มู่หนานจือ - บทที่ 428 ชมรมกวี
ทางเจียงเซี่ยนมีความสุข สงบสุข และสบายใจ แต่ทางเกาเมี่ยวหรงนั้น พวกคุณหนูส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจ พูดคุยพลางหัวเราะอย่างมีความสุข และเสียงดังอึกทึกครึกโครมไม่หยุด จนทำให้สาวใช้ท ที่ผ่านมาเหลือบมอง
คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวหัวเราะจนหน้าแดงก่ำ นางคล้องแขนของเกาเมี่ยวหรงอย่างสนิทสนมมาก และเอ่ยอย่างออดอ้อนว่า “พี่เกา ตงจื้อก็มากเกินไปแล้วเช่นกัน! เพื่อการเรียน กลับไม่เล่น นเป็นเพื่อนพวกเรา อาจารย์หญิงคนนั้นก็เหมือนกัน แค่นี้ก็ไม่ผ่อนผัน ข้าว่า…อาจารย์หญิงคนนั้นต้องเป็นคนหัวโบราณและใจดำอย่างแน่นอน อาจารย์แบบนี้ข้าก็เคยเจอเช่นกัน ทำหน้าเป ป็นนักปราชญ์ ก็เพื่อเอาใจท่านแม่ จะได้เพิ่มเงินค่าตอบแทนให้นางอีกนิดไม่ใช่หรือ คนแบบนี้…ข้าเกลียดที่สุด!”
นางคุยกับเกาเมี่ยวหรงอย่างนุ่มนวล ยังมีความเย่อหยิ่งอย่างตอนที่เจอเจียงเซี่ยนครั้งแรกที่ไหนกัน กลับเหมือนเด็กที่ถูกตามใจจนเสียคน
วันนี้เป็นชมรมกวีที่พวกนางตั้งขึ้นมา คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวคิดว่าทุกคนต่างตั้งตารอเหมือนนาง สิ่งที่รอนางอยู่จะเป็นแขกมากมาย แล้วก็พวกคุณหนูแต่ละตระกูลที่ครั้งก่อนไม่ได้เ เข้าร่วม และครั้งนี้ตามถามนางเรื่องชมรมกวีครั้งที่แล้วอย่างอิจฉา ใครจะรู้ว่าหลังจากนางมากลับได้เจอเพื่อนมากมายสมใจ แล้วก็ลูกสาวของลูกน้องเก่าของตระกูลหลี่ที่ครั้งก่อนไม่ท ทันได้เข้าร่วมและครั้งนี้อยากมาเอง ทว่ากลับไม่ได้เจอหลี่ตงจื้อคนที่สำคัญที่สุด
พอนางถาม หลี่ตงจื้อกลับไปเรียนแล้ว แถมยังบอกว่าตอนบ่ายมีเรียน จึงไม่สามารถเข้าร่วมชมรมกวีครั้งนี้ได้
หากไม่มีหลี่ตงจื้อ ชมรมกวีนี้ยังมีความหมายอะไร!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสาวของลูกน้องเก่าของตระกูลหลี่มากมายต่างก็มาหาหลี่ตงจื้อกับฮูหยินเหอ
จิตใจของทุกคนล้วนหดหู่ลงเล็กน้อยไปชั่วขณะ
กระทั่งมีคนพึมพำเสียงเบามากว่า ในเมื่อหลี่ตงจื้อไม่อยู่ ทำไมชมรมกวีถึงไม่เปลี่ยนวัน?
