มู่หนานจือ - บทที่ 419 เลือก
ภายใต้การแทรกแซงของจ้าวอี้ การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งของหลี่เชียนถูกยืนยันอย่างง่ายดายและบุ่มบ่าม
เพื่อปลอบใจกำลังคนของตนเอง วังจี่เต้ากับสยงจวิ้นหรงต่างยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้
ก่อนที่หนังสือราชการจะส่งออกไป จ้าวอี้เรียกซย่าเจ๋อผู้ว่าราชการมณฑลส่านซีเข้าเฝ้าด่วน
“สามีของท่านหญิงเจียหนาน ข้าไม่ได้ให้บรรดาศักดิ์แก่เขาด้วยซ้ำ” จ้าวอี้ครุ่นคิดสิ่งที่ตนเองเองจะพูด กลัวว่าตนเองจะพูดชัดเจนเกินไป แล้วก็กล ลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ “ไม่ใช่เพราะข้าไม่เคารพท่านหญิงเจียหนาน ตรงกันข้าม ท่านหญิงเจียหนานเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของข้า พวกเราเติบโตในวัง งด้วยกัน สนิทกันกว่าใครทั้งนั้น แต่สามีของท่านหญิงเจียหนานคนนี้น่ะ…จะว่าอย่างไรดีล่ะ…เป็นคนที่เสด็จแม่เลือกให้ท่านหญิงเจียหนานด้วย ตนเอง เวลานี้ท่านหญิงเจียหนานตามเขาไปลงหลักปักฐานที่ซานซีแล้ว อย่างไรคนที่เป็นพี่ชายอย่างข้าก็ไม่อาจให้เจียหนานอยู่ที่ซานซีไปตลอดชีวิตไ ได้กระมัง? ดังนั้นข้าจึงคิดจะให้สามีของท่านหญิงเจียหนานไปส่านซี ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี ครั้งนี้ที่เรียกเจ้ามา ก็ เพื่อฝากฝังคนกับเจ้า เจ้าน่ะ…ต้องเห็นเขาเป็นเหมือนลูกหลานของตนเอง เขายังอายุไม่ถึงยี่สิบปี เวลาทำงานก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีที่ที่ไม่รอบคอบ บ เจ้าต้องให้อภัย และให้โอกาสเขาฝึกฝนมากหน่อย ทำให้เขาสามารถรับภารกิจคนเดียวได้เร็วหน่อยถึงจะถูก เวลามีสงคราม ก็ส่งเขาไปควบคุมและชี้นำมาก กๆ คนอื่นจะได้ไม่พูดว่าเขาได้เป็นผู้บัญชาการเพราะข้า”
ซย่าเจ๋อได้ยินแล้วก็คุกเข่าลงทันที และตอบด้วยเสียงนอบน้อมว่า “ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ กระหม่อมจะดูแลสามีของท่านหญิงเจียหนานอย่างดีอย่าง แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ทว่าในใจของเขากลับกำลังคำราม
ในเมื่ออยากเลื่อนตำแหน่งให้น้องเขยของตนเอง เช่นนั้นก็ส่งเขาไปที่ค่ายทหารภูเขาตะวันตกสิ! หัวหน้าของค่ายทหารภูเขาตะวันตกก็เป็นผู้บัญชาการเหมื อนกัน แถมยังเป็นระดับหนึ่ง! และไม่ต้องทำสงครามด้วย! ท่านย้ายน้องเขยของท่านไปที่ส่านซีจะเกิดอะไรขึ้น? หวังเฉิงผู้บัญชาการของกองบัญชาการส่าน ซีเป็นคนโง่แล้ว ตอนนี้ส่งไปอีกคน ท่านยังจะให้ขุนนางของส่านซีอย่างพวกเขาอยู่รอดหรือไม่? ท่านยังจะให้วงการราชการส่านซีดำเนินไปตามปกติหรือไม่ ?
เวลานี้ยังให้เขาคิดหาทางพาสามีของท่านหญิงเจียหนานเข้ากองทัพ จะให้เขาไม่สนใจชีวิตของพวกแม่ทัพกับทหาร และรองเท้าให้น้องเขยของท่านอย่างนั นหรือ?
นี่เป็นสิ่งที่คนทำหรือ?
แต่ต่อให้เขาไม่ทำ ก็ย่อมจะมีคนทำอยู่ดีกระมัง?
แถมยังทำเองด้วย
ก็เหมือนหลายวันก่อน นักเรียนที่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่อันซีคนหนึ่งของวังจี่เต้าทำผิด วังจี่เต้าเขียนจดหมายให้ผู้ว่าราชการมณฑลหมิ่นเจ้อ[ 1] ให้เขาช่วยเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก และเปลี่ยนเรื่องเล็กให้เป็นไม่มีอะไร ผู้ว่าราชการมณฑลหมิ่นเจ้อไม่ยอมช่วยเพราะเคยถูกนักเรียน นคนนี้ของวังจี่เต้าเมินเฉย วังจี่เต้าจึงฉวยโอกาสย้ายผู้ว่าราชการมณฑลหมิ่นเจ้อไปเป็นผู้ว่าราชการมณฑลที่อวิ๋นกุ้ย และย้ายนักเรียนอีกคนหนึ่ง ของตนเองไปเป็นผู้ว่าราชการมณฑลที่หมิ่นเจ้อ เรื่องของนักเรียนเขาก็ถูกปล่อยทิ้งไปแล้วเช่นกัน
ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ตอนนี้วังจี่เต้ากับสยงจวิ้นหรงต่างเล่นวิธีลอบกัดฆ่าคน
สภาพสังคมไม่เหมือนเดิมแล้ว!
