มู่หนานจือ - บทที่ 429 เรียนหนังสือ
นายหญิงคังเอ่ยตรงๆ ว่า “นายท่านของพวกเราเป็นคนตรงไปตรงมา ตอนที่เป็นขุนนางล่วงเกินผู้บังคับบัญชา และรู้สึกเบื่อ จึงอยากลาออกกลับบ้าน ปรากฏว่าได้ยินว่าท่านหญิงอยากเชิญอาจารย์ ไปสอนที่บ้าน จึงอาสาตามท่านหญิงมาซานซี อยากเห็นสภาพแวดล้อมธรรมชาติและขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของซานซี ต่อไปกลับบ้านเกิด ก็คงไม่ถึงกับเสียดายที่ไม่ได้เดินทางหมื่นล ลี้เช่นกัน”
ก็หมายความว่า เพียงแค่อยากอาศัยโอกาสที่เป็นอาจารย์ให้ตระกูลหลี่เดินดูทุกที่เป็นหลัก สอนหนังสือเป็นรอง
นี่เป็นสิ่งที่คังเสียงอวิ๋นอธิบายกับครอบครัว
คุณหนูใหญ่ตระกูลคังที่เพิ่งจะอายุสิบสองปีไม่สงสัย นายหญิงคังก็ยิ่งไม่สงสัยแล้ว
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าเหตุผลนี้ไม่เลวทีเดียว
แต่ฮูหยินหลู่กลับโล่งอก
เรื่องนี้…ใต้เท้าหลู่เป็นคนให้นางช่วยถาม
ใต้เท้าหลู่มักจะรู้สึกว่าตระกูลหลี่ไม่เหมือนตระกูลที่พอใจกับสภาพในปัจจุบัน
หากเดินขึ้นไปอีก ก็เป็นเรื่องที่อันตรายมากเช่นกัน
ตระกูลหลู่จะใกล้ชิดกับตระกูลหลี่หน่อยหรือไม่ และควรจะใกล้ชิดแค่ไหนกันแน่ ใต้เท้าหลู่ไม่มั่นใจ จึงตั้งใจให้ฮูหยินหลู่มาหยั่งเชิงโดยเฉพาะ
ฮูหยินหลู่กับเจียงเซี่ยนต่างพอใจมาก บรรยากาศของงานเลี้ยงตอนเย็นจึงยิ่งดี เจียงเซี่ยนถึงกับเรียกตงจื้อมาร่วมงานด้วย
พวกคุณหนูใหญ่ตระกูลหนิวได้ยินแล้วต่างก็เงียบ
หลี่ตงจื้อติดตามท่านหญิง กลับสามารถอยู่เป็นเพื่อนต้อนรับฮูหยินของผู้ช่วยหลู่ได้ พวกนางจัดชมรมกวีที่นี่ มีเพียงฮูหยินเหอที่ว่ากันว่ายังไม่ได้รับการยอมรับจากเหล่าสตรีชน นชั้นสูงของซานซีปรากฏตัว
มีคนบอกลาอย่างลำบากใจ บอกว่าที่บ้านกำชับให้นางกลับไปเร็วหน่อย
แล้วก็มีคนเอ่ยว่า “เดี๋ยวพวกเรายังจะทายปริศนาบนโคมไฟหรือไม่?”
ตามแผนการของเกาเมี่ยวหรง หลังจากรับประทานอาหารเย็น จะแขวนโคมไฟที่ตกแต่งสีสันสวยงามแบบต่างๆ ริมสระน้ำของเรือนตะวันออก แล้วทุกคนทายปริศนาบนโคมไฟ ใครทายปริศนาบนโคมไฟถูกมาก ที่สุด คนนั้นก็สามารถเลือกพักห้องพักแขกที่ดีที่สุดได้หนึ่งคืน
ไม่มีหลี่ตงจื้อ และท่านหญิงเจียหนานก็ไม่ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อให้ชมรมกวีของพวกนางคึกคักแค่ไหน ก็เหมือนทำอะไรไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมอยู่ดี แลดูขาดความมั่นใจเล็กน้อย เช่น นนั้นคืนนี้พวกนางยังสามารถพักที่นี่หนึ่งคืนได้หรือไม่?
เด็กสาวสิบกว่าคนที่มาร่วมชมรมกวีต่างไม่มั่นใจ
เกาเมี่ยวหรงอดไม่ได้ที่จะกัดปาก ทว่ากลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มโดยไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่นิดเดียวว่า “หากทุกคนรู้สึกว่าเย็นเกินไปแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็เปลี่ยนเป็นจัดงานเลี้ยงน้ำ ำชาที่นี่แล้วกัน ห้องพักแขกนั้นจัดไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว ทุกคนเข้าพักได้เลย เดี๋ยวข้าจะไปพาตงจื้อมาขอโทษทุกคน”
ทุกคนได้ยินแล้วก็มีคนเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราทายปริศนาบนโคมไฟดีกว่ากระมัง? ข้าบอกคนในครอบครัวไปแล้ว กว่าท่านแม่จะอนุญาตให้ข้าพักที่บ้านท่านลุงหลี่หนึ่งคืนได ด้ก็ไม่ง่ายเลย ข้าไม่อยากกลับไปเร็วขนาดนี้!”