ยังดีที่มีเกาเมี่ยวหรงไกล่เกลี่ยในนั้น บอกว่าครั้งนี้ฮูหยินเหอจะนำภาพวาดโบราณที่บังเอิญได้มาเมื่อหลายวันก่อนออกมาเป็นรางวัลที่หนึ่ง บรรยากาศถึงคึกคักเล็กน้อย
ได้ยินคำพูดของคุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวแล้ว เกาเมี่ยวหรงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นายหญิงคังนั้นท่านหญิงเป็นคนเชิญมา ว่ากันว่าเป็นผู้หญิงจากตระกูลฮวาแห่งจี่หนาน ก็น่าจะมีความสา ามารถและความรู้ที่แท้จริงอยู่บ้าง เจ้าไม่เคยติดต่อกับนายหญิงคัง อย่าพูดจามั่วซั่ว”
คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวไม่ค่อยพอใจนัก พอเห็นคุณหนูใหญ่ตระกูลจูเดินมา ก็กลอกตารอบหนึ่ง และเรียกคุณหนูใหญ่ตระกูลจูมา
คุณหนูใหญ่ตระกูลจูเป็นลูกสาวของจูเฉินพี่น้องร่วมสาบานของหลี่ฉางชิง อายุเท่ากับคุณหนูใหญ่ตระกูลหนิว หน้าตาน่ารักสดใสกลมๆ บิดาของนางตามหลี่ฉางชิงไปฝูเจี้ยน ดังนั้นนางจึงสน นิทสนมกับหลี่ตงจื้อมาก แล้วก็สนิทกับเกาเมี่ยวหรงด้วย นางไม่ค่อยชอบคุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวนัก รู้สึกว่าตอนนั้นหนิวหวาอยู่ที่ซานซี ร่วมสุขกับตระกูลหลี่แต่กลับไม่ร่วมทุกข์ ไม่ได้จงรักภักดีต่อตระกูลหลี่จริงๆ ทว่านางมีประสบการณ์มากกว่าคุณหนูหนิวเป่าจู จึงไม่แสดงทุกอย่างออกทางสีหน้าเหมือนคุณหนูหนิว ดังนั้นแม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่กลับไม่แสดงออกทางส สีหน้า เห็นคุณหนูหนิวเป่าจูเรียกนาง ก็เดินไปหาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวมองพวกเด็กผู้หญิงที่โยนลูกธนูลงเหยือกอยู่บนสนามหญ้า และเอ่ยกับคุณหนูใหญ่ตระกูลจูว่า “พวกเราไปหาตงจื้อกันเถอะ? จะได้ช่วยตงจื้อขอร้องและขอลากับนาย หญิงคังอาจารย์ของนางด้วย กระทั่งเรียกนายหญิงคังมาร่วมชมรมกวีของพวกเรา และช่วยวิจารณ์บทกวีของพวกเราด้วย พวกเราสามารถให้ค่าตอบแทนแก่นายหญิงคังได้เล็กน้อย”
ตระกูลจูค่อนข้างสนิทกับตระกูลหลี่ จึงได้ยินเรื่องของเจียงเซี่ยนมาเล็กน้อย
บิดาของนางบอกว่า ตระกูลหลี่เกี่ยวดองกับตระกูลเจียง เพราะเจียงเซี่ยนสามารถช่วยตระกูลหลี่ได้
เช่นนั้นตระกูลหลี่ต้องไม่อยากล่วงเกินเจียงเซี่ยนอย่างแน่นอน
ไม่ว่าเวลานี้เจียงเซี่ยนจะแข่งอะไรกับฮูหยินเหอ นางก็ไม่อยากเข้าไปพัวพันทั้งนั้น อย่างน้อยต้องรอให้หลี่ฉางชิงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว ตระกูลของพวกนางถึงจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไ ไร
“เจ้าไปเถอะ!” คุณหนูใหญ่ตระกูลจูปฏิเสธคุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำ “พี่เกาให้ข้าแขวนพวกบทกวีให้ทุกคนชมไม่ใช่หรือ? ข้ายังทำไม่เสร็จเลย!”
คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวก็ไม่ค่อยพอใจ
คุณหนูใหญ่ตระกูลจูไม่สนใจว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวจะพอใจหรือไม่ นางยิ้มพลางคุยกับเกาเมี่ยวหรงเล็กน้อย ก็หันตัวจากไป
คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวโกรธจนตัวสั่นทั้งตัว
เกาเมี่ยวหรงปลอบนางอยู่นานมาก กว่าจะหาย
นางสั่งให้สาวใช้ไปสืบว่าหลี่ตงจื้อกำลังทำอะไรอยู่อย่างดื้อรั้น
สาวใช้กลับมาบอกนางว่า หลี่ตงจื้อกำลังฝึกคัดตัวอักษรอยู่
คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวตกใจ และเอ่ยว่า “นายหญิงคังเฝ้านางฝึกคัดตัวอักษรด้วยอย่างนั้นหรือ?”
สาวใช้ส่ายหน้า และเอ่ยว่า “เห็นว่าทางท่านหญิงมีแขกมา จึงเชิญนายหญิงคังไปอยู่เป็นเพื่อน นายหญิงคังเลยให้คุณหนูใหญ่ฝึกคัดตัวอักษรอยู่ในห้องหนังสือ ข้าบอกว่าท่านกับคุณหนู เกาหานาง แต่คุณหนูใหญ่บอกว่า นางยังมีการบ้านอีกมากมายที่ทำไม่เสร็จ กลัวว่าเดี๋ยวนายหญิงคังจะตรวจ จึงไม่มาแล้วเจ้าค่ะ”
“มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!” คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวหน้าแดง
สาวใช้คนนั้นยังคงทำอะไรบุ่มบ่าม และเอ่ยว่า “พวกท่านหญิงยังเชิญนักเล่านิทานหญิงมาเล่านิทานในบ้านด้วยเจ้าค่ะ!”
คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวยกชายกระโปรงขึ้นจะไปที่เรือนของหลี่ตงจื้อ ทว่ากลับถูกเกาเมี่ยวหรงขวางไว้ “นายหญิงคังเป็นอาจารย์ของตงจื้อ นางจะสั่งการบ้านให้ตงจื้ออย่างไร ก็เป็นเร รื่องของนาง เจ้าบุ่มบ่ามบุกไปแบบนี้ ก็เป็นความผิดของเจ้าแล้ว ถึงเวลานั้นจะก่อเรื่องให้ตงจื้อ”
เกาเมี่ยวหรงเตือนคุณหนูหนิวเป่าจูอย่างอดทน
คุณหนูหนิวเป่าจูโกรธจนกระทืบเท้า สุดท้ายก็ยังคำนึงว่าจะทำให้หลี่ตงจื้อเดือดร้อน จึงอดกลั้นความโกรธนี้ไว้
ทว่าเพียงแค่นางคิดว่าทางเจียงเซี่ยนไม่รู้ว่าพวกนางโกรธแม้แต่นิดเดียว แถมยังใช้ชีวิตอย่างสำมะเลเทเมาอยู่ตรงนั้น คุณหนูหนิวเป่าจูก็โกรธจัด
นางเล่าเรื่องนี้ให้พวกพี่น้องที่เข้ากับตนเองได้ดีฟัง
ทุกคนต่างโกรธมาก แต่ก็เหมือนอย่างที่คุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวเอ่ย ไม่อยากหาเรื่องให้หลี่ตงจื้อ จึงไม่ไปรบกวน ทว่าทุกคนล้วนเริ่มไม่ค่อยประทับใจในตัวเจียงเซี่ยน
——————————————————
แน่นอนว่าความรู้สึกของคนเหล่านี้ไม่ส่งผลต่อเจียงเซี่ยน นางตั้งใจฟังสิ่งที่ฮูหยินหลู่เอ่ยเกี่ยวกับฝีมือของช่างร้านขายเครื่องประดับเงินทองร้านไหนดี แบบของร้านผ้าไหมร้านไหนใ ใหม่ แถมยังตัดสินใจเชิญช่างของร้านขายเครื่องประดับเงินทองหย่งเฟิงมาทำเครื่องประดับแบบใหม่ให้นางสักสองสามชิ้น และเชิญช่างของก่วงจี้แห่งไท่หยวนมาทำเสื้อผ้าใหม่ให้นางสักสองสาม มชุดพรุ่งนี้ตามคำแนะนำของฮูหยินหลู่ “หากพอใจจริงๆ สามารถไปเยี่ยมเยียนร้านของพวกเขาได้บ่อยๆ”
“ท่านต้องพอใจอย่างแน่นอน” ฮูหยินหลู่เอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ ตาทั้งสองก็เป็นประกาย เหมือนถึงเขตอิทธิพของตนเองแล้ว จึงมั่นใจในตนเองมาก “ฝีมือของพวกเขาต้องไม่ประณีตเท่าของที่ท ทำในวังอย่างแน่นอน แต่แบบกลับใจกล้า แล้วก็จับคู่สีได้ดี ใส่แล้วดูอ่อนวัย! ท่านว่าผู้หญิงนี้…แต่งตัวก็อยากอ่อนวัยและสวยงามไม่ใช่หรือ?” เอ่ยถึงตรงนี้ นางก็หัวเราะออกมา และ ะเอ่ยว่า “แต่ท่านไม่ต้อง…ท่านเด็กกว่าลูกสาวของข้าเสียอีก! เป็นวัยที่ใส่อะไรก็สวยพอดี”
“เหลวไหล!” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ต่อให้ท่านอยากบอกว่าข้าอายุยังน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องบอกว่าข้าเด็กกว่าลูกสาวของท่านเสียอีกนี่นา!”
ฮูหยินหลู่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อก่อนเจ้าคนผีทะเลของข้ายังมีภรรยาคนแรก คลอดลูกสาวคนหนึ่งกับลูกชายคนหนึ่งให้เขา เวลานี้ลูกสาวคนนั้นยี่สิบแล้ว เป็นแม่ของลูกสองคนแล้ว ข้าพูดผิดที่ไหนกัน?”
เจียงเซี่ยนเพิ่งเคยได้ยินคนเรียกสามีของตนเองว่า ‘เจ้าคนผีทะเล’ เป็นครั้งแรก จึงรู้สึกแปลกใหม่มาก
ส่วนนายหญิงคังก็หัวเราะไม่หยุดอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าฮูหยินหลู่ผู้นี้ก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกัน
ฮูหยินหลู่เปลี่ยนเรื่องไปที่นายหญิงคัง “สามีของเจ้า…ทำไมถึงลาออกล่ะ?”
หากนางสอบถามอย่างอ้อมค้อม นายหญิงคังจะไม่ตอบก็ได้ ทว่านางถามอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ นายหญิงคังกลับไม่ตอบนางไม่ได้