มู่หนานจือ - บทที่ 425 อบรมสั่งสอน
แต่หากมอบห้องหนังสือที่ปกติหลี่ตงจื้อใช้เรียนหนังสือให้ พวกคุณหนูเหล่านั้นก็จะไม่มีสถานที่รวมตัวแล้ว
เกาเมี่ยวหรงก็จะไม่มีสถานที่สอนเช่นกัน
และวิธีที่ดีที่สุดที่ฮูหยินเหอสามารถคิดได้ ก็คือให้นายหญิงคังรับช่วงต่อ สอนพวกคุณหนูแทนเกาเมี่ยวหรง
คนพวกนั้นพุ่งไปหาเกาเมี่ยวหรง หากเปลี่ยนเป็นนายหญิงคัง จะยอมหรือ? ยอมได้หรือ?
หรือว่านายหญิงคังยังต้องไปจัดการความวุ่นวายที่ยากจะสะสางได้ให้เกาเมี่ยวหรงอีกอย่างนั้นหรือ?
คนอื่นไม่รู้เหตุผลนี้ เกาเมี่ยวหรงไม่รู้ได้หรือ?
เจียงเซี่ยนโกรธมาก
จึงทำหน้าเย็นชาพลางมองฮูหยินเหอ และค่อยๆ จิบชา รอฮูหยินเหอเอ่ยสิ่งที่ยังพูดไม่จบให้หมด
ฮูหยินเหอก็รู้ว่าทำแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเช่นกัน ทว่านางรู้สึกว่า นางจนปัญญาแล้วจริงๆ อย่างไรก็ไล่พวกคุณหนูกลับบ้านไปหมดไม่ได้กระมัง? ตอนนั้นสาเหตุที่นางตกลง ก็เพราะอยาก กให้หลี่ตงจื้อมีเพื่อนเล่นเพิ่ม ต่อไปแม้จะแต่งงานแล้ว ครอบครัวสามีมีงานมงคลและงานอวมงคล เพื่อนสนิทเหล่านี้จะได้ไปเยี่ยมหลี่ตงจื้อ ทำให้ครอบครับสามีของหลี่ตงจื้อรู้ว่า ถึ งหลี่ตงจื้อจะเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว แต่กลับมีเพื่อนสนิทที่สนิทกันเหมือนพี่น้องไม่น้อย แล้วต่อให้เจียงเซี่ยนหาแม่นมกลับมาสอนหลี่ตงจื้อ พวกคุณหนูเหล่านี้ต่างก็สามารถเรียน นด้วยได้เช่นกัน และยังทำให้แม่นมที่สอนชื่อเสียงโด่งดังได้ด้วย คิดว่าแม่นมที่สอนก็จะต้องไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน แถมยังทำให้คนอื่นรู้ว่าตระกูลหลี่มีความสามารถ แม้แต่แม่นมที่ ออกมาจากในวังก็สามารถเชิญมาได้
ทว่านางคิดไม่ถึงว่าเจียงเซี่ยนไม่ได้เชิญแม่นมมาสอนหลี่ตงจื้อ กลับเชิญอาจารย์สอนหนังสือมา
เช่นนี้จะให้จิตใจของเกาเมี่ยวหรงรับการโจมตีแบบนี้ได้อย่างไร?
พูดไปพูดมา ทั้งหมดเป็นเพราะนางตกลงเร็วเกินไป
หากนางถ่วงเวลาอีกสักสองสามวัน ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว
เวลานี้นางแค่อยากจัดการเรื่องนี้ อย่าให้เกิดเรื่องบางอย่างที่คาดไม่ถึงระหว่างที่แก้ปัญหาอีกก็พอ
ในห้องเงียบสงัด มีแต่เสียงฝาถ้วยแฉลบผ่านถ้วยชาไปเบาๆ กระตุ้นให้คนรู้สึกว้าวุ่นใจ
ฮูหยินเหอรวบรวมความกล้า กำลังอยากเอ่ยสิ่งที่ยังพูดไม่จบให้หมด แต่คิดไม่ถึงว่าเจียงเซี่ยนจะพึมพำแล้วว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็มอบห้องหนังสือของน้องหญิงให้คุณหน นูเกาใช้ชี้แนะพวกคุณหนูเป็นประจำเช่นเดิม แล้วก็ตั้งห้องหนังสือของน้องหญิงที่ห้องอุ่นทางฝั่งข้า ข้าจะให้คนเก็บกวาดเดี๋ยวนี้ ตระกูลฮวาแห่งจี่หนานนั้น…ราชวงศ์ก่อนเคยมีสมาช ชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงทิ้งชื่อเสียงอันดีงามไว้ในประวัติศาสตร์หลายคน ล้วนเป็นสตรีที่มีความสามารถเทียบเท่าบุรุษ และได้รับความเคารพมาก รายละเอียดของเรื่องราวเป็นอย่างไร ข ข้าก็ไม่อธิบายให้ท่านฟังอย่างละเอียดแล้วเช่นกัน ท่านให้คุณหนูเกาเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็เข้าใจแล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจเมินเฉยนายหญิงคังได้แม้แต่นิดเดียว ห้องหนังสือที่ตั้งอยู่ท ทางฝั่งข้า นอกจากสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือแล้ว ดีดพิณ เล่นหมากล้อม เขียนหนังสือ และวาดภาพต่างก็เตรียมไว้เล็กน้อย จะได้ให้น้องหญิงเรียนวิชาวินิจฉัยและชมงานศิลปะ”
“นายหญิงคังยังมีลูกสาวอีกสองคน ลูกสาวคนโตปีนี้อายุสิบสองปีแล้ว ส่วนลูกสาวคนรองปีนี้อายุสิบปี กิริยาท่าทางล้วนมีแบบแผน ข้าให้นายหญิงคังสอนน้องหญิง ก็เพราะอยากให้น้องห หญิงติดต่อกับคุณหนูทั้งสองของตระกูลคังมากๆ”
“ส่วนนายหญิงคังจะยอมให้ลูกสาวของตนเองติดต่อกับน้องหญิงหรือไม่นั้น นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าน้องหญิงมีโชคนี้หรือไม่แล้ว”
“เรื่องนี้น่ะ…ท่านก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว”
“ข้าจัดการเอง!”
