มู่หนานจือ - บทที่ 432 ความแตกต่าง
บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ หากเป็นของที่แก้เหงา เจียงเซี่ยนล้วนเชี่ยวชาญมาก
นางถือภาพวาดของคุณหนูใหญ่ตระกูลคังและปรายตามองครั้งหนึ่งก็ยิ้มออกมา
“นี่คือภาพเก้าเก้าคลายหนาว” นางยิ้มพลางชี้ดอกเหมยบนต้นเหมยโบราณ “เจ้าดูสิ ทั้งหมดมีแปดสิบเอ็ดดอก เจ้าทาวันละดอก ทาเสร็จก็ถึงต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลคังว วาดภาพนี้ได้ไม่ค่อยดีจริงๆ ตอนข้าเด็กๆ จั่วอี่หมิงเคยวาดให้ข้าภาพหนึ่ง แถมยังสอนข้าอย่างละเอียดว่าลงสีอย่างไร เสร็จแล้วกลับเป็นภาพดอกเหมยที่ดีมาก เพียงแต่ไม่รู้ว่าถูก กข้าทิ้งไปไหนตั้งนานแล้ว เป็นสิ่งที่พวกเด็กผู้หญิงจากตระกูลขุนนางทางใต้ใช้ฆ่าเวลาเมื่อไม่มีอะไรทำในฤดูหนาว ว่ากันว่าเมื่อก่อนเด็กผู้หญิงจากทางเหนืออย่างพวกเราไม่ค่อยวาดของ งพวกนี้ ตอนหลังมีคนจากทางใต้อาศัยอยู่ในเมืองหลวงมากขึ้น จึงค่อยๆ แพร่หลาย ถึงเป็นที่นิยมขึ้นมา” เอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงของนางก็ชะงักไปเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ตอนที่คุณหนูใหญ่ตระ ะกูลคังมอบภาพนี้ให้เจ้าไม่ได้พูดเรื่องอื่นหรือ?”
“ไม่เจ้าค่ะ!” หลี่ตงจื้อหน้าแดง และส่ายหน้าอย่างลำบากใจ
เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “มันยังมีข้อดีด้วย พวกคนที่เพิ่งเริ่มเรียนภาพวาดแบบประณีต สามารถใช้มันฝึกมือได้ ข้าว่า…เจ้าก็ลองใช้สิ่งนี้ฝึกมือดูแล้วกัน หากทำไม่เป็น สามารถขอคำแนะนำจากฉิงเค่อได้ ตอนหลังหลินซวี่หัวหน้าสำนักฮั่นหลินก็เคยมอบภาพคลายหนาวให้ข้าเช่นกัน แต่ข้าวันนี้จำได้พรุ่งนี้จำไม่ได้ ส่วนใหญ่ฉิงเค่อเป็นคนช่วยข้าทำให้จบ บลงด้วยดี นางแต้มภาพคลายหนาวเก่งมาก”
เรื่องราวในตอนเด็กอยู่ไกลจากนางเกินไปแล้ว นางจำไม่ได้ว่าหลินซวี่เคยมอบภาพคลายหนาวให้นางตอนนางเด็กๆ หรือมอบให้นางหลังจากนางเป็นไทเฮาแล้ว จำได้แค่ว่านางเคยได้รับภาพ หนึ่ง ทว่าหลินซวี่เป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน ภาพคลายหนาวที่เขาวาดออกมา คนอื่นจะเทียบได้อย่างนั้นหรือ
เวลานี้จั่วอี่หมิงเป็นหัวหน้าสำนักฮั่นหลินแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้หลินซวี่ทำอะไรอยู่?
