มู่หนานจือ - บทที่ 416 เชื่อหรือไม่
“ก็จริง!” เฉาไทเฮาเห็นด้วยมาก สายตาทอประกายเล็กน้อย และเอ่ยอย่างเข้าใจว่า “เริ่มทำจากผู้ช่วยหรือรองระดับสี่ หากให้คนนอกเห็น ยังคิดว่าพวกเราไม่ให้ความสำคัญกับหลี่เชียน เหมือนครั้งก่อน คนที่ชื่อเวินเผิงนั่น ก็เพราะคิดว่าเจ้าเป็นท่านหญิงที่แต่งงานไปอยู่ที่ไกลไม่ใช่หรือ ถึงได้กล้าวิจารณ์มั่วซั่วต่อหน้าเจ้า? แต่ความเกรงกลัวของลุงเจ้าก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลเช่นกัน ไม่อย่างนั้น…ให้ลุงของเจ้าลองปรึกษากับหลี่เหยาหรือวังจี่เต้า ดูว่าสามารถเปลี่ยนมือได้หรือไม่ เจียดตำแหน่งผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองหรือผู้บัญชาการกองบัญชาการส่านซีออกมา ให้ลุงของเจ้าช่วยจัดการหน่อย”
ความนัยที่แฝงในนั้นคือ ลุงของเจ้าไม่ยอมช่วยเจ้า เจ้าจึงมาหาข้า
เจียงเซี่ยนถอนหายใจ และเอ่ยว่า “หม่อมฉันเคยขอร้องท่านลุงแล้ว แต่ท่านลุงบอกว่า มีเพียงตำแหน่งแม่ทัพเมืองเซวียนที่สามารถแตะต้องได้ ทว่าทางนั้นเกิดสงครามบ่อย ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองหรือผู้บัญชาการกองบัญชาการส่านซีในตอนนี้ต่างก็รับผิดชอบไม่ไหว กลัวว่าถึงเวลานั้นจะถูกชนกลุ่มน้อยทางเหนือทำลายเมือง และทำให้เมืองหลวงเดือดร้อน หากเป็นเช่นนั้นจริง ความผิดที่หม่อมฉันทำจะไม่ถูกคนจดจำตลอดไปอย่างนั้นหรือ? ดังนั้นหม่อมฉันคิดไปคิดมา จึงจำเป็นต้องมาขอร้องไทเฮาเพคะ”
“ไม่ว่าอย่างไรตระกูลหลี่ก็เป็นคนของไทเฮา”
“หากหลี่เชียนได้ไปเป็นผู้บัญชาการที่ส่านซี ก็เป็นผลดีต่อไทเฮาเช่นกัน!”
“หม่อมฉันได้ยินว่า วังจี่เต้ากับสยงจวิ้นหรงต่อสู้กันอย่างมีความสุขมาก ฝ่าบาทหากไม่ฟังวังจี่เต้า ก็ฟังสยงจวิ้นหรง เวลานี้ขุนนางในราชสำนัก หากไม่ยืนอยู่ฝ่ายวังจี่เต้าก็ยืนอยู่ฝ่ายสยงจวิ้นหรง ต่อไปพวกเรามีอะไร ยังต้องไปขอร้องวังจี่เต้าหรือสยงจวิ้นหรงอย่างนั้นหรือ?”
นี่เป็นแบบฉบับของการยุแยงให้แตกคอกัน และปนความไร้เดียงสากับคิดว่าตนเองทำถูกต้องของเด็กสาวที่ไม่รู้เรื่อง
แต่คำพูดแบบนี้ กลับทำให้เฉาไทเฮาหัวเราะออกมา
เจียหนาน แม้จะแต่งงานแล้ว ทว่ายังคงนิสัยเหมือนเด็ก
เรื่องอะไรควรพูด เรื่องอะไรไม่ควรพูดต่างก็แยกไม่ชัดเจน
หากนางไม่ใช่หลานสาวของเจียงเจิ้นหยวน และเป็นลูกสะใภ้ให้นางจะดีแค่ไหนกัน!
เฉาไทเฮาเห็นแล้วก็ใจอ่อนเล็กน้อย น้ำเสียงที่พูดจึงเปลี่ยนเป็นสนิทสนมขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน “จะเป็นไปได้อย่างไร? สุดท้ายคนที่ตัดสินใจก็ยังเป็นฝ่าบาทไม่ใช่หรือ”
“แต่หากพวกเขาร่วมมือกันล่ะ?” เจียงเซี่ยนเบิกตาโตถามเฉาไทเฮา สายตาที่ใสแจ๋วเจือความงุนงงเล็กน้อย สีหน้าเหมือนเด็กมาก “ฝ่าบาทจะฟังแต่พวกเขาไม่ได้! หากวันไหนพวกเขาร่วมกันหลอกฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่ต้องฟังพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”
ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับที่หลี่เชียนจะไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการระดับสามที่ส่านซีล่ะ?