ประโยคสุดท้าย…นิยามเรื่องนี้แล้ว
เจียงเซี่ยนยกชาส่งแขก
ฮูหยินเหอมองเจียงเซี่ยนที่สีหน้าไร้อารมณ์แต่หน้าตากลับน่าเกรงขาม แล้วรู้สึกเหมือนลมหนาวที่แช่แข็งคนมาปะทะหน้า นางยังกล้าพูดอีกที่ไหนกัน จึงรีบลุกขึ้นเอ่ยว่า “ได้” และพ พาแม่นมเฉิงที่ติดตามอยู่ข้างกายออกไป
เดินถึงข้างนอก เห็นพุดตานที่บานอยู่ใต้แสงแดดตอนเที่ยงปลายฤดูใบไม้ร่วง ถึงจะรู้สึกว่าอุณหภูมิกลับมาอบอุ่น บนร่างกายมีความรู้สึกแล้ว
“เจ้าว่า…ท่านหญิงหมายความว่าอย่างไร?” นางอยู่ระหว่างทางกลับไป และอดไม่ได้ที่จะกระซิบกับแม่นมเฉิงว่า “นายหญิงคังจะยอมให้ลูกสาวติดต่อกับตงจื้อหรือไม่ นายหญิงคังเป็นอาจารย์ ไม่ใช่หรือ? ลูกสาวของนางคอยอยู่เป็นเพื่อนตงจื้อ ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลไม่ใช่หรือ?”
แม่นมเฉิงไม่รู้จะพูดอะไรดี
ทว่านางเป็นคนรับใช้จนชินแล้ว จึงคาดเดาความคิดของคนอื่นจากการสังเกตสีหน้าและคำพูดเป็น
นางส่งฮูหยินเหอไปอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ และออกจากจวนไปหาป้าเหอทันที แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ป้าเหอฟัง
ป้าเหอด่าน้องสาวของสามีตนเองอย่างสาดเสียเทเสียในใจ และรีบมาพบฮูหยินเหอที่ตระกูลหลี่ก่อนอาหารมื้อเย็น
ฮูหยินเหอกำลังคุยกับเกาเมี่ยวหรง
“ต่อไปห้องหนังสือนั้นก็ให้เจ้าสอนแล้ว” ฮูหยินเหอรู้สึกว่าตนเองจัดการเรื่องนี้ได้แล้ว ตอนที่เอ่ย สีหน้าจึงแดงเปล่งปลั่ง และตื่นเต้นมาก “เจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีสถานที่ แล้ว ต่อไปพวกเจ้ายังคงรวมตัวกันที่นั่นเช่นเดิม พวกคุณหนูเล่นด้วยกันอย่างมีความสุข จะดีแค่ไหนกัน!”
เกาเมี่ยวหรงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา และเอ่ยว่า “ท่านหญิงตกลงแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ตกลงแล้ว!” ฮูหยินเหอเอ่ยอย่างดีใจ “บอกว่าต่อไปตงจื้อจะเรียนหนังสือในห้องหนังสือของนาง”
เกาเมี่ยวหรงประหลาดใจมากขึ้นแล้ว จึงเอ่ยว่า “ต่อไปตงตื้อจะไม่เล่นกับคุณหนูจูและคุณหนูหนิวแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“เรื่องนี้…” ฮูหยินเหอเอ่ยอย่างลังเล “น่าจะเล่นด้วยกันได้กระมัง? เพียงแต่เวลาเรียนน่าจะไม่ได้…”
เกาเมี่ยวหรงขมวดคิ้ว อยากพูดอะไรบางอย่าง ป้าเหอก็ไอหนักๆ ขัดจังหวะทั้งสองคน และเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่า “เมี่ยวหรงอยู่ที่นี่ หรือ? ทำไมวันนี้ไม่คัดลอกหนังสือ! เจ้าเป็นแขกที่มาไม่บ่อยจริงๆ ช่วงนี้สอนคุณหนูหนิวกับคุณหนูจูตลอด เวลาไม่มีสอนยังต้องเตรียมการสอนอีก แม่นมเฉิงควรจะตุ๋นพวกชาอรหันต์ส่งไปให ห้คุณหนูเกาสักหน่อยถึงจะถูก ได้ยินว่าสิ่งนี้ดีต่อคอเป็นพิเศษ อาจารย์สอนหนังสือทางฝูเจี้ยนล้วนชอบดื่มสิ่งนี้!”
