาวตาสีเขียว ข้าเห็น ว่าน่ากลัว แต่แม่ของเจ้าชอบ ไปไหนก็พาไปด้วยตลอด มีวันส่งท้ายปีเก่าปีหนึ่ง ตาของเจ้าจัดงานเลี้ยงของสมาชิกในครอบครัวที่ตำหนักเจียวไท่ ข้าพาแม่ของเจ้าไปร่วมงานเลี้ยง ระหว ว่างทางแมวตัวนั้นหนีไป พวกเราหากันกลางดึกถึงจะเจอบนกิ่งของต้นไป่โบราณอายุร้อยปีที่ตำหนักอู่อิง ปรากฏว่าอาหารคืนส่งท้ายปีเก่าปีนั้นก็ไม่ได้กิน ตาของเจ้าตำหนินาง นาง ยังเถียงกับตาของเจ้าด้วย คนที่ชอบเอาชนะมากอย่างตาของเจ้า พออยู่ต่อหน้านางก็ไม่มีอารมณ์แล้ว เรื่องนี้จึงแล้วกันไป…ดังนั้นต่อมานางถูกใจพ่อของเจ้า และอยากแต่งงานกับพ พ่อของเจ้า ข้าจึงไม่สามารถขวางได้…”
เรื่องนี้เจียงเซี่ยนเคยได้ยินไทฮองไทเฮาเอ่ยถึง
เพียงแต่ตอนนั้นไทฮองไทเฮาหมดทางเยียวยาแล้ว หมอหลวงบอกว่ามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน กรมวังกับกรมพิธีการต่างเตรียมเสื้อผ้าสำหรับคนตายเรียบร้อยแล้ว รอเพียงไทฮองไทเฮาสิ นใจ
น้ำตาของเจียงเซี่ยนร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าเด็กคนนี้!” ไทฮองไทเฮาคิดว่าเจียงเซี่ยนคิดถึงมารดาที่ไม่เคยพบกัน จึงรีบเช็ดน้ำตาให้นาง และเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องเสียใจแทนแม่ของเจ้า ชีวิตของนางน่ะ…ไม่เคยประสบคว วามทุกข์เลย หลังจากนางแต่งงานกับพ่อของเจ้า พ่อของเจ้ารักนางมาก ดีมาก ถึงแม้นางจะจากไปเร็ว แต่ก็ถือว่ารักกันมากเช่นกัน สมปรารถนาแล้ว”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า และเปลี่ยนเรื่อง โดยเอ่ยว่า “หวงจิงที่หม่อมฉันนำมาให้เสด็จยายครั้งก่อน เสด็จยายได้ให้หมอหลวงเถียนดูหรือยัง? หม่อมฉันให้แม่นมเมิ่งเพิ่มมั่นจิงจื่อ แล้วปกติก็ต้มข้าวต้มให้เสด็จยายเสวยสักหน่อย เสด็จยายเสวยหรือยังเพคะ?”
ไทฮองไทเฮากินลงที่ไหนกัน!
นางหัวเราะ และเอ่ยว่า “กินแล้ว! กินแล้ว!”
