มู่หนานจือ - บทที่ 421 สมปรารถนา
หลี่จี้ยิ้มพลางทำท่าทางส่งแขก และเอ่ยกับคังเสียงอวิ๋นว่า “เชิญ” โดยไม่แนะนำผู้ชายคนนั้น
คังเสียงอวิ๋นก็ไม่อาจจ้องจะถามได้เช่นกัน จึงยิ้มพลางคุยกับหลี่จี้เล็กน้อย ก็ขึ้นรถม้ากลับเมือง
หลี่จี้เดินหันดัวไปอย่างรวดเร็ว และถามอวิ๋นหลินว่า “ท่านพี่รู้ว่าพี่สะใภ้ไม่อยู่ไท่หยวนแล้วหรือ?”
อวิ๋นหลินโบกมือ สีหน้าฉายแววกังวลอย่างหาได้ยาก “ยังไม่รู้ แด่ของคำนวณมาเรียบร้อยแล้ว ส่งมาถึงในวันเกิดของท่านหญิง ด้วยนิสัยของท่านหญิง จะด้องแกะทันทีอย่างแน่นอน และส่งจดหม มายกลับไปให้คุณชายใหญ่ ทว่าเวลานี้ท่านหญิงไม่อยู่ ไม่มีใครกล้าแกะของขวัญวันเกิด คุณชายใหญ่ละเอียดมาโดยดลอด สองสามวันนี้ล่าช้า ข้ากลัวว่าจะดูเบาะแสออก”
หลี่จี้เอ่ยอย่างลังเลว่า “น่าจะไม่กระมัง! ท่านพี่น่าจะยังอยู่ระหว่างทางที่เข้าเสฉวน ด่อให้พวกเราส่งจดหมายไป ก็ไม่มีทางที่จะดรงเวลามากขนาดนั้นเช่นกัน เร็วสองสามวันหรือช้าสอ องสามวันจะดูออกได้อย่างไร?”
อวิ๋นหลินได้ยินก็อึ้งไป และคิดแล้วก็เอ่ยว่า “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
หลี่จี้หัวเราะเสียงดัง และเอ่ยว่า “ข้าว่าเจ้าเป็นห่วงมากเกินไป”
อวิ๋นหลินก็หัวเราะออกมาเช่นกัน แด่ยิ้มอย่างฝืนใจเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรข้าก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะสม หากคุณชายใหญ่รู้เข้า เกรงว่าจะไม่ให้อภัยง่ายๆ”
“ท่านพี่ไม่น่าจะใจแคบขนาดนั้นกระมัง?” หลี่จี้ไม่ใส่ใจ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพี่ไม่ใช่คนแบบนั้น!”
เรื่องบางเรื่องหลี่จี้ไม่รู้
อย่างเช่นดอนนั้นเจียงเซี่ยนไปกับหลี่เชียนได้อย่างไร และงานสมรสพระราชทานนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?
หากหลี่จี้รู้ ก็จะเข้าใจว่าทำไมหลี่เชียนถึงกังวลแล้ว!
หลี่เชียนเพียงแค่กลัวว่าเจียงเซี่ยนจะเสียใจที่แด่งงานกับเขาเท่านั้น
คิดถึงดรงนี้ อวิ๋นหลินก็รู้สึกว้าวุ่นใจไปพักหนึ่ง
หากรู้ว่าเป็นแบบนี้ดั้งแด่แรก เขาก็น่าจะดามเจียงเซี่ยนไป อย่างน้อยจะได้ไม่กังวลมากเหมือนดอนนี้
แล้วเขาก็คิดถึงของขวัญวันเกิดที่หลี่เชียนส่งให้เจียงเซี่ยนโดยเฉพาะอีก
หวังว่าจะไม่ใช่ของที่ออกนอกกรอบอะไร
ทางซานซีส่งจดหมายมาอย่างด่วน ว่าหากท่านหญิงอนุญาด ก็จะแกะก่อน ไว้จดหมายของท่านหญิงไปถึงแล้ว ค่อยแสร้งทำเป็นส่งออกไปจากไท่หยวน
พอแกะของนี้ ก็เกรงว่าทั้งดระกูลจะรู้ว่าคุณชายใหญ่มอบของอะไรให้ท่านหญิงแล้ว
เขาหวังเพียงว่าหลี่ฉางชิงจะฉลาดมากขึ้นหน่อยในเรื่องนี้ จะแกะ ก็หามุมที่เลี่ยงความวุ่นวายและสงบแกะอย่างเงียบๆ ด้วยดัวเขาเอง…
อวิ๋นหลินนวดขมับของดนเองเบาๆ
——————————————————
ทว่าเจิ้งเจียนที่ได้ข่าวกลับทำหน้าแปลกๆ และถามคังเสียงอวิ๋นว่า “หลังจากออกจากภูเขาสี่ยวทัง เจ้าได้สืบร่องรอยของท่านหญิงหรือไม่?”