แล้วก็มีคนเอ่ยเช่นกันว่า “พวกเราไปเชิญตงจื้อมาก่อนดีกว่า จะได้สนุกหน่อย!”
ยังมีคนเอ่ยว่า “ยังมีพี่เกาไม่ใช่หรือ? หากอาจารย์สั่งการบ้านให้ตงจื้อแล้ว อย่างไรก็ให้ตงจื้อมาเล่นเป็นเพื่อนพวกเราโดยที่ไม่ทำการบ้านไม่ได้กระมัง? ไว้ครั้งหน้าจัดชมรมกวีอี ก พวกเราลงโทษให้ตงจื้อรินชาให้พวกเราทุกคนด้วยกันดีกว่า”
แต่ในใจพวกนางต่างปกคลุมด้วยเงามืดชั้นหนึ่งแล้ว
ทั้งที่ท่านหญิงรู้ดีว่าพวกนางจัดชมรมกวีในบ้าน ทว่าอาจารย์ที่ท่านหญิงเชิญมาให้หลี่ตงจื้อกลับไม่ให้หลี่ตงจื้อหยุด ท่านหญิงไม่ชอบผู้หญิงที่มาจากตระกูลที่ยากจนและฐานะต่ำ ำต้อยอย่างพวกนางหรือเปล่า คิดว่าเวลานี้หลี่ตงจื้อเป็นคุณหนูใหญ่ของกองบัญชาการแล้ว ต้องกำหนดเส้นแบ่งกับคนรู้จักเก่าอย่างพวกนางให้ชัดเจน...
หลังจากนั้นพวกนางยังคงไปทายปริศนาบนโคมไฟที่สระน้ำของเรือนตะวันออก ทุกคนดูเหมือนเล่นอย่างมีความสุขมาก แต่บรรยากาศกลับไม่ตื่นเต้นเท่าครั้งก่อนที่ชมดอกไม้ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่านหญิ งเจียหนานสะใภ้ใหญ่ของจวนสกุลหลี่และภรรยาเอกของลูกชายคนโตของสกุลหลี่ในอนาคตก็ไม่ปรากฏตัวเลย
เจียงเซี่ยนส่งฮูหยินหลู่กลับไปตอนเย็น และคุยกับนายหญิงคังพักหนึ่ง ก็กักตัวหลี่ตงจื้อให้ท่องหนังสืออยู่ในห้อง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางแสดงออกว่าไม่อยากให้หลี่ตงจื้อติดต่อกับพวกคุณหนูหนิวมากนัก หลี่ตงจื้อรู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจเล็กน้อย
ทว่านางไม่กล้าถาม
นางกลัวว่าเจียงเซี่ยนจะสั่งสอนนาง และให้นางห่างเหินกับพวกเด็กสาวของลูกน้องเก่าของตระกูลหลี่ตั้งแต่นี้ไป
ในความคิดของนาง รุ่นพ่อของคนเหล่านี้ล้วนเคยช่วยครอบครัวของพวกนาง นางไม่อาจเนรคุณได้
แต่เจียงเซี่ยนกลับไม่ได้คิดมากขนาดนั้น
นางคิดว่าหลี่ตงจื้อเด็กเกินไป สองปีนี้เรียนรู้ว่าแยกแยะถูกผิดให้ชัดเจนอย่างไร พอโตอีกหน่อย ก็ย่อมรู้ว่าเพื่อนแบบไหนคบได้ เพื่อนแบบไหนคบไม่ได้แล้ว
ดีที่หลี่ตงจื้อกังวลได้ไม่นานเท่าไร หลี่จี้ก็มาคารวะเจียงเซี่ยน
ตอนที่หลี่ตงจื้อได้ยินสาวใช้รายงาน ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตาโต
เพราะฮูหยินเหอทำอะไรไม่มุ่งมั่น ก่อนที่เจียงเซี่ยนจะแต่งมาตระกูลของพวกเขา หลี่ฉางชิงจึงงดให้พวกหลี่จวีปรนนิบัติฮูหยินเหอทั้งเช้าและเย็น ตอนหลังเจียงเซี่ยนจะแต่งมาแล้ว ห หลี่ฉางชิงกลัวว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะว่าตระกูลหลี่ไม่มีกฎระเบียบ จึงให้พวกหลี่จวีไปคารวะฮูหยินเหอใหม่
ทว่าหลี่จี้ก็เป็นกรณีพิเศษในนี้