“เช่นนั้นครั้งหน้าหม่อมฉันจะนำมาให้เสด็จยายอีกหน่อย” เจียงเซี่ยนเอ่ย “ซานซีผลิตสิ่งนี้”
“เจ้าไม่ต้องสนใจข้า” ไทฮองไทเฮาตบมือของเจียงเซี่ยนอย่างอารมณ์ดี และเอ่ยว่า “ในวังไม่มีอะไร? หากเจ้ามีหวงจิงที่หน้าตาดี ก็เก็บไว้ใช้เอง ยาดีล้วนทำได้เพียงเฝ้ารอและไม ม่สามารถบังคับได้”
“ที่หม่อมฉันมีมากมาย” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ มีสาวใช้เดินมาอย่างรวดเร็ว หลังจากย่อตัวคารวะก็รายงานว่า “ไทเฮาเสด็จมาแล้วเพคะ”
“เร็วขนาดนี้เชียว!” ไทฮองไทเฮาแปลกใจมาก และเงยหน้ามองท้องฟ้า พระอาทิตย์ยังไม่ถึงช่วงเวลาที่สูงที่สุด เฉาไทเฮามาเร็วไปหน่อยจริงๆ
เพียงแต่ไทฮองไทเฮาก็ไม่ได้เชิญเฉาไทเฮามารับประทานอาหารกลางวันจริงๆ จึงไม่ได้ใส่ใจมากเช่นกัน นางให้เจียงเซี่ยนรอในห้องย่อยของตำหนักข้างที่นางอาศัยอยู่ ส่วนนางนั่งลงบนเต ตียงอรหันต์ในห้องโถงกลางของห้องด้านนอก และเรียกเฉาไทเฮาเข้ามา
หลังจากเฉาไทเฮาเข้ามาก็คารวะไทฮองไทเฮาอย่างนอบน้อม และบอกว่าตอนบ่ายฮูหยินอันกั๋วกงจะมาเยี่ยมนาง
ความนัยที่แฝงในนั้นคือ รีบกินอาหารมื้อนี้ ตอนบ่ายนางยังมีธุระอีก
แม้แต่ความนัยที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอันผิวเผินก็ไม่อยากทำอย่างขอไปทีแล้ว
ไทฮองไทเฮาก็ไม่เกรงใจเช่นกัน จึงเอ่ยตรงๆ ว่า “ที่เรียกเจ้ามา เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะรับประทานอาหารด้วยกันเช่นกัน เพราะเป่าหนิงมีธุระ ข้าจึงเป็นคนกลางติดต่อให้นาง”
“เป่าหนิง?!” เฉาไทเฮาตกใจ แล้วความงุนงงก็ปรากฏขึ้นในดวงตา “เป่าหนิงเป็นอะไรไป?”
นางคิดว่า ต่อให้เจียงเซี่ยนเกิดข้อผิดพลาด ก็ไม่มาขอร้องต่อหน้านางอยู่ดี
ไทฮองไทเฮาเอ่ยว่า “เวลานี้นางอยู่ในตำหนักข้างของตำหนักไผ๋อวิ๋นของภูเขาวั่นโซ่ว ข้าจะให้นางออกมาคุยกับเจ้าโดยตรงแล้วกัน!”
อยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่ว!
ทว่านางกลับไม่ได้ยินข่าวแม้แต่นิดเดียว
หากมีคนพาคนบุกเข้ามาในภูเขาวั่นโซ่วเหมือนเจียงเจิ้นหยวนอีก นางจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
สีหน้าของเฉาไทเฮาโกรธจัดไปชั่วขณะ
ไทฮองไทเฮายังจะดูสีหน้าของนางอย่างนั้นหรือ ไทฮองไทเฮายังคงเรียกเจียงเซี่ยนออกมาเช่นเดิม และเอ่ยว่า “ไทเฮาก็ถือว่าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เด็กจนโตเช่นกัน ตอนนี้เจ้ามีเรื่อง อะไร ก็บอกไทเฮาตรงๆ นางไม่มีทางที่จะกลั่นแกล้งคนรุ่นหลังอย่างพวกเจ้า ส่วนข้า…จะออกไปเดินเล่นก่อน เดี๋ยวรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันแล้วกัน”
หลังจากเฉาไทเฮาเจอเจียงเซี่ยนก็รู้สึกตกใจ จนไทฮองไทเฮาออกไปข้างนอก ในสมองนางก็ยังงุนงง นางดื่มชาสองสามอึกอย่างยากลำบาก พอตั้งสติได้แล้ว ถึงถามเจียงเซี่ยนว่า “ทำไมเจ จ้าถึงกลับมาเมืองหลวง? ฝ่าบาททราบหรือไม่?”
“ฝ่าบาทไม่ทราบ!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ใส่ใจว่า “หม่อมฉันมาครั้งนี้ นอกจากเข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาแล้ว หลักๆ คือมาพบไทเฮา”
“พบข้า?” เฉาไทเฮาขมวดคิ้ว
ตั้งแต่หลี่เชียนแต่งงานกับเจียงเซี่ยน เรื่องของตระกูลหลี่ก็กลายเป็นหนามชิ้นหนึ่งในใจนาง
ตระกูลหลี่คิดจะทำอะไรกันแน่?
พวกเขาทรยศนางหรือเปล่า?
ตระกูลหลี่ล่อลวงเจียงเซี่ยน อยากผูกสัมพันธ์กับคนที่มีตำแหน่งสูงอย่างตระกูลเจียงและคิดหาทางอื่นหรืออยากสลัดไทเฮาที่สูญเสียอำนาจแล้วอย่างนางทิ้งและเลือกฝ่ายใหม่กันแ แน่?
