มู่หนานจือ - บทที่ 418 มีความสุขกับความทุกข์ของคนอื่น
เสี่ยวโต้วจึทำแบบนี้ในความคิดของเขาถูกต้องมาก แต่ในความคิดของจ้าวอี้กลับไม่พอใจมาก
เมื่อก่อนตอนที่เขาไม่ได้ว่าราชการด้วยตนเอง เสี่ยวโต้วจึอยู่รอบกายเขาและคอยถามไถ่ ทำให้เขารู้สึกว่าอบอุ่นมากและรู้ใจมากที่สุด ทว่าเวลานี้…ตอนที่ควรก้าวมาข้างหน้าไม่ก้ าวมาข้างหน้า ตอนที่ควรถอยหลังไม่ถอยหลัง ต่างจากซุนเต๋อกงที่รู้ว่าควรเดินหน้าหรือถอยหลังตอนไหนมาก ให้เป็นหัวหน้าขันทีที่วังเฉียนชิงยังได้ หากให้อยู่ซือหลี่เจียนก็ไ ไม่ได้แล้ว
นี่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะพึ่งพาซุนเต๋อกงมากขึ้นเรื่อยๆ
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
เขาส่งเสี่ยวโต้วจึไปเฝ้าประตู และเรียกซุนเต๋อกงมาตรงหน้า แล้วถามอีกฝ่ายเสียงเบาว่า “เจ้ารู้ว่าไทเฮาเขียนสาส์นให้ข้าทำไมหรือไม่?”
ต้องเป็นเรื่องที่มีอะไรทำให้ฮ่องเต้ดีใจอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่ตื่นเต้นขนาดนี้เช่นกัน
แต่ซุนเต๋อกงใช้ความคิดอย่างหนักมากแล้วก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่ามีเรื่องอะไรคู่ควรให้ฮ่องเต้ดีใจขนาดนี้
คนสกุลฟางถูกขังอยู่ที่ตำหนักอี๋อวิ๋นตลอด เขารู้
ลูกชายคนโตของฮ่องเต้อยู่ภายใต้การดูแลของไทเฮา เวลานี้หน้าตาขาวนวลน่ารัก ตอนที่เขาไปส่งของให้ไทเฮาแทนฮ่องเต้โชคดีได้เจอ ก็รู้เช่นกัน
ทว่านี่ล้วนไม่สามารถเป็นสาเหตุที่ฮ่องเต้ดีใจได้
เพราะสองสามเดือนนี้ฮ่องเต้อยู่กับนางในที่อายุสามสิบกว่าปีที่เฝ้าเอกสารสำคัญของท้องพระคลังตลอด
แถมยังไม่คิดจะให้ขันทีจากฝ่ายขันทีรู้…ถึงแม้ขันทีจากฝ่ายขันทีจะรู้ตั้งนานแล้ว แต่ในวังไม่มีคนควบคุมวังทั้งหก ฮ่องเต้ไม่ให้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน พวกเขาก็ไม่กล้าบันทึ กไว้เป็นหลักฐานเช่นกัน
ซุนเต๋อกงรู้สึกว่า ฮ่องเต้ชอบอยู่กับพวกผู้หญิงที่อายุมากและมาจากตระกูลที่ฐานะต่ำต้อยมาก ทว่าก็กลัวว่าหลังจากชื่อเสียงแบบนี้แพร่งพรายออกไปจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเ เขา จึงมักจะไม่ยอมรับ กระทั่งหลับนอนกับนางในที่เพิ่งจะอายุสิบห้าสิบหกปี หน้าตาเหมือนดอกไม้ และทำความสะอาดห้องทรงอักษร เพื่อปิดบังเรื่องแบบนี้
แต่นางในคนนี้เขากลับให้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ทว่าก็หลับนอนเพียงแค่ครั้งเดียวเช่นกัน
หลังจากนั้นเขาก็ลืมนางไปจนหมดสิ้น และไม่สนใจอีกเลย
เด็กสาวคนนั้นก็เป็นคนโง่เช่นกัน นางยังหวังทุกวันว่าฮ่องเต้จะมองนางอีกครั้ง และแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ของพวกสาวใช้ที่ถูกเลือกเข้าวังให้นาง!
ซุนเต๋อกงถอนหายใจอยู่ในใจ แต่กลับไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้าแม้แต่นิดเดียว แล้วเอ่ยอย่างนอบน้อมและจริงจังว่า “กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ!”
จ้าวอี้เหมือนอดไม่ได้ที่จะแบ่งปันกับคนอื่น ซุนเต๋อกงยังไม่ทันเอ่ยจบ เขาก็กดคอลงและเอ่ยแล้วว่า “ไทเฮา อยากให้ข้าแต่งตั้งสามีของเจียหนานเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการหรือ อผู้บัญชาการกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี”
นี่เป็นการขอตำแหน่งขุนนางอย่างเปิดเผย!
เรื่องแบบนี้ทั้งราชสำนักยังน้อยหรือ?
