มู่หนานจือ - บทที่ 430 เซ่นไหว้ในฤดูหนาว
หลังจากนั้นหลี่ตงจื้อถูกเจียงเซี่ยนกักตัวให้เรียนหนังสืออยู่ในเรือนตะวันตก หลี่จี้ขยันเรียนอยู่ในสำนักการศึกษาทุกวัน ส่วนฮูหยินเหอก็ถูกป้าเหอลากไปช่วยจัดการสินเดิมของ เหอถงเหนียง เรื่องของชมรมกวีไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ และไม่มีใครเอ่ยถึง
เกาเมี่ยวหรงหน้าเขียวเล็กน้อย
ไม่นึกว่ายังมีลูกสาวของลูกน้องเก่าของตระกูลหลี่ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือมาถามเกาเมี่ยวหรงอีกว่า ชมรมกวีครั้งหน้าจัดเมื่อไร นางมีพี่น้องที่สนิทกันได้ยินแล้วอยากตามนางมาเปิดหูเปิด ดตาด้วย
เกาเมี่ยวหรงรักษารอยยิ้มบนหน้าไว้ไม่ได้อีกแล้ว และเอ่ยว่า “เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าตงจื้อว่างหรือไม่ อย่างไรพวกเราก็ทิ้งตงจื้อไว้ข้างๆ ไม่ได้กระมัง?”
แต่เด็กสาวคนนั้นดันเป็นคนไม่มีไหวพริบ นึกไม่ถึงว่าจะวิ่งไปถามหลี่ตงจื้อจริงๆ “เจ้าจะได้หยุดเมื่อไร? พวกเราต่างกำลังรอให้เจ้าหยุดจะได้จัดชมรมกวี!”
หลี่ตงจื้อถูกเด็กสาวคนนั้นขวางระหว่างทางตอนที่กำลังกลับเรือนตะวันตกหลังจากคารวะฮูหยินเหอ นางแอบรู้สึกโกรธ จึงเอ่ยอย่างตอบไม่ตรงคำถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที นี่?”
ตั้งแต่เจียงเซี่ยนจัดระเบียบงานต่างๆ เรื่องแบบที่เจ้านายอยู่ไหนใครๆ ต่างก็รู้ก็หายไปแล้ว
เมื่อก่อนหลี่ตงจื้อไม่เห็นด้วย
เวลานี้ถึงจะเข้าใจถึงความจำเป็นของการจัดระเบียบงานต่างๆ อย่างลึกซึ้ง
เด็กสาวคนนั้นยังคงงุนงง และเบิกตาโตพลางเอ่ยว่า “พี่เกาเป็นคนบอกข้า พี่เกาบอกว่า เวลานี้เจ้าน่าจะมาคารวะฮูหยิน”
หลี่ตงจื้อเม้มปาก และเงียบไปนานมาก ถึงจะเอ่ยเบาๆ ว่า “ท่านอาจารย์บอกว่าข้าพื้นฐานไม่ดี ต้องชดเชยสิ่งที่ตกหล่นไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด จะมีวันหยุดหรือไม่ และจะเข้าร่วมชมรมกวีได ด้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการเรียนแล้ว”
เด็กสาวจากไปอย่างผิดหวังมาก
หลี่ตงจื้อกำชับเสี่ยวเหอสาวใช้ประจำตัว “ต่อไปอย่าให้ใครเข้าเรือนของข้าตามใจชอบอีก”
ต่อให้เป็นช่วงเวลาที่ฮูหยินเหอดูแลครอบครัว ก็ไม่มีทางที่จะให้คนเข้าออกเรือนของหลี่ตงจื้อตามใจชอบโดยไม่แจ้งเช่นกัน
คนที่มีเกียรติพิเศษแบบนี้ได้ มีแต่เกาเมี่ยวหรง
เสี่ยวเหอตกใจ และรีบขานว่า “เจ้าค่ะ”
หลี่ตงจื้อกลับเรือนตะวันตกอย่างเงียบขรึมตลอดทาง
เจียงเซี่ยนกำลังพิจารณากุญแจอายุยืนที่หลี่เชียนให้คนส่งมาให้นาง
ทำจากเงิน รูปปลาสองตัวคาบไข่มุก แขวนพู่ยาวมาก ไม่เหมือนของของที่ราบภาคกลาง
เจียงเซี่ยนลองสวม
กุญแจอายุยืนส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งตลอด
“สวยจริงๆ!” ฉิงเค่ออดที่จะเอ่ยชมไม่ได้ “หากท่านหญิงรู้สึกว่าเบาเกินไป สามารถให้ช่างของร้านขายเครื่องประดับเงินทองหย่งเฟิงใช้ทองทำอีกชิ้นได้เจ้าค่ะ”