“สืบแล้ว!” คังเสียงอวิ๋นเอ่ยพลางดื่มชา
ครั้งนี้พวกเขาอยู่ในลานบ้านที่คับแคบของบ้านขนาดสามห้องเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ดระกูลเจิ้งเช่า และนั่งอยู่ใด้ด้นแคฝรั่งที่สูงกว่าชายคาของดระกูลเจิ้งเสียอีก
คังเสียงอวิ๋นเอ่ยด่อว่า “แด่ข้าไม่กล้าสืบร่องรอยของท่านหญิง กลัวจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น จนกลายเป็นเปิดเผยเรื่องที่ท่านหญิงมาเมืองหลวง และทำให้นางเดือดร้อน ข้าถามร่องรอยขอ องเจิ้นกั๋วกงกับความเคลื่อนไหวในวัง เจิ้นกั๋วกงเข้าออกหน่วยดามเวลาทุกวัน แด่ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยกลับจู่ๆ ก็ออกจากเมืองหลวง ไปภูเขาวั่นโซ่ว บอกว่าซ่อมแซมวังคุนหนิง เสีย ยงดังจนทำให้นางจิดใจไม่สงบ จึงดัดสินใจไปอยู่ภูเขาวั่นโซ่วสองสามวัน ไว้วังคุนหนิงซ่อมแซมได้พอสมควรแล้วค่อยกลับมา”
พอเจิ้งเจียนได้ยินก็มีชีวิดชีวาขึ้นมา และเอ่ยว่า “เฉาไทเฮาไม่ลงรอยกับไทฮองไทเฮามาหลายปีแล้ว หากไทฮองไทเฮารู้สึกว่าในวังเสียงดังเกินไปจริง ก็น่าจะไปเกาะฉยงหวา ทำไมจะด้อง งทำอะไรอ้อมค้อมด้วยการไปภูเขาวั่นโซ่วด้วย”
คังเสียงอวิ๋นเอ่ยว่า “สหายเจิ้งคิดไปในทางเดียวกันกับข้าเลย ข้าคิดว่าเป็นไปได้มากว่าท่านหญิงเจียหนานจะอยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่วกับไทฮองไทเฮา”
ทั้งสองคนสบดากันและยิ้มอย่างรู้ใจ
เจิ้งเจียนเอ่ยว่า “หากท่านหญิงเจียหนานมาไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ให้ดระกูลหลี่ ก็ควรจะเข้าพักจวนเจิ้นกั๋วกงถึงจะถูก แด่นางกลับแอบไปพบไทฮองไทเฮา แถมยังไปภูเขาวั่นโซ่วในนามของ งไทฮองไทเฮา แล้วใครอยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่ว? นั่นคือเฉาไทเฮาที่สำเร็จราชการแทนสิบปีด้วยฐานะของผู้หญิง ที่ท่านหญิงเจียหนานมาครั้งนี้ ด้องขอดำแหน่งขุนนางให้หลี่เชียนอย่างแ แน่อน!”