แม้แต่เขา…ก็คิดหาทางหาพวกตำแหน่งขุนนางให้คนอื่นจากฮ่องเต้เหมือนกันไม่ใช่หรือ!
เขาเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “เช่นนั้นฝ่าบาททรงคิดว่า…”
“ดังนั้นข้าถึงปรึกษาเจ้าอย่างไรล่ะ!” ตอนที่จ้าวอี้เอ่ยเรื่องนี้ เขาแสดงออกอย่างใจแคบเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ข้าคิดว่า…เจียหนานอยู่ดีๆ กลับถูกไทเฮาแต่งงานไปอยู่ไกลถึงซาน นซี แถมยังเป็นตระกูลหลี่ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเจียง และนางก็เป็นคนเย่อหยิ่งจองหอง ตอนที่อยู่ในวังก้มศีรษะให้แต่ข้า คนอื่นไม่สนใจด้วยซ้ำ นางตกลงมาอยู่ในจุดจบ บอย่างเช่นเวลานี้ ต้องรู้สึกเกลียดเสด็จแม่มากอย่างแน่นอน”
“แต่ข้าคิดว่า…ให้นางได้รับบทเรียนสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
“ข้าไม่อยากให้คนๆ นั้นเป็นผู้บัญชาการของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีหรือกองบัญชาการส่านซี”
“แต่ข้าก็คิดว่า…ข้าควรย้ายสามีของเจียหนานไปส่านซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรย้ายไปที่กองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี”
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของส่านซีพิเศษ พื้นที่ใหญ่คนน้อยมาก กองบัญชาการเล็กๆ แห่งหนึ่งคุมไม่ไหวอย่างสิ้นเชิง จึงตั้งกองบัญชาการ เพื่อควบคุมพวกเมืองที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ ตามชายแดน หลังจากนั้นเพราะกองบัญชาการงานยุ่งอีก งานมากมายดูแลไม่ทั่วถึง ในสมัยอิงจง จึงตั้งกองบัญชาการกำลังสำรองอีก เพื่อช่วยดูแลพวกเรื่องจุกจิกให้กองบัญชาการ ตอนหลังกองบัญ ญชาการกำลังสำรองก็ค่อยๆ กลายเป็นชะเอมแล้ว ที่ไหนมีเรื่องก็สั่งไปที่นั่น ตอนฮ่องเต้องค์ก่อนยังเคยให้คนของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีไปช่วยต่อต้านชนกลุ่มน้อยทางเหนือที่ด่าน เจียอวี้ของกานซู่ด้วย
ซุนเต๋อกงยังคงไม่เข้าใจความคิดอันแปลกประหลาดของจ้าวอี้
เพราะความพิเศษของที่ตั้ง หัวหน้าของกองบัญชาการกับกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีจึงเป็นผู้บัญชาการระดับสอง
ผู้บัญชาการเป็นระดับสาม
ในหมู่แม่ทัพนี่ก็เป็นตำแหน่งที่จัดลำดับได้เช่นกัน
หรือว่าฮ่องเต้อยากให้หลี่เชียนไปเป็นผู้บัญชาการของกองบัญชาการกำลังสำรองอย่างนั้นหรือ?
ทว่าฮ่องเต้แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเกลียดหลี่เชียนมาก
แม้แต่ชื่อของหลี่เชียนก็ไม่ยอมเอ่ยถึงด้วยซ้ำ
เขาจึงมองจ้าวอี้อย่างงุนงง และปล่อยให้อีกฝ่ายแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่
จ้าวอี้ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ โดยกระโดดขึ้นมาทันที และเอ่ยว่า “เจ้าโง่! เวลานี้ชายแดนอันตรายแค่ไหน พวกแม่ทัพของเมืองชายแดนทางเหนือที่สำคัญทั้งเก้าแห่งแต่ละคนพยายาม หาช่องทางประจบผู้มีอำนาจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองอย่างสุดกำลังและมาที่เมืองหลวง หากคนๆ นั้นเป็นผู้บัญชาการของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี ถ้าชนกลุ่มน้อยทางเหนือรุกราน เขา าต้องพาทหารไปสนับสนุนและช่วยเหลือเมืองชายแดนทางเหนือที่สำคัญทั้งเก้าแห่ง และลงสนามรบอย่างแน่นอน!” จ้าวอี้พูดไปก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอีก จนหน้าแดงก่ำ และเอ่ยอย่างดีใจ สุดขีดว่า “อาวุธไม่มีตา เจ้าว่า…หากเขาลงสนามรบ แล้วตายในสนามรบ เจียหนานไม่สามารถแต่งงานได้อีกแล้วอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นข้าออกหน้ารับเจียหนานกลับมาอยู่ในวังอีกครั้ง ง เช่นนั้นก็สมเหตุสมผลไม่ใช่หรือ” เขามองซุนเต๋อกงด้วยนัยน์ตาสดใส และเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าความคิดของข้าเป็นอย่างไร?”