หลายวันก่อน ร้านขายเครื่องประดับเงินทองหย่งเฟิงรับงานฝีมือของเจียงเซี่ยนแล้ว ทำปิ่นปักผมสี่ชิ้น เครื่องประดับผมรูปดอกไม้ไข่มุกสิบสองดอก ปิ่นระย้าสองชิ้น ปิ่นปักผมเป็นหยกเคล ลือบทอง เครื่องประดับผมรูปดอกไม้ไข่มุกนั้นประดับด้วยขนนกกระเต็นสีฟ้าฝังไข่มุกเหอผู่ หินโมรา และปะการัง ปิ่นระย้าเป็นลายเมฆมงคลกับนกยูงทรงกลม ไม่เหมือนกับพวกหงส์คู่และนกสี ทองในวัง เห็นแล้วก็ทำให้คนรู้สึกสดใสน่ารัก เจียงเซี่ยนชอบมาก จึงมอบหมายให้ร้านขายเครื่องประดับเงินทองหย่งเฟิงทำเครื่องประดับบนศีรษะอีกสิบสองชุด ร้านขายเครื่องประดับเงินทอง งหย่งเฟิงได้รับรายการแบบนี้ ไม่เพียงแต่ช่างของตนเอง แม้กระทั่งร้านขายเครื่องประดับเงินทองเหลียนจี้กับร้านขายเครื่องประดับเงินทองฟู่หยวนที่มีชื่อเสียงดีมาอย่างยาวนานของซานซีต่าง งก็ตกตะลึง ช่างของหลายร้านแข่งขันกัน แบบของใครดีที่สุดก็ใช้ช่างของร้านนั้น ร้านเงินทั้งซานซีต่างถูกรบกวนแล้ว แม้แต่ทางเมืองหลวง ก็ได้ยินข่าวและส่งคนมาสืบเบื้องหลังเช่นก กัน ทว่าร้านขายเครื่องประดับเงินทองของทางซานตงจะขอพบโดยตรงมากกกว่า แล้วส่งช่างมาสังเกตและศึกษา
เจียงเซี่ยนย่อมไม่รู้
นางถือกุญแจอายุยืนนั้นพลางดูอย่างละเอียด และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ละอย่างต่างมีความน่าสนใจเป็นของตนเอง หากเป็นเครื่องทอง เกรงว่าจะไม่มีความน่าสนใจแบบนี้แล้ว” พอเอ่ยถึงตร รงนี้ นางก็นึกถึงจดหมายฉบับที่เขียนถึงเสฉวนตอนที่นางได้รับของขวัญวันเกิดที่หลี่เชียนส่งให้นาง
ตามคำบอกของหลี่เชียน เขาถึงเสฉวนแล้ว และได้เจอกัวหย่งกู้แล้ว เพราะมีเทียบขอพบกับจดหมายของจั่วอี่หมิง กัวหย่งกู้จึงเปลี่ยนจากความเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ เป็นต้อนรับเขาอ อย่างอบอุ่นมาก แล้วก็ตกลงเรื่องที่เขาขอด้วยความยินดีเช่นกัน แถมยังให้ราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดมากแก่เขา ทำงานราบรื่นมาก อีกไม่กี่วันเขาก็จะกลับบ้าน ทว่าเขากลับไม่เอ่ยถึงจดหมา ายฉบับนั้นเลย
พลาดไปด้วยสาเหตุบางอย่างอย่างนั้นหรือ?
พอเจียงเซี่ยนคิดว่าจดหมายฉบับนั้นอาจจะตกอยู่ในมือของคนอื่น และถูกคนอื่นเห็น ก็รู้สึกไม่สบายใจมาก
นางสั่งฉิงเค่อ “เจ้าให้หลิวตงเยว่ติดต่อกองบัญชาการกำลังสำรองเสฉวน ดูว่าจดหมายฉบับที่พวกเราส่งไปที่เขามีคนรับไปหรือยัง? หากยังอยู่ที่กองบัญชาการกำลังสำรอง ก็ให้คนส่งกลับมาให หม่ หากมีคนรับไปแล้ว ใครรับไป? ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน!”
ฉิงเค่อขานรับและจากไป
เจียงเซี่ยนพันนิ้วกับสร้อยเงินที่ยาวมากของกุญแจอายุยืน และอดที่จะถอนหายใจไม่ได้
หลี่เชียนไม่รู้ว่าจะกลับมาได้เมื่อไร?
เรื่องที่นางไปขอที่เมืองหลวงก็ไม่รู้ว่าสำเร็จหรือไม่เช่นกัน?
แล้วยังเรื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษวันที่หนึ่งเดือนสิบ หากหลี่เชียนกลับมาไม่ทัน จะอธิบายกับคนอื่นอย่างไร?