ตอนที่มารดาของหลี่จี้อยู่ ฮูหยินเหอยังไม่แต่งมา ตอนหลังฮูหยินเหอแต่งเข้ามา คิดว่าไม่นานตนเองก็จะตั้งครรภ์ แม่นมของหลี่เชียนกับแม่นมเหมียวจึงเป็นคนดูแลหลี่จี้ด้วยกัน ใครจะรู้ว่าหลังจากฮูหยินเหอแต่งงานกับหลี่ฉางชิง ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายปีก็ไม่มีลูก ฮูหยินเหอจึงจำเป็นต้องขอให้รักษาและสอบถามยาทุกที่ นางตั้งท้องหลี่จวีอย่างยากลำบาก จึงนอนอยู่บนเตียงโดยไม่กล้าขยับด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องดูแลเด็ก กว่าหลี่จวีจะโตหน่อย และนางเริ่มใส่ใจลูกชายที่เกิดจากอนุภรรยาคนนี้ หลี่จี้ก็โตแล้ว และฮูหยินเห อก็มีลูกชายของตนเอง จึงเฉยชากับหลี่จี้จนเป็นเพียงน้ำใจและหน้าตา หลี่จี้ก็รู้สึกตัวเช่นกัน จึงอยู่ห่างจากฮูหยินเหอและหลี่จวีมาก บวกกับหลี่เชียนไม่อยู่บ้านนาน เขาจ จึงไม่ค่อยสนิทกับหลี่เชียนเช่นกัน ในบรรดาพี่น้อง เขาจัดว่าเป็นคนที่ค่อนข้าง ‘โดดเดี่ยว’
เขาไม่สนิทกับใครทั้งนั้น
แต่เขากลับมาคารวะเจียงเซี่ยน
หลี่ตงจื้อลุกขึ้นคารวะหลี่จี้ ดวงตาก็จ้องกระดาษหมิงจื่อใต้พู่กันโดยไม่ย้ายที่ ทว่าหูกลับตั้งตรงมาก ฟังหลี่จี้คุยกับเจียงเซี่ยน “วันนี้ท่านอาจารย์คังสอน ‘ชุนชิว’ บทที่ หกต่อจากอาจารย์ท่านก่อน แต่ท่านอาจารย์เจิ้งกลับเริ่มสอนจากบันทึกไท่หยวน สอนไปถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปของต้าถง เมืองเซวียน และอวี๋หลิน ทุกคนต่างรู้สึกว่าน่าสนใจ จมาก จึงฟังอย่างสนใจมาก ตอนเลิกเรียน จงเทียนอวี่ยังถามท่านอาจารย์เจิ้งว่า เขาสามารถไปขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์เจิ้งตอนที่ท่านอาจารย์เจิ้งหยุดพักได้หรือไม่ ท่านอาจารย์เจิ้งตอบตก กลงอย่างยินดีมาก ข้าถามเขาว่าอยากถามอะไร เขาบอกว่าอยากถามเรื่องบันทึกด่านเจียอวี้ แถมยังถามข้าว่าจะไปด้วยกันหรือไม่…”
เจียงเซี่ยนฟังพลางยิ้มตาหยี และเอ่ยว่า “เมื่อก่อนตอนที่ข้าอยู่ในวัง สยงจวิ้นหรงกับจั่วอี่หมิงหัวหน้าสำนักฮั่นหลินในเวลานี้ต่างก็เคยสอนข้า คนที่มาจากตระกูลจิ้นซื่ออย่าง งพวกเขา เรื่องอื่นพูดยาก แต่เรื่องเรียนหนังสือกลับเก่งที่สุด นักปราชญ์หลากสำนัก หยิบมาได้เลย หากเจอคนที่ชอบอ่านหนังสือเบ็ดเตล็ด ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ดีดพิณ เล่นหมากล้อม เข ขียนหนังสือ และวาดภาพ ก็ไม่มีสิ่งที่ไม่รู้ โอกาสแบบนี้หายากมาก เจ้าต้องตั้งใจเรียนหนังสือกับท่านอาจารย์ทั้งสอง”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์คัง ข้าว่าเขาเป็นคนถ่อมตนและอ่อนน้อม ไม่ใช่คนแบบที่สนใจแต่ชาติกำเนิด หากเจ้าขยันหมั่นเพียร แสวงหาความก้าวหน้า และทำงานจริงจัง เขาย่อมจะให้ความสำคั ญกับเจ้า”
“ให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่จะคว้าไว้ได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองแล้ว!”
ประโยคสุดท้าย…เจียงเซี่ยนเหมือนกำลังสื่อถึงอะไรบางอย่าง
หลี่จี้เข้าใจแล้ว
เขาหน้าแดงเหมือนไฟ
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางยกชา
หลี่จี้หนีไปอย่างเร็วมาก
หลี่ตงจื้อยังอยากคุยกับเขาสักหน่อย ทว่ามีเจียงเซี่ยนอยู่ นางกลับทำได้เพียงมองเขาจากไป