เขาหวังเพียงว่าตนเองจะสามารถทำงานในตำแหน่งผู้ว่าราชการมณฑลส่านซีได้ครบสามปีอย่างปลอดภัย แล้วคิดหาทางย้ายไปดำรงตำแหน่งรองเสนาบดีในเมืองหลวง ง จนกระทั่งลาออกและเกษียณอย่างปลอดภัย ก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
ซย่าเจ๋อออกมาจากห้องทรงอักษร ทว่าพอเงยหน้ากลับเจอซุนเต๋อกงยืนอยู่ข้างๆ
นี่คือคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้
เขายิ้มพลางเข้าไปหา และทักทายซุนเต๋อกงเสียงเบาเล็กน้อย แล้วยัดอั่งเปาที่ใหญ่มากให้ซุนเต๋อกง
ชื่อเสียงในแวดวงปัญญาชนของซุนเต๋อกงไม่เลวทีเดียว
หลักๆ คือเขารับเงินเท่าไร ก็ทำงานเท่านั้น วิธีเก็บเงินมาตรฐาน ค้าขายเป็นธรรม ทุกคนให้เขาทำงาน ก็สบายใจ!
ซย่าเจ๋อไม่มีธุระอะไรกับเขา แต่ให้อั่งเปาแก่เขา ก็เพียงแค่คิดว่า ‘ยอมขาดทุนดีกว่าล่วงเกิน’ เท่านั้น
ทว่าซุนเต๋อกงกลับเข้าใจผิดแล้ว
เขาคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ฝ่าบาทเรียกเจ้าไป…คุยเรื่องของหลี่เชียนของท่านหญิงเจียหนานกับเจ้าหรือ?”
ไม่ใช่ว่าแต่งงานกับองค์หญิงหรือท่านหญิงแล้วเจ้าก็เป็นสามีของท่านหญิง
นี่เป็นบรรดาศักดิ์ ต้องลงบันทึกที่กรมพิธีการ
แม้หลี่เชียนจะแต่งงานกับเจียหนานแล้ว แต่กลับไม่ได้รับบรรดาศักดิ์นี้
ดีที่หลี่เชียนไม่ใส่ใจ ส่วนเจียงเซี่ยนก็ไม่เห็นบรรดาศักดิ์นี้อยู่ในสายตา จึงไม่มีคนเอ่ยถึงแล้วอย่างค่อนข้างแปลกประหลาดเช่นกัน
ซย่าเจ๋อรีบขานว่า “ขอรับ”
ซุนเต๋อกงคลำอั่งเปาที่หนามากในแขนเสื้อ แล้วพึมพำว่า “ใต้เท้าซย่า ฝ่าบาทอยากให้ท่านหญิงเจียหนานกลับเมืองหลวง”
ส่วนเรื่องอื่น…ก็ขึ้นอยู่กับว่าซย่าเจ๋อมีความสามารถที่จะเข้าใจหรือไม่แล้ว
อย่างไรเขาก็ไม่สามารถพูดทุกเรื่องอย่างชัดเจนมากได้ ถึงเวลานั้นตอนที่ทั้งสองคนแตกหักกัน จะถูกคนเห็นเป็นจุดอ่อนและเปิดโปงออกมากระมัง?
หมายความว่าอย่างไร?
ซย่าเจ๋อก็ยังไม่เข้าใจจริงๆ
ทว่าเวลานี้ที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่และจังหวะที่จะคุยกัน เขาจึงจำเป็นต้องคาดเดาคำพูดนี้และออกจากวัง
——————————————————
ในตรอกที่คับแคบและลับตาคนที่ซับซ้อนเล็กน้อยทางทิศตะวันตกของเมือง คังเสียงอวิ๋นกำลังดื่มเหล้ากับเจิ้งเจียนเพื่อนสนิทของเขา
นี่เป็นครั้งที่สามที่พวกเขารวมตัวดื่มเหล้าด้วยกันในช่วงสองสามวันนี้แล้ว
บนโต๊ะวางเพียงเมล็ดถั่วลิสงจานเล็ก เต้าหู้เก่าสองสามชิ้น แต่เหล้ากลับเป็นเหล้าจากเฝินหยางชั้นดี
ทั้งสองคนจิบคำเล็กๆ เหมือนกำลังดื่มเหล้าดีอย่างเพลิดเพลินมาก
คังเสียงอวิ๋นเอ่ยว่า “พวกเราจะตามท่านหญิงเจียหนานไปเป็นอาจารย์ที่สอนตามบ้านแบบนี้จริงๆ หรือ?”