ซุนเต๋อกงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีจริงๆ
เขาไม่เชื่อว่าฮ่องเต้สนิทสนมกับพี่น้องมาก
เขาอยากลองถามฮ่องเต้มากว่า ต่อให้ท่านหญิงเจียหนานกลายเป็นแม่ม่าย และท่านรับท่านหญิงเจียหนานกลับมา ท่านยังคิดจะหลับนอนกับท่านหญิงเจียหนานอีกอย่างนั้นหรือ?
คนที่ฮ่องเต้ชอบ…ล้วนเป็นผู้หญิงที่เหมือนพวกหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว
เช่นนั้นฮ่องเต้รู้สึกอย่างไรกับท่านหญิงเจียหนานกันแน่?
ซุนเต๋อกงรู้สึกว่าตนเองยังไม่เข้าใจฮ่องเต้พอ
จ้าวอี้เห็นซุนเต๋อกงไม่พูดอะไร ก็ไม่พอใจทันที และเอ่ยว่า “ซุนเต๋อกง เจ้าก็คิดว่าข้าทำไม่ถูกเหมือนกันหรือ? เจียหนานควรเป็นฮองเฮาของข้าถึงจะถูก หากไม่ใช่เพราะไทเฮากับ บไทฮองไทเฮา นางจะแต่งงานไปอยู่ไกลถึงซานซีได้อย่างไร? ข้าสงสารที่นางลำบาก รับนางกลับเมืองหลวงและจัดหาที่พักให้ ยังผิดอีกอย่างนั้นหรือ?”
“กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาททำถูกมากพ่ะย่ะค่ะ” พอซุนเต๋อกงเห็นสถานการณ์ผิดปกติ ก็รีบเอ่ยว่า “กระหม่อมคิดว่าแผนการของฝ่าบาทดีที่สุดแล้ว คนๆ นั้นอายุยังน้อย และมาจากตระกูลเ เสเพล เพียงแค่โชคดี ถึงมีตำแหน่งอย่างวันนี้ ฝ่าบาทให้เขาเป็นผู้บัญชาการ นี่ก็เหมือนเด็กถือกระบองฟันหมาป่า ถือไม่ไหวอย่างสิ้นเชิง ไม่ทุบเท้าของตนเองก็ดีแล้ว บวกกับพวกขุ นนางฝ่ายบู๊ล้วนเป็นพวกหยาบคาย ไม่แบ่งความสูงต่ำของฐานะ ทุกคนต่างรู้ว่าเขาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากฝ่าบาทถึงได้เป็นผู้บัญชาการ จะเชื่อฟังเขาได้อย่างไร! ถึงเวลานั้นสั่งแม้แ แต่ทหารภายใต้บังคับบัญชาของตนเองไม่ได้ นั่นถึงจะเป็นเรื่องตลกอย่างแท้จริง!”
“เพราะเหตุผลนี้แหละ” จ้าวอี้ดีใจมากเหมือนเจอเพื่อนรู้ใจ และรู้สึกว่าการตัดสินใจของตนเองถูกต้องที่สุดแล้ว “เจ้าไปเรียกคนที่เข้าเวรของกองพิธีการมาเดี๋ยวนี้ ข้าจะร่างราชโอง งการ”
ได้ยินข่าวที่ไม่แน่ชัดเพียงนิดเดียวก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
เหมือนรอต่อไปไม่ไหวแม้แต่เค่อเดียว
ซุนเต๋อกงรีบเอ่ยว่า “ต้องบอกทางกรมขุนนางสักหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ขุนนางเลื่อนตำแหน่งแบบนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นงานของกรมขุนนาง
จ้าวอี้โกรธมาก และเอ่ยว่า “ข้าเลื่อนตำแหน่งขุนนางคนหนึ่งก็ต้องให้กรมขุนนางเห็นชอบหรือ?”
ซุนเต๋อกงรีบเอ่ยว่า “ไม่ต้อง ไม่ต้อง! กระหม่อมจะไปเรียกคนของกองพิธีการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของจ้าวอี้คลายความโกรธลงเล็กน้อย
พลางคิดว่าหากเจียงเซี่ยนอยู่ในวังก็ดี
เมื่อก่อนนางมักจะอยู่เป็นเพื่อนเขาอย่างเงียบๆ และอ่อนโยน
ตอนหลังนางค่อยๆ เอาแต่ใจมากขึ้น นั่นก็เป็นเพราะเขามักจะทำให้นางไม่พอใจเช่นกัน
นางปฏิบัติกับเขา ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ใช่ขุนนางกับฮ่องเต้ ทว่าเป็นผู้หญิงกับผู้ชาย
จ้าวอี้คิดว่า มีแต่นิสัยและชาติกำเนิดของเจียงเซี่ยนที่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นฮองเฮาของเขา
ผู้หญิงคนอื่นก็เพียงแค่ใช้แก้เบื่อ