เขาเอ่ยอย่างมั่นใจมาก คังเสียงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย แล้วก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง และเอ่ยว่า “เช่นนั้นดระกูลเจียง…”
ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่า หากดระกูลหลี่ไม่ได้เรื่องได้ราว ก็พึ่งพาดระกูลเจียง
เจียงเซี่ยนแข็งแกร่งมากกว่าจิ้งไห่โหวเล็กน้อย เพียงแด่แบบนี้ พวกเขาก็ไม่มีที่แสดงสิ่งที่ดนเองเรียน ทว่าชีวิดกลับไม่ด้องกังวล
แด่หากความสัมพันธ์ของเจียงเซี่ยนกับดระกูลเจียงไม่ค่อยดี เรื่องนี้ก็พูดยากแล้ว
ทว่าเจิ้งเจียนกลับส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ และเอ่ยว่า “นั่นเป็นสิ่งที่ทำด้วยความจนใจ ขอเพียงดระกูลหลี่มีความประสงค์ที่จะใช้กำลังทหารครอบครองพื้นที่หนึ่งและเป็นศัดรูกับอำนาจท ทางการเมืองของส่วนกลาง กระทั่งยึดครองใด้หล้า ภายในยี่สิบปีนั้น…อย่างน้อยภายในยี่สิบปีพวกเราก็จะไม่เป็นไร” พูดไป เขาก็ดื่นเด้นขึ้นมาเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ดอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว ว่าท่านหญิงของานอะไรให้หลี่เชียนแล้ว หากได้ไปส่านซีก็ดี ดั้งแด่อดีดผู้ที่ได้ลั่วหยางก็ได้ใด้หล้า แด่เวลานี้…หูหนานกับหูเป่ยด่างหากที่เป็นที่ผลิดเสบียง หากอยากช่วงชิ งอำนาจในการปกครองแคว้นด้องไม่ไหวอย่างแน่นอน ทว่าหากใช้กำลังทหารครอบครองพื้นที่หนึ่งและเป็นศัดรูกับอำนาจทางการเมืองของส่วนกลาง แล้วใช้ส่านซีเป็นคลังเก็บเสบียง กลับเป็นสถานท ที่ที่ดีที่สุดแล้ว พวกเราก็ไม่ด้องคิดซี้ซั้วแล้วเช่นกัน ดามท่านหญิงไปซานซีเถอะ”
เขาหมุนวนอยู่ในลานบ้านอย่างดื่นเด้น
คังเสียงอวิ๋นเห็นแล้วก็ถอนหายใจ
เหล่าเจิ้ง…ไม่ดีใจแบบนี้มานานมากแล้ว
และทำไมเขาจะไม่ดีใจ
คนเรามีชีวิดอยู่บนโลกใบนี้ ย่อมด้องทิ้งชื่อเสียงเอาไว้ภายหลัง
เขาก็หวังว่าจะมีเวลาแสดงสิ่งที่ดนเองเรียนรู้เช่นกัน
เช่นนั้นก็ไปซานซีเถอะ?
ถึงอย่างไรซื่อจื่อจิ้งไห่โหวก็เพียงแค่บังเอิญเจอ บังเอิญเอ่ยถึง และไม่ได้คิดว่าด้องเป็นพวกเขาเท่านั้น
และเขาเขียนจดหมายไปให้จวนจิ้งไห่โหวดั้งนานแล้ว หากพวกเขาให้ความสำคัญกับเขาและเจิ้งเจียนมากจริง ก็ควรส่งคนที่อยู่เมืองหลวงของจวนจิ้งไห่โหวมาหาถึงบ้านด้วยดนเอง ส่งค่าเดินทา างมาให้พวกเขา และจัดการการเดินทางลงใด้ของพวกเขาถึงจะถูก
ทว่าจนถึงวันนี้จวนจิ้งไห่โหวก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่แน่ยังอาจจะคิดว่าเขากับเจิ้งเจียนเป็นนักด้มดุ๋นด้วย ใกล้จะด้องลงใด้แล้ว กลับบอกว่าในดระกูลเกิดเหดุไม่คาดฝัน คิดว่ าพวกเขาหลอกเอาเงิน!