เขาคนนี้เข้าได้กับทุกฝ่าย เป็นมือดีในการจัดการข้อราชการ หากเขาลาออกด้วยก็ดี แบบนี้นางก็สามารถคิดหาทางดึงเขามาอยู่ข้างกายหลี่เชียนได้ ต่อไปการติดต่อสาส์นกับราชสำนัก กก็ต้องการคนที่พื้นฐานภาษาดีจับพู่กันเช่นกัน
ไม่รู้ว่าตระกูลหลี่มีใครเชี่ยวชาญทำเรื่องนี้…
เจียงเซี่ยนเหม่อลอยเล็กน้อย แต่หลี่ตงจื้อกลับกลับห้องอย่างเขินจนหน้าแดง
นางนึกถึงตอนที่ตนเองอยู่กับเกาเมี่ยวหรง หากไม่ท่องกลอนก็วาดภาพ ไม่อย่างนั้นก็นั่งทำงานเย็บปักถักร้อยด้วยกัน
งานเย็บปักถักร้อยของเกาเมี่ยวหรงดีเหมือนกับลายมือของนาง เกาเมี่ยวหรงยังบอกนางว่า เด็กผู้หญิงนั้นในด้านงานบ้านต้องทำได้ครอบคลุมทุกด้านและสมบูรณ์แบบ ในด้านการทำงานและการติด ดต่อกับผู้คนก็สามารถรับภารกิจคนเดียวได้และจัดการได้รอบคอบและช่ำชอง เกาเมี่ยวหรงยังเรียนทำอาหารกับแม่ครัวด้วยเหตุนี้ พระกระโดดกำแพง ไก่ทอดกรอบ และไก่ต้มสับ ล้วนเป็นอาหาร ที่นางถนัด
เวลามีลูกน้องเก่าของตระกูลหลี่มานั่งคุยที่บ้าน พวกนางก็นั่งทำงานเย็บปักถักร้อยพลางคุยกัน
ทว่านางกลับไม่เคยเห็นเจียงเซี่ยนทำอาหารเลย แล้วก็ไม่เห็นเจียงเซี่ยนทำงานเย็บปักถักร้อยพลางคุยกับพวกสาวใช้เช่นกัน…หากในห้องของเจียงเซี่ยนมีคนกำลังทำงานเย็บปักถักร้อยอยู่ ก็จะต้องเป็นสาวใช้กับหญิงรับใช้ข้างกายนางกำลังเย็บอย่างเชี่ยวชาญมากอย่างแน่นอน ส่วนนางก็พิงหมอนอิงของเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่างและพลิกตัวอย่างลายปัก แล้วชี้อันที่ พอใจและเอ่ยกับสาวใช้ของนางว่า ‘อันนี้สวย ข้าจะปักอันนี้บนสายคาดเอว’ หรือชี้ของที่พวกสาวใช้ปักและเอ่ยว่า ‘อันนี้น่าเกลียดเกินไป จับคู่สีแบบนี้ได้อย่างไร? พันมันให้ข้า แล้วทำใหม่อันหนึ่ง จับคู่สีตามสีที่ข้าให้เจ้า’ บางครั้งนางก็ทำพลาดเช่นกัน นางก็เอ่ยด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า ‘เช่นนั้นก็ปักใหม่อีกอัน อันนี้เอาออกไป ใครชอบก็มอบ บให้คนนั้น’ เจียงเซี่ยนมักจะนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจและมีความสุขมาก ไม่เคยกลุ้มกับเรื่องกี่เข็มกี่เส้นเลย
ไม่รู้ว่าปกติคุณหนูใหญ่ตระกูลคังมีอะไรฆ่าเวลาบ้าง?
หลี่ตงจื้ออดไม่ได้ที่จะสนิทกับคุณหนูทั้งสองของตระกูลคังมากขึ้น
คุณหนูใหญ่คังคล้ายกับเกาเมี่ยวหรงเล็กน้อย
นอกจากนางต้องเรียนงานเย็บปักถักร้อยแล้ว ยังต้องเรียนทำอาหารด้วย และเพราะในครอบครัวมีน้องชายคนเล็กต้องดูแล ปกติจึงช่วยนายหญิงคังควบคุมอาหารการกินภายในบ้านด้วย แต่นางก็ไม่เ เหมือนเกาเมี่ยวหรง ตอนที่เกาเมี่ยวหรงเรียนสิ่งเหล่านี้ใช้กำลังมาก ทว่าคุณหนูใหญ่คังกลับสบายมาก ราวกับเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ในจุดนี้…นางก็เหมือนเจียงเซี่ ยนมาก
หลี่ตงจื้อแอบรู้สึกว่าตนเองเหมือนจะรู้ความแตกต่างของพวกเกาเมี่ยวหรงกับพวกคุณหนูใหญ่ตระกูลคังแล้ว
ในวันที่เหมือนสายน้ำไหลรินเช่นนี้ พวกเขาต้อนรับการมาถึงของลูกชายของหลี่ขุยเจ้าเมืองไท่หยวน ซึ่งก็คือหลี่หนิงเจี่ยหยวนหลาง[1]แต่งงาน
เขาแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์เป็นน้องสาวของตนเอง ลูกสาวคนเล็กของเหยาเซียนจือรองเสนาบดีกรมอาญา
สินเดิมของคุณหนูเหยามีไม่มาก มีเพียงสามสิบหกหีบ แต่ส่งภาพวาดอีกสิบเอ็ดหีบมาเป็นสินเดิม