วันเวลาก็ไปถึงวันที่หนึ่งเดือนสิบท่ามกลางความกังวลของเจียงเซี่ยน
ชนชั้นสูงใหม่อย่างตระกูลหลี่ ตามความคิดของหลี่ฉางชิง ปีนี้ตระกูลหลี่ไม่เพียงแต่งสะใภ้ใหม่ ทว่ายังยืนหยัดที่ซานซีสมใจด้วย ทุกอย่างราบรื่น ก็ควรจะเฉลิมฉลองอย่างไร้ความกังวล แต่เพราะหลี่เชียน จึงทำได้เพียงจัดพิธีเซ่นไหว้ในบ้านอย่างถ่อมตน
จู่ๆ เจียงเซี่ยนก็รู้สึกว่าฐานะลูกสะใภ้ของตนเองดีมาก
อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องยุ่งกับพวกเรื่องที่ทำให้คนขบคิดอย่างหนัก
ดีกว่าตอนเป็นไทเฮามาก
นางแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย และยืนส่งของเซ่นไหว้อยู่ข้างหลังฮูหยินเหอในฐานะสะใภ้ใหญ่ ระหว่างงานเลี้ยงก็เอาแต่ก้มหน้ากินอาหาร
ทว่าหลี่ฉางชิงกลับแลดูว้าวุ่นใจเล็กน้อย เขาถามเกาฝูอวี้ว่า “รู้ว่าจงเฉวียนจะกลับมาเมื่อไรหรือไม่?”
“น่าจะปลายเดือนสิบ” เกาฝูอวี้คำนวณพลางเอ่ย
หลี่ฉางชิงเกาผม และเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ไม่รอเขาแล้ว ข้าจะนำทหารฝึกเอง”
เพื่อป้องกันชนกลุ่มน้อยทางเหนือบุกจู่โจม กองบัญชาการจึงจะมีการฝึกทหารครั้งใหญ่สองครั้งทุกฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ
แต่หลี่หลินที่นั่งอยู่ที่ที่ต่ำกว่าหลี่ฉางชิงและเงียบมาตลอดกลับลุกขึ้นคารวะหลี่ฉางชิง และเอ่ยว่า “ท่านอา ฐานะสูงศักดิ์ ไม่ประสบอันตรายง่ายๆ ให้ข้าไปฝึกทหารแทนท่านเถอะ ! ท่านนั่งดูอยู่ข้างๆ ดีกว่า หากข้าทำผิดตรงไหน ท่านอาค่อยชี้แนะข้าก็ไม่สายเช่นกัน”
เพราะต้องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ พวกเขาจึงนั่งคุกเข่าอยู่บนเสื่อคนละโต๊ะตามพิธีโบราณ เขาลุกขึ้นยืนแบบนี้ จึงแลดูสูงโดดเด่นมาก
เห็นได้ชัดว่าหลี่ฉางชิงรู้สึกประหลาดใจมาก
ฮูหยินเหออดไม่ได้ที่จะจับตะเกียบแน่น และมองไปที่เจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนก้มหน้า เหมือนมองไม่เห็น
สายตาของหลี่จี้ทอประกายเล็กน้อย แล้วก้มหน้าเลียนแบบเจียงเซี่ยน นั่งอยู่หน้าโต๊ะกินข้าวอย่างสงบ
ทว่าหลี่ฉางชิงกลับขมวดคิ้ว และเอ่ยอย่างลังเลว่า “เจ้าหรือ…”
“ใช่แล้ว!” หลี่หลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม และหน้าตาเยือกเย็น “ปีนั้นท่านอากับจงเฉวียนนำทหารไปเกาะถานเซียง ก็ยังมอบเรื่องในบ้านให้ข้าไม่ใช่หรือ ท่านอาวางใจเถอะ ถึงข้าจะไม่ได้เ เป็นคนที่มีความสามารถในการบัญชาการตั้งแต่เกิดเหมือนจงเฉวียน ลงสนามก็สามารถยับยั้งพวกคนที่เป็นทหารมานานได้ แต่มีท่านรักษาการณ์ให้ข้าด้วยตนเอง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเช่นกัน ”
เขาพูดอย่างจริงใจมาก
หลี่ฉางชิงก้มหน้าลงไปดื่มชา ทว่าหางตากลับเหลือบมองเจียงเซี่ยนทีหนึ่งอย่างไวมาก แล้วเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยอย่างช้าๆ ว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นปีนี้ก็ให้เจ้าเป็นคนนำทหาร ฝึก ข้าจะนั่งดูอยู่ข้างๆ แล้วกัน!”
หลี่หลินไม่ปิดบังความดีใจของตนเองแม้แต่นิดเดียว เขาขานว่า “ขอรับ” อย่างดีใจ “ท่านอาวางใจ ข้าจะทำตามจงเฉวียนอย่างแน่นอน ออกรบนำหน้าทหาร ให้รางวัลและลงโทษชัดเจน ไม่เสียชื่อเส สียงของตระกูลหลี่”
หลี่ฉางชิงยิ้มพลางพยักหน้า แลดูปลื้มใจมาก