มู่หนานจือ - บทที่ 423 อาจารย์
หลี่จี้จากไปอย่างหายใจถี่
ยังดีที่ไท่หยวนถือว่าอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง เดินทางอีกสี่ห้าวัน พวกเขาก็ถึงไท่หยวนแล้ว
คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนอดไม่ได้ที่จะลงจากรถม้า ยืนอยู่ในเส้นทางที่ใช้สำหรับส่งเอกสารราชการและมีจุดพักหรือจุดเปลี่ยนม้าตั้งอยู่ระหว่างทางที่มุ่งหน้าสู่ประตูเมือง และมองเม มืองที่มีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์ที่ชายแดนแห่งนี้
“ภูเขานี้ชื่อว่าฮั่ว บึงที่มีหญ้าขึ้นจำนวนมากชื่อว่าหยางอวี แม่น้ำชื่อว่าจาง แม่น้ำชื่อว่าเฝินกับลู่” คังเสียงอวิ๋นมองประตูเมืองสูงตระหง่านที่ก่อด้วยอิฐดินก้อนใหญ่ และ อดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ไท่หยวนสมกับที่เป็นเมืองจี้เก่าในประวัติศาสตร์”
เจิ้งเจียนพยักหน้า และเอ่ยว่า “ครอบครองส่วนสำคัญของใต้หล้า ปะปนด้วยชุมทางของชายแดนรอบด้าน ไท่หยวน…แม้จะเป็นตำแหน่งที่ชัยภูมิเป็นภูเขาสูงและอันตรายของใต้หล้า แต่ขวามีต้าถ ถง ซ้ายมีอวี๋หลิน โครงสร้างและรูปแบบยังเล็กไปหน่อย”
เขาเอ่ยถึงตระกูลหลี่
คังเสียงอวิ๋นกำลังอยากโต้แย้งสักหน่อย แต่เห็นเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากข้างหน้า แล้วฝูงชนก็แยกออกอย่างเป็นธรรมชาติ หลีกทางให้เหล่าบุรุษรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรงที่ขี่ม้า และ ล้อมด้วยชายหนุ่มที่คิ้วดกดำตาโตอย่างแน่นหนาตรงมาทางพวกเขา
ทั้งสองคนตกใจมาก และรีบหลบไปข้างๆ
ใครจะรู้ว่าชายหนุ่มที่ขี่ม้ากลุ่มนั้นกลับเอ่ยว่า “หยุด” และดึงบังเหียนยกกีบ ฝืนหยุดม้าลงตรงหน้าพวกเขา
ชายหนุ่มที่ถูกล้อมอย่างแน่นหนากระโดดลงจากม้า และเอ่ยเสียงดังว่า “ท่านคังกับท่านเจิ้งที่มาจากเมืองหลวงใช่หรือไม่?”
ทั้งสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก และพยักหน้าติดกันหลายครั้ง
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ผู้นั้นก็หัวเราะอย่างสดใสเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ข้าคือหลี่ฉางชิง ได้ยินท่านหญิงบอกว่า นางเชิญอาจารย์มาให้ตระกูลหลี่สองคน ต่างก็มาจากตระกูลจิ้นซื่อ ข้า ารู้สึกดีใจ จึงมาต้อนรับท่านทั้งสองโดยเฉพาะ หากมีตรงไหนเสียมารยาทไป ขอให้ท่านทั้งสองโปรดอภัยให้ด้วย”
นึกไม่ถึงว่าหลี่ฉางชิงแม่ทัพซานซีจะมาต้อนรับพวกเขาด้วยตนเอง
ทั้งสองคนเปลี่ยนสีหน้าพร้อมกัน และรีบเข้าไปคารวะ
“ท่านไม่ต้องมากพิธี” หลี่ฉางชิงจับทั้งสองคน และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อมาแล้ว ก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ข้าเป็นคนหยาบคาย ชอบความตรงไปตรงมา พวกท่านมีอะไรก็บอกข้าตรง งๆ หากอ้อมค้อมเกินไป ข้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี กลับเสียน้ำใจของท่านทั้งสองเปล่าๆ”
เดินมาใกล้แล้ว ถึงจะพบว่าตอนที่หลี่ฉางชิงยิ้มนั้น มุมปากกับหางตาต่างก็มีรอยยิ้มที่ลึกมากแล้ว
คนๆ นี้ไม่เพียงแต่ชอบยิ้ม ทว่ายังร่างกายแข็งแรง ดังนั้นมองแวบแรก จึงดูเหมือนอายุเพียงแค่สามสิบกว่าปี
เจิ้งเจียนครุ่นคิดอยู่ในใจ และซาบซึ้งกับที่หลี่ฉางชิงมารับพวกเขาด้วยตนเองมาก