คำถามเหล่านี้ทรมานนาง จนนางนอนไม่หลับทั้งวัน
ทว่าเวลานี้เจียงเซี่ยนกลับบอกว่ามาพบนาง…ตระกูลหลี่คิดจะทำอะไร? และตระกูลเจียงคิดจะทำอะไร?
“เจ้าพบข้าทำไม?” ในใจเฉาไทเฮาคลื่นโหมกระหน่ำซัดสาด แต่บนหน้ากลับสุขุมเยือกเย็น
เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หม่อมฉันอยากให้หลี่เชียนไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองบัญชาการหรือผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองที่ส่านซีเพคะ!”
เฉาไทเฮาประหลาดใจ
นี่เจียงเซี่ยน...มาหาตำแหน่งขุนนางให้หลี่เชียนหรือ?
แสดงว่าตอนนั้นเจียงเซี่ยนหนีตามหลี่เชียนไปจริงๆ
ช่างเป็นเด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีจริงๆ จนไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง!
เฉาไทเฮาอยากหัวเราะเล็กน้อย
นางถาม “เรื่องแบบนี้…เจ้าควรขอร้องลุงของเจ้าไม่ใช่หรือ?”
เจียงเซี่ยนได้ยินก็ย่นจมูก และเอ่ยเหมือนเด็กสาวที่อ่อนต่อโลกว่า “ท่านลุงบอกว่า ที่ส่านซีมีคนรู้จักไม่มาก ผู้บัญชาการกองบัญชาการส่านซีหรือผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองส ส่านซีนั้นขอค่อนข้างยาก เวลานี้ผู้บัญชาการกองบัญชาการส่านซีเป็นคนของหลี่เหยาเสนาบดีกรมกลาโหม ส่วนผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองนั้นสยงจวิ้นหรงเป็นคนแนะนำ ทั้งสองคนต่างเ เพิ่งจะรับตำแหน่ง ระยะเวลาที่หยุดพักสั้นมาก!”
อันที่จริงเป็นเพราะสองตำแหน่งนี้ต่างเป็นตำแหน่งระดับสาม เจียงเจิ้นหยวนอยากแลกหนึ่งในนั้น ก็ต้องเอาตำแหน่งขุนนางฝ่ายบู๊ระดับสามไปแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่ายตำแหน่งหนึ่ง ก่อนหน น้านี้เจียงเจิ้นหยวนสูญเสียตำแหน่งแม่ทัพเมืองเซวียนไปแล้ว เวลานี้กำลังสะสมกำลังทีละเล็กทีน้อยเตรียมไล่หม่าเซี่ยงหย่วนออกจากตำแหน่ง แล้วจะตัดใจเอาพวกตำแหน่งขุนนางฝ่ายบู๊ร ระดับสามที่ตนเองมีจำกัดไปแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่ายได้อย่างไร?
สายตาของเฉาไทเฮาลุ่มลึกเล็กน้อย และยิ้มเหมือนปลอบเด็กพลางเอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “เป่าหนิง เจ้าอายุยังน้อย ก่อนหน้านี้ก็อาศัยอยู่ในวังฉือหนิงตลอด เรื่องบางเรื่องเจ้าไม่ รู้ ลุงของเจ้าพูดถูก ตำแหน่งขุนนางฝ่ายบู๊ระดับสามนั้น ทั้งราชสำนักก็มีแค่ไม่กี่ตำแหน่งเช่นกัน ยากเกินไปแล้ว ข้าว่าเจ้าหาตำแหน่งผู้ช่วยหรือรองระดับสี่ให้หลี่เชียนก่อน นดีกว่า ต่อไปมีโอกาสแล้ว ค่อยๆ เลื่อนตำแหน่งอีกก็ไม่สายเช่นกัน”
“จะทำแบบนั้นได้อย่างไร!” เจียงเซี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น และเอ่ยว่า “ไม่ว่าอย่างไรหลี่เชียนก็เป็นพระญาติเช่นกัน หากเริ่มทำจากผู้ช่วยหรือรองระดับสี่ จะไม่ท ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะอย่างนั้นหรือ? หม่อมฉันไม่อยากให้เขาลำบากขนาดนั้น แถมยังต้องเริ่มอดทนจากระดับสี่ ไม่รู้ว่าจะจบสิ้นเมื่อไร!”