เฉาไทเฮายิ้มโดยไม่พูดอะไร นางรู้สึกว่าเจียงเซี่ยนเพียงแค่อยากหาตำแหน่งขุนนางให้สามีของตนเอง คำพูดที่สับสนวุ่นวายจึงปนกับเรื่องนี้ไปหมด
เจียงเซี่ยนเอ่ยต่อว่า “แต่หากหลี่เชียนไปส่านซี ก็สามารถประสานกับซานซีได้ แบบนี้…อิทธิพลของไทเฮาก็มากขึ้น เฉิงเอินกงจะทำอะไรก็ไม่จำเป็นต้องสนใจพวกผู้ตรวจการจากสำนักตรวจการแล้วเช่นกัน!”
ภายใต้อำนาจทางการทหารที่เด็ดขาด ความอัดอั้นตันใจและความไม่พอใจของพวกบัณฑิตก็เป็นเพียงความอัดอั้นตันใจและความไม่พอใจเท่านั้น
เฉาไทเฮารู้เหตุผลในนั้นเป็นอย่างดี
ถือว่าเจียงเซี่ยนพูดจายังมีสมองเล็กน้อย
เฉาไทเฮามองท่าทางของเจียงเซี่ยนในตอนนี้ พลางคิดถึงสิ่งที่เฉาเซวียนบอกนางในตอนนั้น หลี่เชียนหาโอกาสชิงตัวเจียงเซี่ยน เพราะไม่พอใจตระกูลหลี่ สุดท้ายนางจึงจำเป็นต้องบอกว่าเจียงเซี่ยนหนีตามหลี่เชียนไป เพื่อปกป้องตนเอง…
นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าแต่งไปซานซีแล้ว พออยู่ได้หรือไม่?”
หากตอนนั้นใช้กำลังจริง ตระกูลหลี่ไม่มีทางที่จะปล่อยเจียงเซี่ยนออกไปข้างนอก และเจียงเซี่ยนก็ไม่มีทางที่จะหาตำแหน่งขุนนางให้หลี่เชียนเช่นกัน!
เฉาไทเฮาสงสัยการตัดสินใจของตนเองเล็กน้อย
เจียงเซี่ยนรู้ว่าเฉาไทเฮาสงสัยแล้ว
นางจึงแสร้งทำเป็นลังเล นานมากถึงจะพยักหน้าทั้งที่หน้าแดง และเอ่ยเสียงเบาว่า “หม่อมฉันอยู่ซานซีสบายดีเพคะ!”
ความงุนงงฉายวาบผ่านไปในดวงตาของเฉาไทเฮาอย่างเบาบาง
ในความคิดของนาง หลี่เชียนนอกจากหน้าตาหล่อเหลาแล้ว ก็เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง
กระทั่งไม่ใช่แม้แต่ธรรมดาด้วยซ้ำ
หากเทียบกับชาติกำเนิดของเจียงเซี่ยน สามารถกล่าวได้ว่ายากจน
หลี่เชียนใช้ลูกไม้อะไรทำให้เจียงเซี่ยนยอม?
เฉาไทเฮาเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ดีก็คือดี ไม่ดีก็คือไม่ดี แม้ปกติข้าจะไม่สนิทกับเจ้า แต่ก็เป็นผู้ใหญ่ที่เห็นเจ้ามาตั้งแต่เด็กจนโตเช่นกัน เรื่องของลุงของเจ้ากับข้าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางที่จะพาลโกรธไปถึงคนรุ่นหลัง หากเจ้าใช้ชีวิตลำบาก ข้าก็ไม่มีทางที่จะเฝ้าดูอย่างนิ่งดูดาย”
เจียงเซี่ยนเงยหน้า สายตาที่มองเฉาไทเฮาฉายแววซาบซึ้งอย่างเบาบาง และเอ่ยว่า “หม่อมฉันอยู่ซานซีใช้ชีวิตสุขสบายมาก ไม่ได้หลอกไทเฮาเพคะ หม่อมฉันกับหลี่เชียน...ก่อนหน้านี้ก็รู้จัก…” นางพูดอยู่ก็หน้าแดง เหมือนตื่นเต้นจนควบคุมตนเองไม่ค่อยได้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นมีความสุขขึ้นมาในทันใดเช่นกัน “ตอนนั้น…ตอนนั้นหม่อมฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน…จ้าวเซี่ยวรับปากหม่อมฉันว่า หลังจากแต่งงานจะยังอาศัยอยู่ที่เมืองหลวงเช่นเดิม…แต่เขากลับบอกว่าจะแต่งงานกับหม่อมฉันเท่านั้น…ตอนที่ท่านพี่อาลวี่กับท่านพี่อาจ้านตามไป เขาก็ไม่ปล่อยคน แถมยังทะเลาะวิวาทกับท่านพี่อาลวี่และท่านพี่อาจ้าน…บอกว่าอย่างไรก็จะให้หม่อมฉันตามเขาไปซานซี…หม่อมฉัน…หม่อมฉันจึงตามเขาไป…”
เฉาไทเฮาประหลาดใจมาก
นางมองเจียงเซี่ยนอย่างตกใจ
สีหน้าเปิดเผยออกมา จนไม่สามารถปิดบังได้
นางคิดไม่ถึงว่า หลี่เชียนลักพาตัวคนไปแล้ว ยังสามารถคิดหาทางหลอกคนจนเชื่อว่าเขาชอบเจียงเซี่ยนได้ และเจียงเซี่ยนก็เชื่อจริงๆ!