เจิ้งเจียนจิบเหล้าคำหนึ่งอย่างระมัดระวัง แล้วถึงเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าทำได้”
เขาเป็นผู้ชายอายุสี่สิบกว่าปี รูปร่างเตี้ย ผิวคล้ำเล็กน้อย ทว่าอ้วนและแข็งแรง ดูเหมือนคหบดีในชนบทมากกว่าบัณฑิต แต่พอเขาพูดจาขึ้นมากลับเป ป็นระเบียบและชัดเจน แค่ได้ยินก็รู้ว่าไม่เหมือนของธรรมดา
“เจ้าลองคิดดู ทำไมจู่ๆ ท่านหญิงเจียหนานถึงมาเมืองหลวง? แถมยังปิดข่าวและแอบพักอยู่นอกเมือง จะมีเรื่องอะไรจำเป็นต้องให้ท่านหญิงที่เพิ่งออกเรือน นมาเมืองหลวง?” เขาเอ่ยพลางจิบเหล้าอีกคำ “ข้าเดาว่า…เป็นไปได้มากว่าท่านหญิงเจียหนานมาทำงานให้ตระกูลหลี่ เวลานี้ตระกูลหลี่เพิ่งจะเป็นแ แม่ทัพซานซี จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านหญิงเจียหนานมาเมืองหลวงด้วยตนเองได้? หากไม่ใช่เพื่อหาตำแหน่งขุนนางให้หลี่เชียน ก็มาเตรียมพวกคนที่ สามารถช่วยตระกูลหลี่ได้ที่เมืองหลวง”
เสียดายที่เจียงเซี่ยนไม่อยู่ตรงนี้
หากเจียงเซี่ยนอยู่ตรงนี้ นางจะต้องสนใจเจิ้งเจียนมากขึ้นอีกนิดอย่างแน่นอน
คังเสียงอวิ๋นเชื่อถือเจิ้งเจียนมากมาโดยตลอด จึงย่อมจะไม่แสดงความสงสัยต่อการคาดเดาที่ใจกล้าของเขา และเอ่ยว่า “ตระกูลหลี่จะรีบเกินไปหน่อย หรือเปล่า?”
“ไม่รีบ!” เจิ้งเจียนเอ่ยอย่างมีแผนการอยู่ในใจก่อนแล้วว่า “ข้าเคยศึกษาเส้นทางการเลื่อนตำแหน่งของตระกูลหลี่อย่างละเอียด สองสามปีก่อนล้วนปกต ติมาก แต่สองปีนี้ตระกูลหลี่พึ่งพาเฉาไทเฮา ก้าวหน้าได้ไม่ใช่เร็วธรรมดา ตอนนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไร ฝ่ายหนึ่งคือเฉาไทเฮาที่กำลังอ่อนแอ อีกฝ ฝ่ายคือจวนเจิ้นกั๋วกงกับฝ่าบาทที่กองทัพพร้อมไปด้วยความสามารถในการสู้รบ แต่ตระกูลหลี่กลับฝืนเลือกเฉาไทเฮา หลังจากนั้นตระกูลหลี่ก็ไม่รู้ว ว่าใช้ลูกไม้อะไรแต่งงานกับท่านหญิงเจียหนานอีก เจ้าคิดว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ?”
หน้าตาของคังเสียงอวิ๋นขยับ และเอ่ยว่า “เจ้าหมายความว่า…ตระกูลหลี่จงใจทำหรือ?”
“จงใจหรือไม่ไม่รู้” เจิ้งเจียนเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ตนเองทุ่มเทอย่างสุดกำลังแล้ว ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ยังขึ้นอยู่กับโชคชะตาอยู่ดี แต่อย่าง น้อยก็มองออกได้ว่า ตระกูลหลี่ทะเยอทะยานมาก อยากเป็นขุนนางที่กุมอำนาจ”
สีหน้าของคังเสียงอวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“แต่อันตรายก็หมายถึงโอกาสเช่นกัน” เจิ้งเจียนเอ่ยต่อว่า “พวกเราไปทางใต้ไม่ได้แล้ว แทนที่จะใช้ชีวิตไปวันๆ อยู่ที่เมืองหลวงต่อไป การไปซานซีกลับ บเป็นทางเลือกที่ดีมาก...ตระกูลหลี่มีปณิธาน พวกเราถึงจะมีที่ยืนได้!”
สิ่งที่พวกเขามีคือทักษะในการปกครองแคว้น มีแต่คนทะเยอทะยานที่ใช้กำลังทหารครอบครองพื้นที่หนึ่งและเป็นศัตรูกับอำนาจทางการเมืองของส่วนกลางเท่า านั้นที่จะใช้ความสามารถของพวกเขาได้
————————————–
[1] หมิ่นเจ้อ ชื่อย่อของมณฑลฝูเจี้ยนกับมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นพื้นที่ทางภาคตะวันออกของจีน