เสียงพูดของนางแปลกไปเล็กน้อย คนที่อยู่ในห้องต่างก็รู้สึกได้
ฮูหยินเหอไม่ค่อยพอใจ
แต่เกาเมี่ยวหรงกลับสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
ทว่าป้าเหอไม่มองเกาเมี่ยวหรงอีกเลย นางนั่งลงข้างกายฮูหยินเหอทันที และเอ่ยว่า “ข้าอยากปรึกษาเรื่องสินเดิมของถงเหนียงกับเจ้าหน่อย!”
ตระกูลจินกำหนดแล้วว่าจะมามอบสินสอดวันที่ยี่สิบสองเดือนสิบสอง
เวลานี้ในสายตาของฮูหยินเหอ ไม่มีเรื่องที่สำคัญมากกว่านี้แล้ว
ฮูหยินเหอมองเกาเมี่ยวหรงอย่างรู้สึกเสียใจ
เกาเมี่ยวหรงได้ยินคำพูดของป้าเหอก็สามารถเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งได้ จึงรีบลุกขึ้นบอกลา
เพียงแต่เท้าหน้าของนางเพิ่งจะก้าวออกจากห้อง เท้าหลังยังอยู่ในห้อง ก็ได้ยินฮูหยินเหอเอ่ยอย่างร้อนรนแล้วว่า “สินเดิมของถงเหนียงเป็นอย่างไรบ้าง? ยังขาดอะไรอย่างนั้นหรือ?”
ป้าเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างไม่รีบร้อนว่า “ก็ไม่ได้ขาดอะไรเช่นกัน เพียงแค่กลัวว่าข้าจะยุ่งจนเลอะเลือนไปชั่วขณะและลืมของเล็กๆ น้อยๆ วันนี้จึงตั้งใจเอารายการสินเดิมของนางมาให ห้เจ้าตรวจสอบให้ข้าหน่อยโดยเฉพาะ”
“โธ่ ข้าก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เหมือนกัน!” ฮูหยินเหอพูดอยู่ ทว่ากลับรับรายการที่ป้าเหอยื่นไปอย่างไม่เกรงใจแม้แต่นิดเดียว
—————————————————–
ทางเจียงเซี่ยนไปพบหลี่ฉางชิงทันที
“สุภาษิตกล่าวไว้ดี น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ คนเดินไปสู่ที่สูง ตระกูลหลี่ในเวลานี้ไม่ใช่ตระกูลหลี่อย่างตอนที่อยู่ฝูเจี้ยนแล้ว หากน้องหญิงสามารถไปมาหาสู่กับลูกสาวที่อยู่ในห้องของ งผู้หญิงอย่างคุณหนูสามตระกูลติงมากๆ ได้จะดีที่สุด จะได้เรียนรู้ว่าคนอื่นพูดจาและทำอะไรอย่างไร ครั้งนี้ข้าไปเมืองหลวง ตอนที่ได้ยินท่านหญิงชิงฮุ่ยเอ่ยถึงว่าตระกูลอันลู่โหวพอ อใจคุณหนูใหญ่ตระกูลจินอย่างไร ทำเพื่อเกียรติยศให้คุณหนูใหญ่ตระกูลจินอย่างไร และสินสอดตอนที่มอบสินสอดนั้นล้ำค่า หายาก และมากมายแค่ไหน ข้าก็เกิดความคิดขึ้นมาในใจ หากท่าน พ่อเห็นด้วย ข้าอยากพาน้องหญิงมาเลี้ยงข้างกายข้า ต่อไปแต่งงาน พูดออกไปก็น่าฟังหน่อยเช่นกัน”
ความนัยที่แฝงในนั้นคือ ตระกูลหลี่จะด้อยกว่าตระกูลจินไม่ได้
หลี่ฉางชิงชีวิตนี้ชอบเอาชนะ ได้ยินคำพูดแบบนี้จึงย่อมดีใจจนออกนอกหน้า และรู้สึกว่าลูกสะใภ้ของตนเองคนนี้รู้ใจมากกว่าลูกสาวเสียอีก เรียกได้ว่า ‘นิสัยเหมือนกันมาก’ จริงๆ
“หากท่านหญิงเต็มใจ ข้ายังมีอะไรให้ไม่เต็มใจอีก” เขารีบเอ่ย “พี่สะใภ้ใหญ่เหมือนมารดา หากตงจื้อไม่เชื่อฟัง ท่านก็ตีและด่าได้เลย หากนางกล้าร้องไห้ คนเป็นพ่ออย่างข้าจะไม่ ให้อภัยนางง่ายๆ อย่างแน่นอน”