เฉาไทเฮาอดไม่ได้ที่จะให้ความสำคัญกับหลี่เชียน
สามารถหลอกสตรีชนชั้นสูงให้ทำงานให้เขาได้ นั่นก็เป็นความสามารถเช่นกัน!
ทว่าเจียงเซี่ยนบอกว่า ก่อนหน้านี้นางก็รู้จักหลี่เชียน
หรือว่าก่อนหน้านี้นางก็หวั่นไหวกับหลี่เชียนแล้ว แต่เพราะฐานะ จึงไม่เคยกล้าคิดที่จะแต่งงานกับหลี่เชียนอย่างนั้นหรือ?
เช่นนั้นนางก็โชคดีที่ได้ผลลัพธ์น่าพอใจไม่ใช่หรือ
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ เฉาไทเฮาก็แทบจะหัวเราะออกมา
ตระกูลหลี่…สมกับเป็นตระกูลที่นางเลือก
แสนทะเยอทะยาน และเล่ห์เหลี่ยมมากมาย
นี่ถึงจะเป็นหน้าตาดั้งเดิมของคนทะเยอทะยาน!
เฉาไทเฮาพอใจกับสิ่งที่หลี่เชียนทำมาก
นางหยอกเจียงเซี่ยนเล่นว่า “จะบอกว่าหล่อเหลา จ้าวเซี่ยวกับเติ้งเฉิงลู่ กระทั่งจินเซียว มีคนไหนด้อยกว่าหลี่เชียน? แถมฐานะครอบครัวดีกว่าหลี่เชียนมาก หากเจ้าแต่งไปแล้ว ก็ไม่ต้องออกหน้าและคิดหนักเรื่องของเขาเหมือนอย่างวันนี้…”
แต่เจียงเซี่ยนกลับโล่งอก
เผชิญหน้ากับเฉาไทเฮา นางรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยตลอด
นางหน้าแดงและก้มหน้าลงเหมือนเด็กสาวที่สาวและสวยทุกคน แล้วพึมพำว่า “หลี่เชียน ไม่เหมือนกับคนอื่น เขา…รู้เรื่องมากมาย และชอบยิ้มมาก แถมยังต้องเป็นหม่อมฉัน…”
เฉาไทเฮาอึ้งไป และเชื่อคำพูดของเจียงเซี่ยนแล้ว
คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ ทว่านางกลับรู้
ในวังเงียบเหงามาก เหมือนดอกไม้ที่ไร้ฤดู ตอนที่เบ่งบานก็มีแนวโน้มที่จะเหี่ยวเฉาแล้วเช่นกัน
บางครั้งพวกเขาโปรดปรานนางในหรือขันทีคนไหน ก็เพียงแค่เพราะเขามีใบหน้าหรือเสียงที่มีความสุข
สิ่งที่เจียงเซี่ยนถูกใจ ก็เพียงแค่รอยยิ้มที่สดใสเหมือนแสงแดดของหลี่เชียนกับที่ปั้นเรื่องขึ้นมาว่า ‘ต้องเป็นเจ้า’ เท่านั้น
เฉาไทเฮาลอบถอนหายใจในใจ
ใจของนางอ่อนลงตามไปด้วยอีกเล็กน้อย สีหน้าก็อ่อนลงตามไปด้วยเช่นกัน
เวลานี้เจียงเซี่ยนถึงจะวางใจจริงๆ
ตั้งแต่หลี่เชียนได้รับพระราชทานงานสมรส ความร้าวฉานระหว่างตระกูลหลี่กับเฉาไทเฮาก็ฝังลงอย่างเงียบๆ แล้ว ครั้งนี้นางมาขอร้องต่อหน้าเฉาไทเฮา นอกจากเพราะตำแหน่งขุนนางใหญ่ระดับสามที่ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งขุนนางฝ่ายบุ๋นหรือตำแหน่งขุนนางฝ่ายบู๊ต่างก็หาค่อนข้างยากแล้ว เจียงเจิ้นหยวนออกหน้าอาจจะทำให้จ้าวอี้ไม่พอใจ จนไม่เพียงแต่หาตำแหน่งที่สำคัญในส่านซีมาให้หลี่เชียนไม่ได้ ยังอาจจะทำให้จ้าวอี้หาข้ออ้างได้ และทำให้ตระกูลเจียงกับเจียงเจิ้นหยวนเดือดร้อน ยังมีอีกจุดประสงค์หนึ่ง ก็คือซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างเฉาไทเฮากับตระกูลหลี่ในตอนนี้สักหน่อย
———————————–