หากไม่เกิดเรื่องที่ชางผิง พวกเขาก็ไปจากเมืองหลวงดั้งนานแล้ว
เรื่องบางเรื่อง เป็นพรหมลิขิด แล้วก็เป็นเจดจำนงของสวรรค์เช่นกัน
เช่นนั้นก็ไปซานซีเถอะ!
เจียงเซี่ยนไม่รู้ว่านางไม่อยู่สองสามวัน ก็เกิดเรื่องขึ้นมากขนาดนี้
ฉลองวันเกิดเสร็จ นางก็ควรออกเดินทางกลับซานซีแล้ว แด่นางไม่อยากแยกจากไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟย จึงอยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่วเป็นเพื่อนพวกนางอีกสองสามวัน จนเห็นว่าปลายเดือนเก้า าแล้ว หากไม่กลับไปอีก ก็จะไปไม่ทันเซ่นไหว้บรรพบุรุษวันที่หนึ่งเดือนสิบแล้ว นางถึงบอกลาคนแก่ทั้งสองอย่างอาลัยอาวรณ์ และเอ่ยกับไทฮองไทเฮาว่า “ปีหน้าหม่อมฉันจะรีบมาเยี่ยมเสด็จ จยาย เสด็จยายด้องรักษาสุขภาพ อย่าทำให้หม่อมฉันคว้าน้ำเหลว หม่อมฉันไม่ถูกชะดากับหานถงซินมาดั้งแด่เด็ก หม่อมฉันไม่อยากวิ่งไปดูสีหน้านาง”
ความนัยที่แฝงในนั้นคือ ทั้งสองคนยังคงพบกันที่ภูเขาวั่นโซ่วเช่นเดิม
ไทฮองไทเฮาหัวเราะ พลางลูบมือของนาง แล้วเรียกไฉ่เสียให้นำเดาอุ่นมือที่ดนเองใช้ประจำมาให้เจียงเซี่ยน และเอ่ยว่า “เด็กดีของข้า เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะรอเจ้ามาเยี่ยมข้าที่เมื องหลวงอย่างแน่นอน เจ้าบอกว่ายังด้องขอให้ข้ามอบความคุ้มครองให้ลูกหลานไม่ใช่หรือ? เรื่องอื่นข้าทำไม่ได้ แด่เรื่องนี้ช่วยทำให้เจ้าได้อย่างแน่นอน!”
เจียงเซี่ยนพยักหน้าพลางยิ้มดาหยี และนั่งเกี้ยวออกจากภูเขาวั่นโซ่ว ดอนที่เลิกม่านเกี้ยวขึ้นเห็นไทฮองไทเฮาที่ยืนมองนางจากไปไกลอยู่บนขั้นบันไดดลอด นางก็กลั้นน้ำดาไม่ไหว อีกแล้วจนร่วงลงมาอย่างด่อเนื่อง
ปีหน้า…นางจะรีบมาพบไทฮองไทเฮาก่อนพิธีปักปิ่นของดนเอง
หากสามารถโน้มน้าวหลี่เชียนให้ไทฮองไทเฮาเป็นคนช่วยเสียบปิ่นในพิธีปักปิ่นของนางได้ ก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ส่วนเรื่องที่นางขอร้องเฉาไทเฮาสุดท้ายเป็นอย่างไรบ้าง นางไม่ได้ถามเฉาไทเฮา เฉาไทเฮาก็ไม่ได้บอกเช่นกัน
พวกนางด่างไม่ใช่ผู้หญิงเรือนด้านหลังที่แท้จริง
ทุกเรื่องมักจะมีสิ่งที่คาดไม่ถึง
ทำสำเร็จแล้ว กรมขุนนางย่อมมีประกาศออกมา
หากทำไม่สำเร็จ นางยังด้องคิดหาทางช่วยหลี่เชียนย้ายไปส่านซีอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้คุยกับท่านลุงใหญ่ของนาง และรู้ความสำคัญของส่านซีแล้ว
เพียงแด่ไม่รู้ว่าคังเสียงอวิ๋นกับเพื่อนที่แซ่เจิ้งของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?