บางครั้งคนอยู่ที่ไหนไม่สำคัญ สำคัญคือเจ้าอยู่ที่นี่ได้รับความเคารพและใช้ชีวิตมีความสุขหรือไม่
จวนจิ้งไห่โหวต้องมีอำนาจมากกว่าและมีสถานที่ให้พวกเขาแสดงความสามารถพิเศษออกมาอย่างเต็มที่มากกว่าตระกูลหลี่อย่างแน่นอน ทว่าพวกเขาไปแล้ว กลับอาจจะไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างมีมารย ยาทแบบนี้
เวลานี้เจิ้งเจียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจเล็กน้อย
ยังดีที่เขาเลือกมาซานซี ไม่อย่างนั้นก็พลาดจากตระกูลหลี่และหลี่ฉางชิงไม่ใช่หรือ
คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนต่างก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา แล้วก็ซาบซึ้งกับการให้เกียรติของหลี่ฉางชิง จึงพูดจาค่อนข้างเคารพหลี่ฉางชิง ทั้งสามคนพูดคุยพลางหัวเราะ ก็ถือว่ามีควา ามสุขมากเช่นกัน
จนกระทั่งกลับตระกูลหลี่ และเห็นว่าเจียงเซี่ยนที่กลับมาล่วงหน้าจัดเรือนสี่ประสานเล็กๆ ที่อยู่ติดกันสองเรือนไว้ให้พวกเขาทั้งสองตระกูลแล้ว ทั้งสองคนก็ยิ่งพอใจ
พอพวกเขาจัดการเรียบร้อย จึงไปหาเจียงเซี่ยนด้วยกัน
“ก่อนหน้านี้ได้ยินท่านหญิงบอกว่า ตระกูลหลี่นอกจากคุณชายทั้งสองแล้ว ยังมีพวกลูกหลานของลูกน้องด้วย” คังเสียงอวิ๋นเอ่ย “ข้าว่าเปิดที่เรียนพิเศษดีกว่า ต่อไปจะได้ปลูกฝังพวกลู กน้องให้ตระกูลหลี่ด้วย”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” เจียงเซี่ยนชอบท่าทางที่ตัดสินใจแล้วก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำของคังเสียงอวิ๋นมาก
นางจ่ายค่าตอบแทนของอาจารย์จำนวนมากให้คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียน
คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนต่างประหลาดใจมาก
แต่เจียงเซี่ยนกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ขอเพียงถึงเวลานั้นท่านทั้งสองอย่ารังเกียจที่นักเรียนก่อกวนเกินไปก็พอ”
คังเสียงอวิ๋นยิ้มและเอ่ยว่า “ขงจื่อบอกว่าการศึกษาไม่แบ่งชนชั้น ขอให้ท่านหญิงกับแม่ทัพหลี่โปรดวางใจ”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า ส่งคังเสียงอวิ๋นกลับไปแล้ว ก็ชวนชีกูไปถ่ายทอดคำพูดให้หลี่ฉางชิง
ปกติหาซิ่วไฉที่สอบตกสักคนยังไม่ง่าย นี่จิ้นซื่อมาทีเดียวสองคน แถมยังไม่ใช่อดีตฮั่นหลินที่ลาออกและกลับไปบ้านเกิดเพราะอายุมากและเหน็ดเหนื่อย ทว่าเป็นผู้ชายที่กำลังอยู่ใน นวัยฉกรรจ์ อย่าว่าแต่เปิดที่เรียนพิเศษเลย ต่อให้เปิดสำนักการศึกษา หลี่ฉางชิงก็จะออกเงินช่วยเหลือเช่นกัน
เขามอบห้องหนังสือที่เรือนด้านนอกของตนเองให้เป็นสถานที่สอนของคังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียนทันที แล้วก็ไปถามพวกลูกน้องเก่าของตนเอง ว่ามีใครอยากส่งลูกมาบ้าง ไม่ต้องเสียค่าตอบ บแทนของอาจารย์ และมีอาหารกลางวันให้หนึ่งมื้อทุกวันโดยไม่ต้องเสียเงิน
พวกลูกน้องเก่าของหลี่ฉางชิงอยากส่งไปมาก และพากันบอกว่าไม่จำเป็นต้องยกเว้นค่าตอบแทนของอาจารย์ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องจัดอาหารกลางวันให้ทุกวันเช่นกัน “มาบ้านของพวกเจ้าเพื่อเรียนหน นังสือ ไม่ได้มาเสวยสุข เจ้าทำแบบนี้ มีแต่จะให้ท้ายเด็กจนเสียคน”
เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ
หากไม่ใช่เพื่อลูกชายของเขา เขาก็ไม่ทำเรื่องที่ทำดีแล้วไม่ได้ดีพวกนี้หรอก!