สินเดิมนี้ทำให้บัณฑิตมากมายของซานซีต่างอิจฉามาก แม้แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลคังเอ่ยถึงขึ้นมา ก็ชมอย่างเต็มปากเต็มคำเช่นกัน และตระกูลคังยังได้รับเทียบเชิญที่พ่อบ้านของตระกูลหลี่ ส่งมาด้วย
หลี่ตงจื้อแอบประหลาดใจ
เจียงเซี่ยนบอกนาง “ต่อให้ตระกูลคังตกอับแค่ไหน นั่นก็เป็นตระกูลที่มาจากจิ้นซื่อเช่นกัน สำหรับคนของตระกูลหลี่ พวกเขาถึงจะเป็นคนกันเองที่แท้จริง ตระกูลหลี่มีงานแต่งงาน ย่อ อมต้องส่งเทียบเชิญให้ตระกูลคังกับตระกูลเจิ้งอย่างเป็นทางการ”
หลี่ตงจื้อกลับถึงที่พักของตนเองอย่างเงียบๆ คุณหนูจูมาเยี่ยมนาง
เพราะตรงนี้เป็นที่พักของเจียงเซี่ยน นางจึงพักที่เรือนของเกาเมี่ยวหรงก่อน รอหลี่ตงจื้อเลิกเรียน
หลี่ตงจื้อคิดแล้วก็ไปที่เรือนของเกาเมี่ยวหรงทันที
ที่เรือนของเกาเมี่ยวหรงนั้นนอกจากคุณหนูจูแล้ว ยังมีลูกสาวของลูกน้องเก่าของตระกูลหลี่อีกสองคน ทุกคนกำลังนั่งล้อมวงกัน พูดคุยพลางหัวเราะเรื่องที่หลายวันก่อนไปร่วมงานวัดข ของภูเขาอู่ไถอย่างมีความสุข หนึ่งในนั้นเล่าว่า “เห็นเพียงผู้ชายคนนั้นจู่ๆ ก็พ่นเปลวไฟออกมาจากปาก ก็จุดคบเพลิงติดแล้ว พวกเราต่างตกใจมาก ทุกคนพากันโยนเหรียญทองแดงลงไปใน กระถาง ข้าก็โยนไปสิบอีแปะเหมือนกัน…” เห็นหลี่ตงจื้อมาถึงแล้ว นางก็รีบลุกขึ้นยืนทักทายหลี่ตงจื้อ
หลี่ตงจื้อยิ้มให้นาง
อีกคนหนึ่งก็เอ่ยว่า “ตงตื้อ เจ้ามาได้พอดี ฟังนางเล่าเรื่องที่ไปดูกายกรรมที่ภูเขาอู่ไถ”
หลี่ตงจื้อเคยเห็นตั้งนานแล้ว จึงไม่รู้แปลก ทว่าก็ยังตั้งใจฟัง สุดท้ายไม่รู้ว่าหัวข้อสนทนาของทุกคนเบนไปที่เรื่องเก็บค่าเช่าได้อย่างไร เด็กผู้หญิงคนนั้นเลิกคิ้วและเอ่ยว่ า “เขาผสมก้อนหินในข้าวสารยังไม่ยอมรับ ข้าลงไปร่อนให้เขาดูด้วยตนเอง เขาถึงตัดใจ เพียงแค่น้องสาวของเขาคลอดลูกชายให้ท่านพ่อคนหนึ่ง เขาก็กล้ากำเริบเสิบสานแบบนี้ อยู่ข้างนอ อกเรียกตนเองว่าเป็นลุงของข้า ทำให้ท่านแม่โกรธมาก ข้าจึงออกความคิดให้ท่านแม่ ให้น้องสาวของเขาปรนนิบัติรับใช้ท่านแม่ นี่ก็…ยังไม่ถึงสามวัน ก็ทนไม่ไหวแล้ว…”
หลี่ตงจื้อฟังอยู่ครู่หนึ่งถึงจะเข้าใจ
ที่แท้เป็นการต่อสู้กันของนายหญิงกับอนุภรรยาในตระกูล
นางมองใบหน้าที่อยากลองทำดูของเด็กสาวคนนั้น และรู้สึกเบื่อมาก แต่เกาเมี่ยวหรงยังเอ่ยว่า “โชคดีที่ข้างกายแม่เจ้ามีเจ้า ไม่อย่างนั้นยังไม่รู้ว่าจะถูกรังแกเป็นแบบไหน!”
เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ตอบว่า “ใช่” อย่างภูมิใจมาก เหมือนมารดาของนางมีวันนี้ ล้วนเป็นความดีความชอบของนาง
หลี่ตงจื้อไม่เอ่ยสิ่งใดตั้งแต่ต้นจนจบ
คนอื่นต่างไม่สังเกต ทว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลจูกลับสังเกตเห็นแล้ว
คุณหนูใหญ่ตระกูลจูเอ่ยกับนางเสียงเบาว่า “น่าเบื่อมากจริงๆ ใช่หรือไม่? เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ต่อให้อยากออกหน้าให้แม่ของนาง ก็อ้างแบบนี้ดื้อๆ ไม่ได้เช่นกัน ส สุดท้ายทำให้พ่อของนางโกรธ คนที่เสียเปรียบก็ยังเป็นแม่ของนางไม่ใช่หรือ”
คำพูดของคุณหนูจูดึงดูดหลี่ตงจื้อ
หลี่ตงจื้อยิ้มให้นาง และถามนางเสียงเบาว่า “เจ้าหาข้ามีธุระอะไร?”
นี่เป็นครั้งที่สามของเดือนนี้ที่คุณหนูจูมาหานางแล้ว
———————————–
[1] เจี่ยหยวนหลาง ผู้สอบขุนนางระดับเซียงซื่อได้ที่ 1