แทนที่จะตั้งใจเล่นเกมเหล่านี้เป็นเพื่อนท่านหญิงอย่างสุดกำลัง สู้ลองคิดว่าเดี๋ยวจะเอ่ยปากเชิญอาจารย์ทั้งสองมารับประทานอาหารเย็นร่วมกับตนเองอย่างไรดีกว่า
ทางหลี่ฉางชิงยุ่งจนหัวหมุน ทางฮูหยินเหอไม่ทำแล้ว
นางเรียกเจียงเซี่ยนมา “ครั้งก่อนท่านบอกว่าจะหาแม่นมที่ออกมาจากในวังและมีประสบการณ์โชกโชนและทำงานรอบคอบหน่อยให้ตงจื้อสักคนไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดี ยว?”
เจียงเซี่ยนอับอายจนเหงื่อตก
นางรู้ว่าหลี่เชียนส่งของมาให้นางในวันเกิดของนางแล้ว ยังนั่งนิ่งได้ที่ไหนกัน? จึงกลับมาทันที และลืมเรื่องเชิญแม่นมมาให้ตงจื้อไปจนหมดสิ้น
“ครั้งนี้ไปไม่เจอคนที่เหมาะสม” เจียงเซี่ยนจำเป็นต้องเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้น…ข้าจะไปคุยกับอาจารย์ทั้งสอง ให้ตงจื้อฟังอยู่ข้างๆ ด้วย?”
นางก็ไม่ได้อยากให้ลูกสาวไปเป็นอาจารย์หญิง
เพียงแค่รู้หนังสือสักหน่อย ไม่ถูกคนหลอกก็พอแล้ว
ฮูหยินเหอพึมพำอยู่ในใจ ทว่ากลับไม่กล้าโต้แย้งคำพูดของเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนก็ไปคุยกับคังเสียงอวิ๋นและเจิ้งเจียนจริงๆ
ทั้งสองคนยังไม่ถึงช่วงเวลาที่อายุมากจนขยับไม่ได้ สอนบุตรสาวจากตระกูลขุนนาง เหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสม
เจิ้งเจียนคิดแล้วก็แนะนำฮูหยินของคังเสียงอวิ๋น โดยเอ่ยว่า “ไม่ทราบว่าท่านหญิงเคยได้ยินตระกูลฮวาแห่งจี่หนาหรือไม่? นายหญิงคังเป็นลูกสาวของตระกูลฮวา”
เรื่องในชาติก่อนนานเกินไปแล้ว เจียงเซี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงจะนึกออก
ตระกูลฮวาแห่งจี่หนานอยู่ทางเหนือก็เป็นตระกูลขุนนางที่ทั้งทำไร่ไถนาและเรียนหนังสือที่นับเลขได้เช่นกัน เพียงแต่เพราะหลายปีนี้ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่เลย ตระกูลจึงค่อยๆ ตกต่ำ ำแล้ว
ทว่าสอนหลี่ตงจื้อก็เหลือเฟือแล้ว
เจียงเซี่ยนตกลงอย่างดีใจ และเห็นแก่คังเสียงอวิ๋นกับเจิ้งเจียน จึงลดค่าตอบแทนของนายหญิงคังลงครึ่งหนึ่ง
เพียงแค่นี้ ก็ทำให้คนของตระกูลคังดีใจมากเช่นกัน
สามารถหาเงินค่าเครื่องสำอางให้ลูกๆ ได้ ทำไมนายหญิงคังจะไม่ดีใจ ยิ่งกว่านั้นไม่เพียงแต่หาเงินค่าเครื่องสำอางให้ลูกๆ แม้แต่เงินซื้อเหล้าของสามีก็หาได้แล้ว
นายหญิงคังจึงตั้งใจสวมเสื้อกันหนาวที่มีซับในเนื้อบางแขนยาวลายเปี้ยนตี้จินสีน้ำเงินสดใสที่ค่อนข้างใหม่ไปขอบคุณฮูหยินเหอโดยเฉพาะ
ฮูหยินเหอเห็นนายหญิงคังอ่อนโยนและนุ่มนวลไม่เหมือนผู้หญิงทางเหนือ กลับมีความอ่อนโยนเหมือนหมู่บ้านฝนเจียงหนาน ก็รู้สึกชอบเล็กน้อยทันที และเรียกหลี่ตงจื้อออกมาคารวะนายหญิง งคัง ถือว่าเจอหน้ากันแล้ว และเชิญนายหญิงคังพาพวกลูกๆ มาเป็นแขกอย่างกระตือรือร้น จริงใจมาก
หลังจากนายหญิงคังกลับไปก็ถอนหายใจกับคังเสียงอวิ๋นอยู่พักหนึ่ง “ก่อนหน้านี้ยังกลัวว่าคนของตระกูลหลี่จะไม่เป็นมิตร ตอนนี้ดูเหมือน...การตัดสินใจในตอนนั้นของท่านพี่จะถูกต ต้องที่สุดแล้ว”
คังเสียงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะภูมิใจเล็กน้อย
วันรุ่งขึ้น เรื่องที่นายหญิงคังเป็นอาจารย์ให้หลี่ตงจื้อก็แพร่ไปทั่วทั้งจวน
เกาเมี่ยวหรงตกใจ และไม่ได้สติกลับมานานมาก